ตอนที่แล้วตอนที่ 88 คู่ปรับเก่า ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 90 จัดสรรหน้าที่

ตอนที่ 89 มุมมืดของการค้า


‘นี่หรือ ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ใหญ่’

เหนือภพรู้สึกว่าตัวเองยังห่างไกลจากความคำว่าแข็งแกร่งมากนักเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่ ไม่นานวัฏจักรก็ปรากฏตัวตามมา ท่าทีของเขายังคงดูไม่ทุกข์ร้อนเช่นเดิม แม้สายตาของเขาจะมองไปทางสุภัชชาอย่างไม่ชอบใจนัก แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เขามุ่งตรงเข้ามาหาเหนือภพ เพื่อตรวจดูอาการแล้วยื่นยาฟื้นคืนเลือดให้เพื่อรักษาอาการ

“นี่พี่รอง ท่านว่านางกับพี่ใหญ่ ดูแปลก ๆ ไหม”

เหนือภพรู้สึกสงสัย พลางมองสังเกตท่าทีของสุภัชชาเป็นระยะ สีหน้าของเธอดูแปลกพิกล เหมือนครั้งแรกที่เขาเห็นในอาคารประมูลวันแรก ปากเธอบอกว่าเคียดแค้นชิงชังทานธรรมยิ่งกว่าอะไร แต่ทำไมสายตาของเธอกลับทำให้เหนือภพรู้สึกตรงกันข้าม

“นางนิสัยแย่ที่สุดในบรรดาพี่สะใภ้ ข้าไม่ชอบ”

พรวด !!

เหนือภพได้ยินแบบนั้นก็สำลัก จนพ่นยาฟื้นคืนเลือดออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าสีแดงดำของศิษย์พี่รอง

“ทะ ท่านว่าไงนะ พี่สะใภ้อะไร นะ นางมาร เนี่ยนะ”

เหนือภพพยายามถามซ้ำอย่างตื่นตะลึง เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเขาหูฝาดไปเอง

วัฏจักรพยักหน้าก่อนจะบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับสุภัชชาให้เหนือภพฟัง สุภัชชาถือว่าเป็นเมียคนแรกของทานธรรม พวกเขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี แต่ว่าอุดมการณ์ของพวกเขากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สุภัชชาถูกเลี้ยงดูมาโดยตระกูลผู้มีอำนาจ เธอเคยชินกับสังคมที่แบ่งแยกระบบชนชั้น ผู้มีพรสวรรค์ก็มีหน้าที่แบบผู้มีพรสวรรค์ ผู้ไร้พรสวรรค์ก็มีหน้าที่เฉพาะของผู้ไร้พรสวรรค์ ไม่อาจปะปนให้เกิดความวุ่นวาย ทุกคนต้องรู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเอง

ทว่าทานธรรมกลับเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ที่พยายามหาทางปลดแอกและทำลายระบบชนชั้น เขาเชื่อมั่นในเจตจำนงอิสระ ทุกคนมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้มีพรสวรรค์หรือไร้พรสวรรค์ พวกเขาก็ไม่ควรถูกกดขี่เยี่ยงทาส

ดังนั้นต่างฝ่ายจึงต่างขัดแย้งกัน คนหนึ่งพยายามปกป้องระบบ อีกคนพยายามทำลายระบบ ในท้ายที่สุดพวกเขาก็แตกหัก ไม่อาจร่วมเดินเคียงคู่กันได้อีก แต่ความรัก ความผูกพันอย่างแนบแน่นเช่นนั้นมีหรือที่ตัดขาดกันได้ง่าย ๆ

“เพราะอะไร เจ้าต้องขัดขวางข้าอยู่เรื่อย เพราะอะไรเจ้าถึงทำให้ข้าเจ็บปวด ข้าก็แค่ทำหน้าที่ของข้า ข้าผิดนักเหรอ”

ทานธรรมส่ายหน้า เมื่อได้ยินคนเคยรักกล่าววาจาตัดพ้อเช่นนั้น

“เจ้าไม่ผิด และข้าก็ไม่ผิด พวกเราต่างมีเหตุผลของตัวเอง เจ้ามีเหตุผลของเจ้า ข้าเข้าใจ แต่เจ้าก็ควรเข้าใจข้า เพราะข้าก็มีเหตุผลของข้าเช่นกัน”

