ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
ธีรภัทรยืนนิ่งใต้ฝักบัวปล่อยให้อารมณ์รุ่มร้อนสงบลงด้วยน้ำเย็นที่ไหลผ่าน ทว่ามันก็ดูยากเย็นนักคงได้ทำเพียงใช้มือตัวเองลูบไล้บรรเทาแก่นกายตัวเองปลอบโยนมันไป
แต่งงานมาครึ่งปีแล้วแถมไม่ได้นอนรวมเตียงเดียวกับเมียอีก ซ้ำร้ายยังไม่ได้มีอะไรกันอีกด้วย
จะทำยังไงได้เล่า? ในเมื่อเขาเองเป็นคนเสนอให้เธอเองนี่ จะไปโกรธอะไรได้ ก็เมียสาวคนสวยยังไม่คุ้นเคยกับผัวอย่างเขานี่นะ
“น้องบัว น้องบัวของพี่”
มือใหญ่ทำงานอย่างรู้หน้าที่ เจ้าน้องชายของเขาแทนที่จะสงบลงง่ายๆ ยิ่งคิดถึงเมียสาวแสนสวยมันกลับยิ่งแข็งขืนเต็มไม้เต็มมือ ใบหน้าคมหลับตาพริ้มคิดถึงแต่เรือนร่างในชุดนอนน่ารักลายลูกเป็ดสีเหลือง แต่ทรวงอกอิ่มน่าหลงใหลนั้นก็ดันเสื้อนอนติดกระดุมจนเขาใช้มือลูบคลำ
ชายหนุ่มเคยเจอสโรชาตั้งแต่เธอยังใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลาย ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนจบและกำลังหางานทำอยู่พอดี เขาพบเธอก็เพราะมาหาอาดาวฉายซึ่งตอนนั้นคุณมนตรีกำลังติดพันอยู่ เพียงพบกันแค่ครั้งเดียวเขาก็ประทับภาพเธอไว้ในหัวใจจนยากจะลบเลือนได้ แม้ว่าช่วงที่สโรชาไปเรียนต่างประเทศเขาจะมีผู้หญิงอื่นบ้างแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะหัวใจของเขาก็ยังคงรักเพียงเด็กสาวคนนั้นจนวันที่เรารู้ว่าเธอกำลังจะกลับเมืองไทยซึ่งตอนนั้นเขาก็ทำงานกับคุณมนตรีเต็มตัวแล้ว
แล้ววันหนึ่งจู่ๆอาดาวฉายก็พูดกับเขาว่า...
“ชอบลูกเลี้ยงของอาใช่ไหม”
“อาดาว...อาพูดอะไรออกมาครับ”
ชายหนุ่มจำได้ว่าวันนั้นอาดาวฉายพูดลอยๆ แต่มันกระทบใจเขา เพราะอาดาวฉายช่วยแนะนำทำให้เขาได้ทำงานแผนกกฏหมายบริษัทของคุณมนตรี เขาไม่สนหรอกใครว่าจะว่าเขาเป็นเด็กเส้น หากแต่ความสามารถที่เขามีมันจะชัดเจนที่สุดว่าเขาทำงานเป็น และเป็นคนทำงานจริง
“อย่ามาทำเป็นอายเลย อาดูออก” ดาวฉายหัวเราะเสียงใสใส่จริตแต่พองาม รักษาระยะห่างเหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่า
“อดทนรออีกหน่อย ยังไงอาไม่ทำให้หลานชายคนดีผิดหวังแน่”
“แต่น้องบัวจะชอบผมหรือครับ”
“ชอบหรือไม่ชอบไม่ใช่ประเด็น ยังไงอาทำให้ธีร์ได้แต่งงานกับหนูบัวได้ก็แล้วกัน”
ธีรภัทรไม่รู้ว่าอาดาวฉายไปทำยังไงถึงทำให้คุณมนตรีเป็นฝ่ายขอให้เขาแต่งงานกับสโรชา มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวคือ “แต่งเข้าบ้าน” ฝ่ายหญิง
“พ่อมีลูกสาวคนเดียว ไม่อยากให้ไปอยู่ไกลหูไกลตา”
“ได้ครับ คุณมนตรี”
“อุ้ย! ได้ไงคะหลานธีร์ ต้องเรียกคุณพ่อซิคะ”
“ครับ คุณพ่อ”
หลังจากนั้นเขาก็เฝ้านับวันรอที่สโรชากลับเมืองไทย เขาเป็นคนไปรับเธอที่สนามบินเอง ไม่เจอกันสี่ปีเธอกลายเป็นสาวสะพรั่ง ทรวงทรงองค์เอวเห็นชัดว่าเป็นสาวเต็มตัว ยั่วยวนมีเสน่ห์จนแทบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มีเพียงรอยยิ้มกับแววตาที่ดูสดใสไร้เดียงสาที่ทำให้เขาคาดหวังว่าเวลาที่เธออยู่ต่างประเทศนั้นจะไม่มีหนุ่มๆมาเกาะเกะเธอ
