ตอนที่ 4 แผน...ที่ถูกวางเอาไว้
ตอนที่ 4 แผน...ที่ถูกวางเอาไว้
“พี่ชายคิดดีแล้วจริงๆหรือว่าจะปล้นฉันจริงๆ”
ชายไร้บ้านหลายคนต่างก็แปลกใจที่ เด็กหนุ่มคนนี้ดูไม่ตกใจหรือตื่นกลัวสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด ทั้งที่มันอาจทำให้เขาถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เลยเชียวนะ พวกเขาเห็นเหตุการณ์เหล่านี้จนชินตา มีคนพยายามขัดขืน วิ่งหนี หรือยอมแพ้ แต่จุดจบก็เหมือนกันหมด
คือโดนกลุ่มคนพวกนี้ รุมอัดซะยับเยิน แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย แถมยังทำตัวปกติสุขจนน่ากลัว
"พี่เดอตี้...พี่แน่ใจนะว่าไอ้หนุ่มคนนี้ เป็นพวกหง่อยรังแกง่าย ดูจากท่าทางมันเหมือนไม่กลัวพวกเราเลย"
"ใช่จริงด้วย ฉันก็เห็นด้วยนะ หรือว่ามันมีวิชาป้องกันตัว"
"พวกแกเชื่อฉันเถอะ ไอ้เด็กนี้ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่แกล้งทำตัวปกติ เดี๋ยวพวกแกคอยดู"
คนไร้บ้าน 4 คน ที่ต้อนเจสเปอร์เข้ามาในซอยต่างกระซิบกระซาบเพื่อปรึกษากัน พวกเขารังแกคนอื่นมามากโดยใช้จำนวนเข้าสู่หากเจอเหยื่อที่มีร่างกายแข็งแรง พวกมันจะคอยหลีกเลี่ยงทันที แต่จากการวางตัวที่เรียบเฉยของเจสเปอร์ก็ทำให้พวกมันแอบหวั่นไหว อยู่ไม่น้อย
“ในเมื่อแกรู้ว่าพวกฉันจะปล้นแก งั้นก็รีบๆส่งของมีค่าออกมาให้หมด อย่าคิดตุกติก”
‘เพล้ง’
ชายไร้บ้านที่ชื่อเดอตี้ หยิบขวดเหล้าจากถังขยะมาตีลงพื้นให้เป็น อาวุธปากฉลาม แล้วชี้มาที่หน้า เจสเปอร์
เจสเปอร์ยังคงทำตัวตามปกติ มือของเขายังอยู่ในเสื้ออยู่ตลอดตั้งแต่เดินออกมาจากร้านล็อตเตอรี่
“แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง ฉันบอกว่าให้ส่งของมีค่าของแกมา”
“ถ้าแกอยากได้ ก็เข้ามาเอาไปเอง”
เจสเปอร์ท้าทายคนไร้บ้าน 3-4 คนนั้นไม่หยุดหย่อน แต่ในเมื่อมีอาวุธอยู่ในมือชายไร้บ้านที่ชื่อเดอตี้ ก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วมันเคยทำร้ายร่างกายคนอื่นมานักต่อนัก เคยแทงคนอื่นให้เข้าโรงพยาบาลก็หลายคน หากใครจะแจ้งตำรวจ มันก็แค่หลบหน้า หายตัวไปจาก ย่านนี้สักพักก็เท่านั้นเอง
ไม่ทันขาดคำ ชายไร้บ้านพุ่งเข้ามาหาเจสเปอร์อย่างรวดเร็วพร้อมกับขวดปากฉลามในมือ
เจสเปอร์กระโดดหลบออกไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีนั้น แต่ชายไร้บ้านอีก 3 คน ก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เจสเปอร์ได้แต่ทำการพุ่งตัวหลบ จำนวนคนเยอะจนเกินไป ไม่สามารถป้องกันตัวเองไปมากกว่านี้ได้ ในสายตาชายไร้บ้านเจสเปอร์เหมือนหนูที่กำลังวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดพวกมันรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีวิชาป้องกันตัวและร่างกายก็ไม่แข็งแรงมากนักแต่ถึงจะไม่แข็งแรง แต่ก็ว่องไวมากจนพวกมัน 4 คน ตามจับไม่ทัน
ถึงกระนั้นซอยแห่งนี้ก็ไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก ไม่นานเจสเปอร์ก็ถูกต้อนจนมุม เจสเปอร์ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ ขวดปากฉลามก็พุ่งมาที่ท้องของแล้ว
‘ปัง’
เสียงดังขึ้น จากด้านหลังของชายไร้บ้านทั้ง 4 คน เดอตี้ทรุดลงกับพื้น พร้อมร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
ชายไร้บ้านทั้ง 3 คน ตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อกี้ เดอตี้กำลังจะแทงเด็กหนุ่มคนนั้น แต่แล้วจู่ๆ ก็ ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว และเสียงข้างหลังที่พวกมันได้ยินนั้นไม่ผิดแน่ๆ
ขออย่าเป็นอย่างที่พวกมันคิด...!