“แต่ศิษย์น้องเจ้าทำผิด เจ้าเคยสัญญากับข้าแล้วไง ว่าเจ้าจะไม่ปกป้องคนไร้พรสวรรค์ที่กระทำความผิด”

“ใช่”

“แล้วเจ้ายังจะปกป้องเขา”

“เจ้าแน่ใจหรอว่าเขาผิด”

ทานธรรมถามด้วยท่าทีเยือกเย็น เขาไม่แยแสความเจ็บปวดที่แขนแม้แต่น้อย เพราะยังไงเดียวมันก็ฟื้นฟูได้เอง

สุภัชชานิ่งค้างไปชั่วขณะ เธอเองก็ไม่ได้โง่งมที่จะไม่เข้าใจสถานการณ์ เรื่องราวของเหนือภพถูกปั้นแต่งขึ้นเพียงเพราะมีบางคนอยากทำลายวัฏจักรกับทานธรรม เธอเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะแม้แต่เธอก็ยังมีความคิดเช่นนั้น

“แต่ด้วยสภาพความเสียหายต่าง ๆ ถึงน้องเจ้าจะไม่ได้ตั้งใจทำ แล้วยังไง ? ก็คนทั้งใต้หล้าคิดแบบนั้นไปแล้ว หากข้าไม่ทำโทษเขา คนอื่นก็ต้องมาทำอยู่ดี แล้วเจ้าคิดว่าจะเปลี่ยนอะไรได้”

“ข้าเปลี่ยนอะไรไม่ได้ แต่มีคนที่เปลี่ยนได้”

ทานธรรมตอบขณะโยนกระดาษราชโองการขององค์ประมุขแห่งนิรันดร์กาลให้เธอ ซึ่งเนื้อความภายในเกี่ยวกับการไขข้อข้องใจของประชาชนเกี่ยวกับคดีของเหนือภพ ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันเป็นการใส่ร้ายจากผู้ไม่ประสงค์ดี ดังนั้นพระองค์จึงได้กล่าวขอโทษแก่ประชาชนแทนเหนือภพที่ทำให้เกิดเรื่องไม่เป็นธรรมนี้ และเพื่อจะชดเชยสิ่งที่เหนือภพได้ทำเรื่องผิดพลาด เหนือภพจะเป็นผู้ชดเชยความเสียหายทั้งหมดแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

“ง่ายแบบนั้นเชียว”

เหนือภพพูดขึ้นอย่างงงงวย ตอนแรกเขาถูกกล่าวหาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในตอนนี้กลับยกโทษให้เขาง่าย ๆ มันประหลาดเกินไปหรือเปล่า

“ตระกูลนาคราช องค์หญิงบุษย์น้ำเพชร องค์รัชทายาทแห่งอมตะนคร และตระกูลที่ไม่เปิดเผยชื่ออีกจำนวนหนึ่ง ช่วยเจ้าเอาไว้”

วัฏจักรเอียงหัวเข้ามากระซิบบอกเหนือภพ

“พวกเขางั้นเหรอ”

“อืม”

“เฮอะ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกนี้เจตนาไม่ดี ใครจะอยากมายุ่งกับนักโทษคดีร้ายแรงอย่างข้า”

“มีคนมากมายอยากที่จะผูกสัมพันธ์กับกลุ่มภราดาและหอโลหิต ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะช่วยเจ้า”

เหนือภพมองไปทางสุภัชชา ดูเหมือนเธอกำลังจะรามือ เพราะเธอปล่อยให้ทานธรรมพาตัวเขาไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ต่อต้านอีก

ทางด้านพญานาคที่ปะทะกับปรีชาอย่างดุเดือดก็เริ่มเลิกรากันเช่นเดียวกัน พญานาคกลับมาหาเหนือภพด้วยสภาพครบถ้วนไม่เสียหาย ส่วนปรีชา ฮันเตอร์แรงค์ C ที่เก่งกาจก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เช่นกัน แต่สีหน้าของเขาดูซีดเซียวแสดงให้เห็นว่าเขาเสียปราณอาคมไปกับการต่อสู้นี้มากโข โดยที่ไม่อาจทำอะไรพญานาคได้

ฝ่ายขุนเจษแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนกัดฟันไว้อาลัยให้กับความอ่อนแอของกฎหมาย เขาได้แต่มองเหนือภพเดินหลุดรอดไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ความอคติที่มีเขาต่อเหนือภพมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามวันเวลา จนฝังตัวเป็นความคิดด้านลบภายในจิตใจของเขา

เมื่อเหนือภพเดินออกไปพร้อมกับเหล่าทาสที่เหนือภพช่วยออกมา พวกเขาแค่เคลื่อนตัวตามเหนือภพเพียงเท่านั้น ปรีชากับสุภัชชาก็เข้ามาขัดขวางทันที หน้าที่ของเธอไม่ใช่แค่รักษาความปลอดภัย แต่การรักษาสินค้าของอาคารประมูลก็เป็นหนึ่งในหน้าที่เช่นกัน

“พวกเจ้าไปไม่ได้ กลับเข้าไปในที่ของพวกเจ้าซะ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

ท่าทางของสุภัชชาเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง เหนือภพหันกลับมามอง ก่อนจะตรงเข้าไปยังกลุ่มทาสเหล่านั้น ศิษย์พี่ได้บอกบางอย่างแก่เขาก่อนหน้านี้แล้ว

“พวกเขาไม่ใช่ของท่านสักหน่อย คนเหล่านี้ล้วนเป็นพี่น้องของข้าทั้งนั้น พวกเขาติดตามข้ามานาน ใช่ไหม”

“ใช่”

เหล่าทาสสินค้ากล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน น้ำเสียงเต็มใจและใบหน้าเบิกบานเหล่านั้นยากที่จะปิดบังได้

“สามหาว พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดว่าการที่เจ้าเออออตามไอ้เด็กบ้านั่นจะทำให้พวกเจ้ารอดงั้นเหรอ อย่าทำตัวน่าขำไปหน่อยเลย ทาสก็คือทาสอยู่วันยังค่ำ กลับไป ! ในที่ที่พวกเจ้าควรอยู่ อย่าลืมว่าพวกเจ้าเป็นเพียงแค่สินค้า”

เหล่าทาสมีสีหน้าเดือดดาล แม้แต่เหนือภพเองก็ยังรู้สึกโกรธแทน เธอนิสัยแย่อย่างที่ศิษย์พี่รองพูดไม่มีผิด ผู้หญิงคนนี้น่าตายนัก

“อ๋อหรอ สงสัยเรื่องนี้คงต้องนำไปปรึกษาองค์ประมุขแล้วล่ะ”

เหนือภพแสร้งหลุดปากพูด แค่นั้นก็ทำให้ปรีชาสีหน้าเปลี่ยน เขาเข้ามารั้งตัวสุภัชชาเอาไว้อย่างแรง ปรีชาที่ไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากตำราไม้สานในมือ ก็เริ่มจับจ้องไปที่เหนือภพ สายตาของเขาพยายามจับผิดอะไรบางอย่าง ทว่าสายตาของเขากลับถูกทานธรรมที่ยิ้มกว้างดึงดูดความสนใจไปเสียก่อน ทำให้ปรีชาเริ่มหัวเราะเล็ก ๆ พลางพูดอย่างจนใจ

“นับว่าเจ้ายิ่งจะรู้มากเกินไปแล้วนะ ไม่แปลกที่คนทั่วหล้าคิดอยากกำจัดเจ้า”

เหนือภพและทานธรรมยกมือไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระพร้อม ๆ กัน แล้วก็มองปรีชาลากสุภัชชาออกไป โดยไม่ทักท้วงเรื่องทาสเหล่านี้อีก

แน่นอนว่าสุภัชชามีตำแหน่งสูงกว่าและมีระดับปราณอาคมสูงกว่าปรีชา แต่ด้วยนิสัยปากร้าย อารมณ์ร้อนทำให้เธอไม่ได้รับความวางใจเท่าที่ควร ดังนั้นเรื่องบางเรื่องที่เป็นความลับด้านมืดของสมาคมพ่อค้าจึงไม่เคยมีการเปิดเผยกับเธอ หากไม่ใช่ว่าเหนือภพได้ยินจากปากของศิษย์พี่ทานธรรม เขาก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าสมาคมพ่อค้าที่มีชื่อเสียงจะทำเรื่องแบบนี้ด้วย

“พวกเขาทำแบบนี้โดยที่ไม่ถูกจับได้ยังไง”