แม้สโรชาจะดูไม่เต็มใจที่ต้องแต่งงานกับเขา แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธถึงขั้นมีท่าทีรังเกียจหรือต่อต้าน เธอเป็นเด็กหัวอ่อนอย่างที่คุณมนตรีและอาดาวฉายพูดจริงๆ และเท่าที่อยู่ใกล้ชิดกับเธอมาก็ไม่เห็นว่าเธอมีหนุ่มหน้าไหนมายุ่งเกี่ยวในเชิงชู้สาว
การให้เวลากับสโรชา-เมียสาวแสนสวยนั้นเป็นเรื่องที่เขากระทำอย่างสุภาพบุรุษ ทว่าในเบื้องลึกแล้วเขาก็เป็นเพียงผู้ชายปรกติคนหนึ่ง อยากขึ้นคร่อมแล้วครอบครองเธอทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างนั้นเป็นของเขาเท่านั้น
“ซี๊ดดดด บัวจ๋า บัวของพี่ โอ้วววว”
น้ำขาวขุ่นกระเฉาะออกเปื้อนเปรอะมือของตนเอง นั้นแหละ ความสงบที่แท้จริงถึงกลับมา เขาจะอดทนกับเธอได้สักเท่าไหร่กันนะ ธีรภัทรได้แต่ถอนหายใจหนักๆ จัดการชำระล้างคราบคาวออกจากตัวหยิบผ้าขนหนูมาพันท่อนล่าง แล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำ เพียงเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นร่างของสโรชาเข้ามาในห้องนอนของเขาพอดี
“น้องบัวมาเอาอะไรหรือครับ”
“บัวเอาชุดทำงานของพี่ธีร์มาให้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้ววางชุดสูทของเขาลงบนเตียง ห้องนอนของเขากับเธอห่างกันไม่เท่าไหร่ ชั้นสองของคฤหาสน์ ถ้าไม่มีคำสั่งของเจ้านาย คนรับใช้จะไม่มีใครได้ขึ้นมา
“ให้เด็กเอามาให้ก็ได้” เขายิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นหอมละมุนของหญิงสาว และหากเขามองไม่ผิด ใบหน้าหวานเริ่มแดงระเรื่อเมื่อเขาเข้าไปใกล้
“แค่นี้บัวทำให้พี่ธีร์ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เขาโน้มหน้าลง หอมแก้มเธอเบาๆ หญิงสาวเบิกตากว้างอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเม้มปากแน่น
“โกรธพี่หรือเปล่า”
หญิงสาวจ้องมองเขาแล้วส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ เธอจะโกรธเขาได้อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของเธอนี่นะ
“ถ้าไม่โกรธ พี่ขอหอมอีกทีได้ไหม” คนได้คืบจะเอาศอกยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่เพียงแค่โน้มหน้าลงไป สโรชาก็ก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว ทำให้ธีรภัทรชะงักแล้วหัวเราะเก้อๆ
“พี่จะรอน้องบัวนะคะ” เขามักพูดคะขากับหญิงสาวเสมอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว
“เอ่อ...พี่ธีร์พอมีเวลาว่างสักวันไหมคะ”
“ฮืม...น้องบัวมีอะไรให้พี่ช่วยล่ะ”
“บัวอยากไปดูบ้านเก่าของคุณแม่ค่ะ”
“อ้อ! ที่ดินแปลงนั้นเอง” เขาเป็นทนายของตระกูลเป็นคนติดต่อประสานงานเองแค่นี้จะไม่รู้ได้อย่างไร
“บัวไม่คุ้นเส้นทางจะไปเองก็กลัวหลงค่ะ”
“ได้ซิ เอาเป็นพรุ่งนี้บ่ายๆได้ไหมครับ พี่พาไปเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เราเป็นผัวเมีย เอ๊ย สามีภรรยากัน เรื่องแค่นี้พี่ทำให้ได้”
