บทนำ
บทนำ
ประเทศเทซาเนีย
หญิงสาวลดกล้องถ่ายรูปลงแล้วมองเวิ้งทะเลทรายตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง ใบหน้าหวานยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ทุบกระปุกเงินเก็บมาเที่ยวประเทศเทซาเนีย ประเทศที่โอบล้อมไปด้วยทะเลทราย มันช่างแสนวิเศษและสวยงามกว่าที่เธอเซิร์สหาข้อมูลก่อนเดินทางเสียอีก
‘สวยเหลือเกิน’ หญิงสาวพึมพำเหมือนละเมอ แล้วเดินมารวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ การมาเยี่ยมชมทะเลทรายครั้งนี้ เธอจำเป็นต้องมาพร้อมไกด์นำทางทั้งที่อยากท่องเที่ยวด้วยตัวเอง แต่ในพื้นที่ที่ดูสวยงามอย่างนี้อาจมีอันตรายซ่อนอยู่ก็เป็นได้
สาริศา กวินนาถ ให้รางวัลตัวเองที่เรียนจบปริญญาตรีและเป็นการฉลองวันเกิดปีที่ยี่สิบสองของเธอด้วยเดินทางมาท่องเที่ยวต่างประเทศ เธอเลือกเทซาเนียเพราะเห็นข่าวการเปิดประเทศในหน้าจอโทรทัศน์ เธอเคยเรียนในโรงเรียนประจำก่อนที่จะมาเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษด้านการดนตรี การที่ต้องเรียนด้วยทำงานไปด้วยเป็นเรื่องที่เหนื่อยแสนสาหัส แต่เมื่อความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั้น ใบปริญญาที่ฝันใฝ่จึงคว้ามาได้ในกำมือ
‘เทซาเนีย’ ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองร้อยปี ทว่าเป็นประเทศใหม่ในแผนที่โลกเพราะ ‘ชีคอาเหม็ด อับดุลเราะฮ์มาน’ ทรงมองเห็นการณ์ไกล เปิดประเทศที่ถูกโอบกอดด้วยทะเลทรายในฐานะประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวแปลกตา และทรัพยากรล้ำค่าที่งดงามนั้นก็คือเหมืองเพชรรวมทั้งบ่อน้ำมันอีกด้วย โรงแรมระดับห้าดาวอย่าง ‘Blue Star’ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่หมายถึงความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก แต่ในขณะเดียวกันวิถีชีวิตแบบธรรมชาติของชาวเทซาเนียดั้งเดิมก็ยังน่าสนใจอีกด้วย
สาริศาพลิกอ่านแผ่นพับซึ่งเป็นแผนที่และการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเทซาเนีย หญิงสาวขยับแว่นกันแดดเล็กน้อยก่อนจะย้ายสายตาจากแผ่นพับในมือมองไปยังเมืองเบื้องหน้า หลังจากกลับจากทะเลทรายแล้ว เธอก็มาโบกมือลาไกด์ของเธอมานั่งจิบน้ำส้มคั้นที่ร้านอาหารน่ารักๆ บนถนนเส้นหลักใจกลางเมืองบิเบวา-เมืองหลวงของเทซาเนีย ช่างเป็นเมืองแสนสงบในแบบที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝัน แม้ว่าสาริศาจะอยู่เทซาเนียมาสัปดาห์หนึ่งแล้วแต่เธอแทบไม่ได้ออกไปไหนไกลนัก สามวันแรกเธอก็มีอาการแพ้อากาศจนออกไปนอกที่พักไม่ไหว กว่าร่างกายจะฟื้นก็วันที่สี่เข้าไปแล้ว ถึงจะวางแผนท่องเที่ยวไว้ถึงสามสัปดาห์แต่ก็อดเสียดายเวลาที่หมดไปไม้ได้
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้ใช้วันหยุดในการเดินชมเมืองเก่าแก่แห่งนี้ ตึกรามบ้านช่องยังคงรูปลักษณ์ดั้งเดิม เพียงแต่ถูกปรับปรุงให้ดูแข็งแรงขึ้น เรื่องนี้คงต้องเอ่ยชมผู้ปกครองเมืองที่ยังอนุรักษ์เมืองให้คงความงามเช่นเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่จะเป็นเมืองเก่าไปเสียทีเดียวเพราะไม่ไกลนักก็มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากเมืองใหญ่อื่นๆหรือในกรุงเทพฯ บ้านเกิดที่เธอจากมาหลายปี
‘บ้านเกิด’
สาริศาพึมพำกับตัวเอง เธอไม่ผูกพันกับบ้านเกิดของเธอเลย อาจครอบครัวที่ไม่อบอุ่นเหมือนคนอื่นทำให้เธอไม่มีความทรงจำดีๆ อะไรหลงเลยอยู่ นอกจากแม่ที่เจ็บป่วยแม้จะอยากดูแลใกล้ๆ แต่เพราะ ‘พ่อเลี้ยง’ ที่ถูกผีพนันเข้าสิงทำให้เธอต้องอยู่ห่างๆ แต่ก็ยังดีที่มี ‘กวิน’ หลานชายที่แม่ของเธอรับมาอุปการะคอยดูแลทำให้เธอมาร่ำเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างไม่กังวลมากนัก นอกจากเพื่อนรักที่เรียนโรงเรียนประจำด้วยกันแล้ว ก็ดูว่าเธอไม่มีใครให้ต้องคิดถึงอีกแล้ว หญิงสาวยิ้มเศร้าให้กับตัวเองเธอพับแผ่นพับใส่กระเป๋าแล้วเรียกพนักงานคิดเงินค่าเครื่องดื่ม
‘เริ่มแรกไปพิพิธภัณฑ์ก่อนละกันนะ’
สาริศาลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพายคล้องไหล่ซ้ายแล้วก้าวออกมาจากร้านอาหารเล็กๆ ริมถนน จากจุดที่เธออยู่สามารถเดินไปที่หมายในเวลาประมาณสิบนาที เธออยากเดินละเลียดอารมณ์ไปเรื่อยๆ มากกว่าจะเรียกรถแท็กซี่ซึ่งก็มีให้บริการ สาริศาแหงนหน้ามองตึกเก่าริมถนนซึ่งมีลักษณะคล้ายตึกเก่าสไตล์อังกฤษ
หญิงสาวเดินมาหยุดที่หน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เธออ่านคู่มือทบทวนสิ่งที่ต้องทำอีกครั้งก่อนเดินเข้าไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วเพื่อขอซื้อบัตรเข้าชม ภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งหูแต่ก็ไม่ยากเกินจะเข้าใจ อาจเพราะคุ้นชินกับการอยู่เมืองนอก พูดภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยทำให้สาริศาไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร เธอจดจำภาษาเทซาเนียได้เพียงแค่คำง่ายๆ อย่างคำว่า ‘สวัสดี’ ‘ขอบคุณ’ ‘ขอโทษ’ แต่ถ้าได้ยินคนเทซาเนียพูดเต็มๆ ประโยค เธอก็จะแยกคำไม่ออกเลยทีเดียว
แผนพับถูกอ่านอีกครั้ง ความจริงสาริศาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทซาเนียมาบ้างแล้ว บ้านเมืองที่แสนสงบสุขรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว การปกครองโดยมีกษัตริย์เป็นประมุขคล้ายกับประเทศไทย ชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่ในการปกครองของ ชีคอาเหม็ด อับดุลเราะฮ์มาน แต่พระองค์ทรงมีพระชมน์มายุมากถึงหกสิบพรรษาแล้ว แว่วว่าจะมีการแต่งตั้งชีคองค์ใหม่ แต่ชีคอาเหม็ดก็มีพระโอสรหลายองค์ แต่ละองค์ก็มีข่าวลือว่าจะได้ขึ้นเป็นชีคไม่น้อยไปกว่ากัน
‘เรื่องการเมืองประเทศไหนก็ยุ่งเหยิงทั้งนั้น’
สาริศาถอนหายใจเบาๆ ขณะเดินชมภาพพิมพ์เก่าแก่อายุนับร้อยปีที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเทซาเนีย อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นพระราชวังเก่าแก่แห่งหนึ่งของบิเบวา เดิมเป็นขององค์ราชินีพระองค์ก่อนเมื่อพระสวามีสิ้นพระชนม์ไป พระนางก็มีพระประสงค์จะกลับไปพำนักที่บ้านเกิดจึงยกพระราชวังแห่งนี้ให้ชีครุ่นต่อมา แต่เพราะการเมืองภายในประเทศที่วุ่นวาย พระราชวังแห่งนี้ถึงถูกปล่อยทิ้งรกร้างมานานกว่าห้าสิบปี จนเมื่อสี่ปีก่อนองค์รัชทายาทรงบูรณะใหม่และทำเป็นพิพิธภัณฑ์
ร่างเพรียวลมในชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเข่าเดินไปจนถึงส่วนที่เป็นอุทยาน หญิงสาวถึงกับตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้า ดอกไม้นานาชนิดกำลังเบ่งบานอวดสีสันความสวยงามจนน่าหลงใหล ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีสถานที่งดงามเช่นนี้อยู่กลางเมืองหลวง
‘สวยงามเหลือเกิน’ หญิงสาวเดินเข้าไปราวกับต้องมนต์ ดอกกุหลาบขนาดใหญ่สีขาวพิสุทธิ์แย้มบานอย่างเชิญชวน สาริศาเอื้อมมือออกไปหมายใจจะชื่นชมอย่างเบามือ
“ห้ามจับดอกไม้! อ่านป้ายไม่ออกหรือไง!”
“!!!”
สาริศาสะดุ้งสุดตัว เธอหันไปตามเสียงตวาดด้านหลัง แล้วร่างของเธอก็แข็งเป็นหินด้วยความหวาดกลัวกับบุรุษร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดดำคล้ายชุดทหาร เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ หรือถ้าเขาจะเป็นรปภ. ก็ดูจะสูงสง่าเกินไป
“ขอโทษค่ะ”
ชายหนุ่มอ้าปากจะต่อว่าแล้วก็ชะงักไป ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะสีดำอาจทำให้อีกฝ่ายไม่อาจสังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของเขาได้ถนัด แต่อีกฝ่ายที่แต่งตัวด้วยชุดเดรสกระโปรงสีม่วงอ่อนไร้ผ้าคลุมหน้าอย่างนี้ทำให้เขาเปลี่ยนคำพูดเป็นการกลืนน้ำลายแทน แม้สาริศาจะมองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย แต่ประสาทสัมผัสบอกให้เธอต้องระวังตัวอย่างที่สุด เขาทำราวกับตัวเองเป็นราชสีห์ที่พบเหยื่อเคราะห์ร้ายเข้าให้แล้ว
“ว้าย!”
หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อเท้าที่สวมรองเท้าส้นเตี้ยถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว และเพราะความไม่ระวังทำให้เธอสะดุดกับรากไม้ขนาดใหญ่จนเสียหลักล้มลง แต่ชายในชุดดำก็เร็วพอที่จะคว้าเอวบางไว้ได้ก่อน แต่ทำให้สาริศาซุกอยู่ในวงแขนของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“!!!”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เธอซุกอยู่ในอกกว้างของชายแปลกหน้า นานหลายชั่วอึดใจกว่าที่เธอจะเรียกสติแล้วยกมือขึ้นผลักอกเขาออกสุดแรง แต่มันก็เหมือนเอามือไปทุบกับกำแพงหินที่แสนแข็งแกร่ง
“อยู่นิ่งๆ ก่อน” ชายหนุ่มสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด แล้วกดศีรษะหญิงสาวให้แนบชิดแผงอกมากยิ่งขึ้น นาทีถัดมาเธอได้ยินประโยคสนทนาที่เธอไม่เข้าใจความหมาย คล้ายว่าเขาจะพูดคุยกับใครสักคนหรือสองคนและเมื่อบทสนทนาจบลง เขาก็คลายวงแขนออกอย่างง่ายดาย
“นักท่องเที่ยวรึ?” เขาเอ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวทรงตัวยืนได้เองแล้ว
“ใช่ค่ะ” สาริศาตอบแม้จะนึกลังเลเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่การใช้สิทธิ์นักท่องเที่ยวดูท่าจะปลอดภัยกว่า เพราะประเทศไหนๆ ก็ห่วงภาพพจน์ด้วยกันทั้งนั้น
“คุณเดินออกนอกเส้นทางแล้ว” เขาเอ่ยแล้วหยิบแผ่นพับในมือหญิงสาวออกมากางตรงหน้าที่เป็นแผนผัง “ส่วนนี้ยังไม่ได้ให้เข้าชม”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” สาริศาแอบถอนหายใจ เวลาเขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติฟังดูน่าเข้าใกล้ไม่น้อย “แต่ที่นี่สวยจนน่าหลงใหลจริงๆ”
ชายหนุ่มหันไปถอนหายใจหนักๆ “เทซาเนียยังไม่พร้อมจะต้อนรับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นักหรอก ทางที่ดีคุณควรรีบกลับประเทศของคุณดีกว่า”
“???”
หญิงสาวคงไม่รู้ว่าแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเธอทำให้หัวใจของชายหนุ่มอ่อนโยนลง เขาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว แต่เพราะนิสัยที่คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลาทำให้เขารีบตวัดผ้าคลุมศีรษะปิดบังรอยยิ้มอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็น
“รีบออกไปจากที่นี่เถอะ เมื่อครู่เจ้าหน้าที่มาเตือนแล้ว”
“อ้าว...แล้วคุณไม่ใช่รปภ. หรอกเหรอคะ”
“รปภ.?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ เขาโน้มหน้าลงมาแล้วใช้นิ้วเกี่ยวเส้นผมของเธอไว้เบาๆ “วันนี้ช่างเป็นวันดีของผมจริงๆ”
สาริศาได้แต่อ้าปากค้าง เธอไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้ ลมหายใจของเขาผ่าวร้อนจนทำให้เธอร้อนรุ่ม เธออยากจะถอยห่างจากเขาแต่ก็ก้าวขาไม่ออก และโชคดีที่เขาเป็นฝ่ายปล่อยเธอแล้วก้มศีรษะให้เล็กน้อยก่อนก้าวยาวๆ จากไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอก สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและเร็วกว่าปกติ เธอต้องปลอบใจตัวเองให้สงบจิตสงบใจไว้ สาริศาทำงานพิเศษเป็นนักดนตรีในผับหลายแห่ง ทำให้คุ้นเคยกับผู้ชายหลากหลายรูปแบบ แต่เจอผู้ชายมาก็เยอะแต่ไม่ครั้งไหนเลยที่จะเป็นแบบนี้มาก่อน
ทำไมหัวใจจึงหวั่นไหวอย่างนี้.