“หยุดอย่าขยับ ยกมือขึ้นเหนือหัว ค่อยๆหันหลังกลับมาช้าๆ”
ตำรวจ 5 นาย ชี้ปืนจ่อชายไร้บ้านทั้ง 3 คน พวกมันทำได้แค่ ทำตามคำสั่ง ปืนที่ตำรวจยิงเมื่อครู่ถึงแม้จะไม่ใช่กระสุนปืนจริง แต่ก็รุนแรงมากพอที่ทำให้อวัยวะภายในฉีกขาด ดังสภาพที่เดอตี้ประสบอยู่
มันในตอนนี้นอนดิ้นทุรนทุราย อยู่บนพื้น
ตำรวจเข้ามาจับกุมคนไร้บ้านที่ก่อเหตุอย่างรวดเร็วเมื่อไม่เห็นการขัดขืนใดๆ คนไร้บ้านถูกใส่กุญแจมือครบทั้งหมด รวมทั้งเดอตี้ที่บาดเจ็บด้วยเช่นกัน
“ปลอดภัยดีนะคับ ผมต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย”
ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาแสดงความขอโทษต่อหน้าเจสเปอร์อย่างสุภาพ เขาคงโกรธตำรวจพวกนี้ไม่ได้พวกตำรวจทำตามหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี
แต่เพราะมีพวกกวนเมืองที่คอยแจ้งความเท็จอยู่ตลอดทำให้การช่วยเหลือในเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่ทันการณ์และจากการที่เขาโทรแจ้งไปนั่นก็ไม่น่าเชื่อสักเท่าไรด้วย
เจสเปอร์โทรแจ้งตั้งแต่อยู่ที่ร้านแล้วแต่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นตำรวจจึงไม่ปักใจเชื่อและก็เป็นโชคดีของอีกครั้งที่การโทรไปแจ้งครั้งที่ 2 ยังเป็นตำรวจคนเดิมกับรอบแรก เพราะการโทรครั้งที่ 2 นั้นเจสเปอร์โทรตั้งแต่ถูกต้อนเข้ามาในซอยทิ้งขยะ ตำรวจได้ยินเสียงการพูดคุยอย่างชัดเจนและตรวจสอบตำแหน่งของเขาจากสัญญาณโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา
ซึ่งเจสเปอร์ไม่ได้วางสายเลยตั้งแต่เข้ามาในซอย ทำให้ตำรวจระบุตำแหน่งได้ง่ายดายและรวดเร็ว
“ผมปลอดภัยดีครับคุณตำรวจ โชคดีที่คุณตำรวจมาทัน ไม่เช่นนั้นผมคงแย่”
เจสเปอร์ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ถ้าแผนที่เขาวางไว้ไม่สำเร็จคงตายแน่ๆ นี้แค่ย้อนเวลากลับมาวันแรกก็เฉียดตายซะแล้ว ซึ่งในอดีตของเขาในวันนี้ เจสเปอร์จำได้แค่นั่งรถไปเรียนตามปกติเท่านั้นเอง การจะเปลี่ยนโชคชะตาดูแล้วคงไม่ง่ายเลย คงต้องออกกำลังกายให้มากขึ้นกว่านี้ อย่างน้อยให้ร่างกายกระชับมากขึ้นเพราะแค่วิ่งหนีเมื่อสักครู่ก็เหนื่อยจนหน้าจะมืด
หากเป็นในนิยายหรือการ์ตูนพระเอกที่ย้อนอดีตได้จะต้องแข็งแกร่งโอเวอร์ทั้งในเกมและชีวิตจริง
คงมีการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จนเอาชนะคน 5-6 คนได้อย่างสบายเพื่อเอาใจนางเอก
'แต่นี้มันชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย'
จะมีที่ไหนที่คนธรรมดาจะฝึกฝนตัวเองให้เป็นคนที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ได้แบบนั้น แค่วิ่งหนี หลบให้รอด ไม่ล้มกลางทาง ป้องกันตัวเองได้เล็กน้อยก็เก่งมากแล้ว บ้านเมืองมีกฎหมาย มีตำรวจการทำร้ายร่างกายใครง่ายๆป่านนี้เขาคงเป็นคนที่ถูกส่งไปเข้าคุกแล้วละ
แล้วไหนจะต้องสู่กระบวนการทางกฎหมายอีก เสียเวลาต้องเท่าไรแล้วจะเอาเวลาไหนไปเล่นเกมหรือไปใช้ชีวิต
“ยังไงทางตำรวจ ขอเชิญคุณไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยกันสักหน่อยนะคับ ใช่เวลาไม่นาน”
เจสเปอร์เข้าใจกระบวนการตามกฎหมายเป็นอย่างดียังไงเขาก็เป็นผู้เสียหายถึงแม้จะฟ้องร้องคนไร้บ้านไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนพวกนี้ยังไงก็ไม่มีเงินมาจ่าย แต่ตำรวจก็ยังต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ระหว่างทางที่อยู่บนรถตำรวจ ตำรวจมีการพูดคุยกับเจสเปอร์เป็นระยะแต่เจสเปอร์ไม่ได้สนใจกับการสนทนากับตำรวจสักเท่าไร เพราะเขากำลังดูโปสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีอุปกรณ์ VR เป็นเนื้อหาในนั่น บนตึกที่รถขับผ่านไปมา
ตำรวจหนุ่มก็เหมือนจะสังเกตเห็น ว่าสายตาของเจสเปอร์กำลังสนใจกับอะไรอยู่?
“ดูเหมือนว่าคุณก็สนใจจะเล่นเกม VR เหมือนกันเหรอคับ” ตำรวจหนุ่มคนเดิมมองมาที่กระจกหลังแล้วพูดกับเจสเปอร์ที่กำลังเงยหน้ามองโปสเตอร์แผ่นใหญ่
“ใช่คับ ผมว่ามันน่าตื่นเต้นดีเลยว่าจะลองดูสักหน่อย” เจสเปอร์ตอบกลับไป
“ผมเองก็สนใจที่จะเล่นเหมือนกัน ผมว่าจะลองเปิดประสบการณ์ของตัวเองกับเกมที่กำลังจะเปิด The Era Online ไม่ทราบคุณรู้จักไหม” ตำรวจหนุ่มเองก็มีความสนใจในเกมที่กำลังจะเปิดเช่นกัน ตำรวจก็เป็นคนมีเวลาว่างก็เล่นเกมได้ไม่ต่างกับคนทั่วไปไม่ใช่เรื่องน่าแปลกตรงไหน
“ผมเองก็จะเล่นเกมนี้เหมือนกัน”
“ว้าว!! งั้นก็เยี่ยมไปเลย ถ้าไม่เป็นการไม่เสียมารยาท ผมขอถามชื่อและเบอร์ติดต่อคุณได้หรือไม่ ผมชื่อ คลูเอล ยินดีที่ได้รู้จักคับ”
“ผมเจสเปอร์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ส่วนนี้ UCode ติดต่อของผมครับ” เจสเปอร์ยื่นมือถือของเขาส่งไปโดยลืมไปว่านี้คือมือถือจากอนาคตของตัวเอง
“เอ๊ะ!!” ตำรวจหนุ่มคลูเอล รับมือถือของเจสเปอร์มาเพื่อสแกน หน้าของคลูเอลดูแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อสแกนเสร็จส่งมือถือคืนเจสเปอร์ตามปกติ
เจสเปอร์เข้าให้ปากคำกับตำรวจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ใช่เวลาเพียงแค่ 30 นาที ก็เสร็จธุระ กระบวนการตามกฎหมายจะดำเนินการยังไงตัวเขาก็ไม่ได้อยากรู้แล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของตำรวจในการจัดการ
เจสเปอร์รีบขึ้นรถประจำทางเพื่อรีบกลับไปยังมหาลัย ซึ่งปัจจุบันเจสเปอร์เป็นนักศึกษาของมหาลัย HCCU ชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ เอกเทคโนโลยีสมัยใหม่ เจสเปอร์หยิบผ้าปิดปาก และหมวกขึ้นมาสวมใส่เมื่อใกล้ถึงมหาลัย
สาเหตุที่ต้องแต่งตัวแบบนี้เพราะเขาได้รับตำแหน่งหนุ่มหล่อประจำมหาลัยมาครอบครองอย่างไม่เต็มใจ เพราะนี้คือการโหวตโดยบรรดานักศึกษาทั้งหมด เมื่อโหวตจนครบ 5 อันดับ ทุกคนก็จะถูกจับมายืนโชว์ตัวในงานรับน้องใหม่เพื่อโหวตตัดสินรอบสุดท้ายกันอีกที เจสเปอร์พยายามหนีและปฏิเสธอย่างแข็งขัน แต่สุดท้ายก็ถูกรุ่นพี่ในคณะจัดการรวบหัวรวบหางส่งขึ้นเวที รวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากบรรดาอาจารย์ประจำคณะ นี้คือรางวัลที่เชิดหน้าชูตาคณะได้อย่างถ่องแท้ จะมีบรรดานักศึกษาน้องใหม่เข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นเป็นอาหารตาให้กับบรรดารุ่นพี่ รวมถึงเงินโบนัสที่คณะอาจารย์จะได้จากคณะกรรมการ
เจสเปอร์ถูกจับเข้าประกวดทุกปีและได้ครองตำแหน่งอันดับ 1 มาตลอด เงินรางวัลกับคะแนนพิเศษก็ดีจนเขาไม่อาจตัดใจได้ แต่ก็เหมือนดาบสองคม ชื่อเสียงที่ได้รับมาทำให้คนทั้งมหาลัยรู้จักเขา มีคนรักและก็ต้องมีคนเกลียด มีคนชอบและมีคนอิจฉานี้คือปกติของสังคม เขาใช้ชีวิตในมหาลัยลำบากมาก เข้าห้องน้ำยังถูกตามถ่ายรูป หรือมีคำดูถูกฐานะทางการเงิน และ ล้อเรื่องครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจหลังจากวันนี้เขาจะกลายเป็น คนรวย ที่ทุกคนต้องอิจฉา
.......................................................................................
“กว่าจะเจอตัวนายนี่ ไม่ง่ายเลยนะ ถ้าถอดหมวก ไม่ใส่ผ้าปิดปากป่านนี้ฉันคงตามหาแก ง่ายกว่านี้”
ชายรูปร่างดีมีกล้ามเป็นหมัดๆดูก็รู้ว่าเป็นคนออกกำลังกายและดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีได้ก้าวมานั่งข้างๆเจสเปอร์
“แกเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ...ว่าผลจะเป็นยังไง”
เจสเปอไม่ได้สนใจคำพูดของชายข้างๆ เขากำลังจดจ่อกับแผ่นโฆษณาอุปกรณ์ VR ที่ได้รับมาจาก ตำรวจที่ชื่อคลูเอล
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
เข้าไปร่วมพูดคุยกับไรท์หรือสมาชิกนักอ่านคนอื่นๆได้ที่แฟนเพจตามลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
www.facebook.com/writelazy