สโรชาอ้าปากจะพูดขอบคุณอีกครั้ง แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นคนบอกว่าไม่ต้องพูด เธอก็ยิ้มเขินๆ แล้วชี้นิ้วไปทางประตู
“บัวออกไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
เมียสาวเดินออกไปแล้ว แต่กลิ่นหอมละมุนยังรายล้อมรอบตัวเขา ไอ้อะไรที่คิดว่าสงบมันกลับดีดเด้งขึ้นมาอีก ธีรภัทรก้มมองแก่นกายตัวเองที่มันตั้งเด่ดันผ้าขนหนูออกมานั่นอย่างประหลาดใจ นี่เขาเพิ่งจัดการมันไป มันกลับแข็งขันขึ้นมาอีกแล้ว แค่ได้กลิ่นยังเป็นขนาดนี้ ถ้าได้เอาเข้าไปใส่ข้างในมันจะยอมสงบได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือเปล่าหนอ
สโรชาเดินลงมาจากห้องนอนของสามี ห้องของเขากับเธอใกล้กันแต่ไม่ถึงกับติดกัน เธอชอบความใจดีและอ่อนโยนของเขา อย่างน้อยเขาก็ไม่ฝืนใจให้ทำอะไรที่เธอยังไม่พร้อม หญิงสาว
หมายถึงหน้าที่ของภรรยา
ธีรภัทรอายุมากกว่าสโรชา 6 ปี เขาดูเป็นผู้ชายสุภาพอ่อนโยน และที่สำคัญเป็นหลานของดาวฉายแม่เลี้ยงของเธอเองด้วย เมื่อคุณพ่อก็เห็นดีเห็นงามขนาดนั้น เธอไม่กล้าขัดใจจึงยอมแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่ดูสมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่เธอกลับเหนื่อยและเครียดจนเป็นลมตั้งแต่ก่อนส่งตัวเจ้าสาว หลังจากแต่งงานแล้ว เธอคงเป็นความทรงจำอันเลวร้ายของเขาเลยทีเดียว ก็มีอย่างที่ไหน คืนแรกของชีวิตคู่ เขาก็ต้องคอยดูแลเช็ดเนื้อตัวแถมชงยาหอมให้กินแก้วิงเวียนเสียอีก
งานวันแต่งงานของเธอ คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดอาจไม่ใช่เจ้าสาวอย่างเธอ แต่น่าจะเป็นแม่เลี้ยงสุดแซ่บที่ใส่ชุดราตรียาวเข้ารูปสีทองอร่าม และต้องยอมรับว่าวันงานแต่งงานนั้นแม่เลี้ยงดูจะเด่นกว่าเจ้าสาวในชุดกระโปรงบานฟู่ฟ่องเหมือนตุ๊กตาเสียอีก แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสายตาของเจ้าบ่าวที่ทอดมองอย่างอ่อนโยน
หลังานแต่งงาน ธีรภัทรก็ย้ายเข้ามาอยู่กับสโรชาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของพ่อ พ่อดูจะมีความสุขมากที่ลูกเขยมาอยู่บ้านเดียวกันและยังมีลูกสาวอยู่ด้วย ราวกับครอบครองสุขสันต์ก็ไม่ปาน
“แกนี่มันเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ แต่งงานกันเป็นผัวเมียกันแล้วจะแยกห้องนอนไปทำอะไรหึ!” พ่อดุแกมตำหนิลูกสาวคนเดียวที่เอาแต่นั่งไหล่ลู่อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“อย่าไปดุน้องบัวเลยค่ะคุณ ผู้หญิงเราก็อย่างนี้แหละ ยังเขินๆ อายๆ อยู่ อยู่ไปสักพักก็ชิน คราวนี้ถ้าน้องบัวตัวติดหนึบกับตาธีร์แล้วล่ะก็ คุณจะมาบ่นโอดครวญที่หลังไม่ได้นะคะ” ดาวฉายหัวเราะคิกคักทำเอาสามีรุ่นพ่อหัวเราะตามไปด้วย
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ธีรภัทรเป็นคนเสนอเองว่าจะนอนอีกห้องจนกว่าเธอจะคุ้นเคยกับเขา แต่พ่อไม่ได้ดุหรือบ่นอะไรธีรภัทรสักนิดเดียว เป็นเธอต่างหากที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจผู้เป็นพ่อสักอย่าง ผิดกับธีรภัทรที่พ่อออกจะเอ็นดูราวกับเป็นลูกชายแท้ๆของตัวเอง
เธอยังอยู่บ้านพ่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือลูกเขยคนโปรดของพ่อ
“เห็นไหม ตาธีร์เขาเป็นคนดีขนาดไหน ยอมแต่งเข้าบ้านผู้หญิงแบบนี้”
“ค่ะพ่อ”
สโรชาได้แต่ใช้ชีวิตให้เป็นปกติพ่อไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งงานในบริษัทแม้ว่าเธออยากช่วยมากแค่ไหนก็ตาม พ่อก็มักจะพูดเสมอว่ามันไม่เหมาะกับเธอ หญิงสาวจึงมักอยู่กับงานตนเองที่รัก คือแปลหนังสือและเธอชอบวาดรูปสนใจด้านจิตกรรมเป็นพิเศษ เวลาที่ได้อยู่หน้าเฟรมภาพ เหมือนโลกทั้งโลกเป็นของเธอ ธีรภัทรเองก็ไม่ได้เข้ามาแตะต้องการใช้ชีวิตของเธอ เขาไปทำงานทุกวันและกลับมาตอนเย็นหรือค่ำ บางคืนเธอก็หลับไปก่อนที่เขาจะเข้าบ้านเสียอีก
เอาเถอะ ถือว่าชีวิตแต่งงานของเธอยังดีกว่าใครอีกหลายๆคนที่เธอเคยรับรู้มา
ขณะเดินผ่านห้องหนังสือซึ่งกลายเป็นห้องทำงานของเธอไปแล้ว หญิงสาวได้กลิ่นหอมของดอกไม้มาจากห้องนั้น ใช่ มันมาจากห้องหนังสือจริงๆ เพราะเพียงแค่เธอเดินผ่านบานประตูที่เปิดค้างไว้นั้น ปลายจมูกของเธอก็สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นหอมนั้นโชยออกมา
เธอทำจมูดฟุดฟิดแล้วเดินไปตามกลิ่นที่สัมผัสได้ ร่างเพรียวบางต้องมาหยุดที่โต๊ะทำงานของตัวเอง สายตาของเธอจ้องมองไปที่กระดาษเก่าบนโต๊ะแล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นสูดดม มันมาจากโฉนดที่ดินอีกแล้ว
“น้องบัว”
“คะ” สโรชาสะดุ้งแล้วหันไปตามเสียงเรียก สามีหนุ่มของเธอยืนอยู่ที่ประตูมองเธออย่างแปลกใจแต่ก็ยิ้มให้
“พี่นึกว่าบัวจะรอที่ห้องทานอาหารแล้วเสียอีก”
“บัว...บัวกำลังจะไปค่ะ” หญิงสาวเห็นรอยยิ้มของเขาแล้วก็ลองทำใจกล้าเอ่ยปากถาม “พี่ธีร์มาตรงนี้เดี๋ยวซิคะ”
“มีอะไรครับ” ธีรภัทรเดินเข้ามาใกล้ เมื่อยืนเกือบจะชิดกันทำให้เห็นได้ชัดว่าภรรยาตัวน้อยของเขาตัวเล็กแต่หน้าอกหน้าใจเกินตัวชะมัด
“พี่ธีร์ได้กลิ่นอะไรไหมคะ” เธอยื่นโฉนดที่ดินให้เขา ชายหนุ่มมีท่าทีประหลาดใจแต่ก็ก้มลงสูดดมกลิ่นกระดาษในมือของเธอ
“ก็กลิ่นกระดาษเก่านี่ครับ หรือน้องบัวเป็นภูมิแพ้ แพ้ฝุ่นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาแล้ววางโฉนดที่ดินไว้อย่างเดิม “จมูกบัวมีปัญหาแน่ๆเลย”
“กลิ่นเดียวที่พี่ได้กลิ่นตอนนี้ก็มีแต่กลิ่นหอมของน้องบัวเท่านั้นละครับ” เขามองด้วยแววตากรุ่มกริ้ม หญิงสาวมีทีท่าทีอึดอัดทำให้เขาแสร้งหัวเราะออกมา
“ไปทานเช้ากัน พี่ต้องไปประชุมตอนสิบเอ็ดโมงอีก”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มโอบไหล่ภรรยาสาวให้เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน บอกตัวเองให้อดทนแต่ก็ไม่รู้จะทนได้นานแค่ไหน เนื้อกายก็นุ่มนิ่ม ผิวกายก็หอมกรุ่น ยิ่งท่าทางไร้เดียงสาด้วย ยิ่งเย้ายวนจนเขาอยากจะจับเธอกินเป็นอาหารทั้งเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอน.