บทที่ 12 การประลองของกุนไท่
บทที่ 12 การประลองของกุนไท่
“พวกเจ้าอย่าได้ตื่นตะหนกจนเกินเหตุ ข้ามีแผนสำรอง!”
ชายหนุ่มซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มได้กล่าวขึ้น พร้อมกับออกคำสั่งกับกองทัพ กองกำลังทหารม้าหมื่นนาย นักธนูสองหมื่น และทหารราบอีกหมื่นนายปรากฏตัวขึ้นอีกฝั่งหนึ่งของกำแพงป้อมปราการ พวกมันต่างกระจายตัวกันแต่ละจุด ส่วนทางภูเขาที่เป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของป้อมปราการ มีทหารเกราะหนัก และเหล่ากองโจรจำนวนมากที่ซ่อนตัวไว้
เมื่อทหารเกราะหนักโผล่ออกมา เหล่าทหารราบทางฝั่งของทวีปอรุณเบิกฟ้าก็กระโจนเข้ามาโจมตีกันอย่างบ้าคลั่ง นักธนูที่ติดตามมา ก็ยิงเข้าใส่เหล่าหทารราบที่เข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจัดกระบวนทัพเพื่อไม่ให้อีกฝั่งหนึ่งเจ้าใกล้นักธนูของพวกเขาได้!
ฟิ้ว ปึก ปึก!
จำนวนคนตายเพิ่มขึ้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด กองทัพของทวีปอรุณเบิกฟ้าทำตามแผนการที่วางไว้ จึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยทัพกลับไปมิได้ แต่ทว่าพวกนั้นกลับซ่อนกองโจรเอาไว้ ส่งผลให้ระหว่างที่กำลังไล่ตามไปไม่ทันได้ระวังตัว เลยถูกซุ่มโจมตีจากเหล่าโจรที่คล่องแคล่วว่องไว
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผู้ชนะก็ถูกกำหนด นั่นคือทวีปอรุณเบิกฟ้าแม้จะเกิดเรื่องไม่คาดฟังแต่ก็สามารถแก้สถานในการได้โดยการช่วยเหลือของกุนไท่ที่รีบแก้สถานการณ์ ทำให้ผู้อื่นนั้นต้องมองมาที่กุนไท่ในมุมมองใหม่ ไม่ได้มีแค่พรสวรรค์ แต่ยังมีการสังเกตในสถานการณ์ต่างๆที่ดีอีกด้วย
ทำให้พวกเขารู้สึกชื่นชมภายในใจลึกๆแต่กลับไม่ได้แสดงออกมา เพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี เป็นธรรมดาที่จะไม่ออกปากชื่นชมอีกฝ่ายก่อน แม้จะเป็นบุตรชายของเจ้าสำนักกุนจวินก็ตาม ทวีปอื่นนั้นก็ทำการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเช่นเดียวกัน และผลก็ออกมา
อันดับหนึ่ง ทวีปแดนสงครามโลหิต พวกเขาเป็นเอกในด้านการทำสงครามอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่ได้ถึง 5 คะแนน
อันดับสอง ทวีปอรุณเบิกฟ้า ได้ 4 คะแนน
อันดับสาม ทวีปเอกพิภพ ได้ 3 คะแนน
ส่วนอีกสิบเจ็ดทวีปที่เหลือต่างได้ 1 คะแนน
“ข้าขอเริ่มการแข่งขันที่สองต่อเลย การประลองยุทธ์!”
จักรพรรดิกล่าวขึ้น ก่อนจะส่งสายตาให้ผู้ตัดสินเป็นผู้จัดการต่อ
“ข้าจะไม่เสียเวลา เริ่มได้! การประลองรอบที่หนึ่งการประลองระหว่างทวีป...
การต่อสู้ของรุ่นเยาว์แต่ละคน ได้มาถึงจุดที่ดุเดือด รุ่นเยาว์หลายคนต่างแสดงศักยภาพกันออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะคนจากทวีปอรุณเบิกฟ้าที่มีหนิงหลงเป็นผู้นำ เขาได้กลายเป็นคนที่โดดเด่นท่ามกลางคนรุ่นเดียวกันอย่างง่ายดาย
กุนไท่ไม่ได้มีส่วนร่วมเลยแม้แต่น้อย เพราะเขายังคงอ่อนแอเกินไป มีเพียงการแข่งขันอย่างที่สามเท่านั้น เขาถึงจะสามารถแสดงความสามารถได้ เขาเลยเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย
จึงชวนผู้สืบทอดจากทวีปอื่นมาพูดคุย ทำให้เขาได้รู้จักผู้คนมากขึ้น แม้จะไม่สนิทก็ตาม แต่มีบางคนที่คุยกับเขาแล้วถูกคอกันเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่จะสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานเลยทีเดียว
และแล้วการแข่งขันที่สามก็เริ่มขึ้น นี่ทำให้เลือดของกุนไท่เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น
“รอบแรกผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวจากทวีปอรุณเบิกฟ้า กุนไท่ และผู้สืบทอดลำดับที่ 3 จากทวีปแดนสงครามโลหิต ฮุ่ยเหอ!”
ผู้ตัดสินประกาศรายชื่อออกมาอย่างดังลั่น
“พยายามเข้าละ น้องกุน พี่ชายคนนี้จะคอยดูความสำเร็จของเจ้า!”
“พี่กุน นี่เป็นก้าวแรกสู่ความยิ่งใหญ่ของท่าน น้องชายคนนี้จะคอยดูท่าน”
เหล่าผู้สืบทอดที่มีความสนิทในระดับหนึ่งกับกุนไท่ ต่างกล่าวให้กำลังใจต่อเด็กหนุ่มออกมาอย่างไม่ขาดสาย มีไม่ต่ำกว่าสิบคน นี่คือการมีมนุษย์สัมพันธ์ดีของเด็กหนุ่มผู้นี้
กุนไท่เดินขึ้นลานประลองอย่างเชื่องช้า พร้อมกับใบหน้าที่แสดงด้วยความง่วงออกมา แม้ภายนอกจะแสดงเช่นนั้นออกมา แต่ภายในกลับตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง ส่วนฮุ่ยเหอเองก็เดินขึ้นมาบนลานประลองเช่นเดียวกัน
สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ฮุ่ยเหอรู้สึกไม่ชอบหน้าเจ้าเด็กนี่อย่างแรง เพราะคำให้กำลังใจจากคนมากมายเมื่อตะกี้นี้ ส่งผลให้เขารู้สึกหมั่นไส้ ด้วยอายุเพียงสิบห้าปี กลับอยู่ระดับเดียวกับเขาที่อายุสิบแปดปีแล้ว นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
เริ่มได้!
เมื่อเริ่มแล้วกุนไท่ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ถาโถมเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัว ฮุ่ยเหอรู้สึกว่าร่างกายเริ่มอ่อนแรงลง หนังตาเริ่มหนักอึ่ง ดวงตาพลันพร่ามัว ก่อนจะตัดสินใจจิกมือตัวเองอย่างแรงเพื่อสะกดข่มความง่วงของตนเองเอาไว้
นี่มันพลังบ้าอะไรกัน!
มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
แม้จะจิกมือของตนเองเพื่อให้ตื่นตัว แต่ผ่านไปเพียงสามลมหายใจ สติก็พลันดับวูบ ความอ่อนล้ากัดกินจิตใจ
ปึง!
ร่างกายนอนแผ่ยาวอย่างสบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา เพียงมองดูก็รู้แล้วว่าบุคคลผู้นี้กำลังอยู่ในช่วงฝันกลางวันอยู่
กุนไท่เดินลงจากลานประลอง โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่อีกฝ่ายด้วยซ้ำ ร่างกับว่าไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
ผู้ชมกลายเป็นตกตะลึง ไม่มีคำใดกล่าวออกมา ภาพตรงหน้าของพวกเขานั้น มันเกิดขึ้นเร็วมาก การประลองจบไปโดยไม่ถึงห้าลมหายใจด้วยซ้ำ อายุสิบห้าปีอยู่ในระดับพลังมนุษย์ ขั้น 12 แถมยังจัดการคนที่อยู่ระดับเดียวกันได้โดยไม่ต้องลงมือ นี่มันสัตว์ประหลายประเภทไหนกันแน่!
ผู้ตัดสินได้สติเป็นคนแรก ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัว พลางจ้องมองไปที่กุนไท่
“ผะ...ผู้ชนะ คือ กุนไท่ จากทวีปอรุณเบิกฟ้า!”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้ตัดสิน เหล่าผู้คนต่างส่งเสียงออกมากันอย่างดังระงม พวกเขาต่างผู้คุยกันเรื่องการประลองเมื่อกี้นี้
“พวกเจ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นหรือไม่? เมื่อกี้เป็นกลิ่นอายที่พิเศษมากอย่างกับว่ามาจากคนละโลกเลย!”
“ใช่แล้ว! ข้าว่าทวีปอรุณเบิกฟ้าได้ผู้สืบทอดที่ทรงพลังมากแน่ในอนาคต คาดว่าอีกไม่กี่ร้อยปี อาจจะสามารถเป็นทวีปขนาดใหญ่ได้แน่!”
“เมื่อกี้ตอนประลอง ข้ารู้สึกขนลุกมาก ตอนนี้ก็ยังไม่หายเลยด้วยซ้ำ! ข้าอิจฉาท่านกุนจวินยิ่งนักที่มีบุตรชายที่กำเนิดมาขึ้นมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่น่าอิจฉาริษยาถึงเพียงนี้!”
ทางฝั่งของกุนจวินนั้น เมื่อได้ยินคำกล่าวสรรเสริญโดยรอบ ทำให้เขาถึงกลับยิ้มหน้าบานออกมาเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้กระทั้งเหล่าผู้อาวุโสที่ได้หน้าไปด้วย ส่วนรุ่นเยาว์ที่เป็นตัวแทนทั้งหลายก็ต่างรู้สึกยินดีไปด้วย เพราะกุนไท่คือบุตรของท่านเจ้าสำนักกุนจวิน หากเป็นผู้อื่นละก็ พวกเขาคงริษยา และคิดหาทางกำจัดไปแล้ว
พวกสหายของกุนไท่ก็ไม่ต่างกัน พวกเขาต่างพากันเดินเข้ามาชื่นชม และสรรเสริญด้วยคำยกย่องต่างๆนาๆ ตัวตนของพวกเขานั้นเป็นถึงผู้สืบทอดกันทั้งนั้น แม้จะมีบางส่วนที่ไม่ใช่ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งก็ตาม แต่ก็มีอำนาจอย่างมากในทวีปของพวกเขา และพวกเขานั้นมีประโยชน์อย่างมากในวันข้างหน้าเมื่อเติบโตขึ้น
ยิ่งมีสหายมากยิ่งสามารถขอความช่วยเหลือได้มาก กุนไท่เป็นคนที่มองการณ์ไกลเสมอ แม้จะอายุเพียงสิบห้าปี แต่จากประสบการณ์ที่พบเจอผู้คน และเดินทางในโลกแห่งความฝันมานั้น มันทำให้เขามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัยที่ควรจะเป็น!