“ความโลภทำให้คนยอมทำทุกอย่าง”

บทสนทนาระหว่างกลับที่พักของเหนือภพกับศิษย์พี่ใหญ่ ยังคงวนเวียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องเหล่าของเหล่าทาสที่ได้รับมาผิดกฎหมาย พวกเขาเหล่านี้ล้วนถูกตีตราด้วยการสักบนผิวหนังว่าทาสก็จริง ดูเหมือนจะถูกต้องตามกระบวนการ แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขากลับไม่มีใบสัญญาทาสที่ถูกต้องตามกฎหมายตามที่ราชสำนักกำหนด นี่จึงเป็นเหตุผลที่เหนือภพสามารถพาทาสเหล่านี้ออกมาได้อย่างโจ่งแจ้ง โดยที่สมาคมพ่อค้าไม่กล้าส่งคนมาขัดขวาง พวกเขาเองก็ไม่ต้องการให้เรื่องนี้แดงขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ทาสพวกนี้ถูกกฎหมาย แต่มันจะทำให้พวกเขาสูญเสียผลกำไรจำนวนมหาศาลต่างหาก แน่นอนว่าการค้าทาสผู้ไร้พรสวรรค์แบบไม่มีสัญญาอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป็นการค้าที่ต้นทุนต่ำ

การค้าทาสอย่างเต็มรูปแบบจริง ๆ จะมีขั้นตอนยุ่งยากที่จะต้องเป็นไปตามกฎหมายกำหนด คือต้องเป็นผู้ที่มีความผิดตามกฎหมายข้อต่าง ๆ หรือเป็นผู้ที่ยินดีสละตนเป็นทาส ซึ่งมีได้หลายกรณี แต่ทั้งหมดก็มีเงื่อนไขที่คล้าย ๆ กันคือต้องเต็มใจที่จะเป็นทาส ปราศจากการบังคับขู่เข็ญ และขั้นตอนที่สำคัญคือภาษีที่ต้องจ่ายให้ราชสำนักต่อทาสหนึ่งคน แม้ภาษีทาสจะไม่มากนัก แต่หากการค้าทาสมีเป็นจำนวนหลายร้อยคน หลายพันคน มันจะทำให้การเสียภาษีต่อครั้งเป็นจำนวนเงินมหาศาลเลยทีเดียว

ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่ขึ้นทะเบียนทาสถูกกฎหมายเพียงแค่ไม่กี่สิบคน แต่ลักลอบนำทาสมาขายเป็นหลักร้อยคน เพื่อลดค่าใช้จ่าย แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่พวกขุนนางผู้ใหญ่บางกลุ่มรับรู้กันดี ไม่เว้นแม้แต่พวกราชวงศ์ก็ล้วนทราบกันทั้งนั้น บางทีพวกเขาก็อาจมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์จำนวนมากจากการค้านี้เพื่อแลกใบสัญญาปลอมที่ลักลอบทำขึ้น

ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำให้เรื่องนี้เปิดเผยโจ่งแจ้ง กระแสสังคมเป็นเรื่องคาดเดาได้ยาก การสละทาสพวกนี้ไปเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของสมาคมพ่อค้าจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เหล่ากลุ่มภารดากล้ามากพอที่จะขโมยทาสและสินค้าจากอาคารประมูล พวกเขาทำอย่างไม่กลัวเกรงกฎหมาย ไม่กลัวสมาคมพ่อค้าจะเอาเรื่อง เพราะหากเรื่องนี้ถูกกระพือโหมเมื่อไหร่ก็ไม่แน่ว่าพวกสมาคมพ่อค้าจะมีสภาพเป็นอย่างไร ประชากรผู้ไร้พรสวรรค์มีมากกว่าผู้มีพรสวรรค์หลายเท่า ถ้าหากพวกเขาลุกขึ้นมาต่อต้านพร้อมกัน ก็จะสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล นี่เป็นความกังวลที่สมาคมพ่อค้ามี และไม่ใช่แค่สมาคมพ่อค้า แม้แต่แคว้นต่าง ๆ ก็ยังไม่กล้ามีปัญหากับผู้ไร้พรสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง ได้แต่กดขี่ สร้างสังคมเพื่อบีบบังคับผู้ไร้พรสวรรค์ให้ไร้หนทางแทน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด