ตอนที่แล้วตอนที่ 86 นักโทษคดีร้ายแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 88 คู่ปรับเก่า ๆ

ตอนที่ 87 ยอมทำตามทุกอย่าง


ณ เรือนธารใส

ทานธรรมยิ้มกว้าง ขณะมองจดหมายจากนกอาคมที่ส่งตรงมาจากวัฏจักร

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กบ้านั่น ทำเรื่องดี ๆ เป็นเหมือนกันนี่หว่า”

อังกาบมีสีหน้าอ่อนใจ แต่ในใจลึก ๆ ก็เสียดายที่วันนี้เธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

“ท่านอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย กรงขังทาสแน่นหนามาก ต่อให้ทำลายโซ่ตรวนพิเศษออกมาได้ก็ต้องเผชิญกับฮันเตอร์คุ้มกันแรงค์ D อีกหลายร้อยคนที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ ไหนจะมีฮันเตอร์แรงค์ C อีกสี่คนคอยคุ้มกันรอบนอกอีก”

“ก็เพราะแบบนั้นไง มันเลยน่าสนใจ”

ทานธรรมยิ้มมุมปาก แววตาของเขาในเวลานี้ดูลึกล้ำยากที่จะคาดเดาความคิด ก่อนหน้านี้เขาพลาดโอกาสที่จะช่วยเหล่าทาสผู้ไร้พรสวรรค์ทั้งหมดนั้น เพราะโซ่คุณลักษณะพิเศษ แต่ครั้งนี้เขามีแผนที่จะช่วยเหล่าทาสทั้งหมด มันเป็นแผนการที่ไม่ได้ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก แต่มันถูกคิดขึ้นหลังจากที่เหนือภพถูกกล่าวหาว่ามีโทษร้ายแรง นั่นจึงทำให้ทานธรรมพอจะคาดเดาได้ว่าเหนือภพน่าจะถูกคุมขังไว้ในที่เดียวกับทาส และหากเหนือภพถูกคุมขังที่นั่น เหนือภพก็จะได้เข้าใจเรื่องราว เข้าใจโลกความเป็นจริงมากขึ้นว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขาปฏิบัติอย่างไรกับผู้ไร้พรสวรรค์

ทางด้านรเมศ กรรมการระดับสูงของสมาคมพ่อค้าระหว่างแคว้นยิ้มกว้าง เขาจ้องมองไปยังคนลึกลับภายในห้อง หลังจากได้ฟังแผนการของชายผู้นั้น

“ดูเหมือนแผนของท่านจะเข้าท่า แต่ท่านมั่นใจแค่ไหนว่าเรื่องนี้จะสำเร็จ”

“แน่นอน ทานธรรมมันคิดว่าตัวเองฉลาดที่ส่งศิษย์น้องของตัวเองเข้าไปรวมกับทาส หวังที่จะให้ศิษย์น้องช่วยประสานภายใน ภายนอก แต่มันคิดผิดไปอย่างหนึ่งว่าแผนทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือข้าตั้งแต่แรกแล้ว”

“นักฆ่าพวกนั้นก็เป็นของท่านงั้นเหรอ”

รเมศถามด้วยความแปลกใจ เพราะจำนวนนักฆ่าที่ปรากฏมีนับร้อย แถมแต่ละคนก็ล้วนเป็นนักฆ่าที่มีพลังฝีมือเทียบเท่ากับฮันเตอร์แรงค์ D มันเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีในครอบครอง แม้แต่องค์จ้าวแคว้นอมตะก็ยังไม่สามารถสั่งการฮันเตอร์แรงค์ D จำนวนมากขนาดนี้ได้ตามใจชอบ แล้วคนคนนั้นเป็นใครกันแน่

ชายลึกลับไม่ตอบคำถามนั้น

“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ รู้เพียงแค่หน้าที่ของเจ้าก็พอ หาทางจัดการกลุ่มภารดาซะ แล้วเรื่องอื่นข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”

รเมศนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานของตนเงียบ ๆ หลังจากที่ชายลึกลับจากไป ไม่นานจากนั้นข้ารับใช้คนสนิทก็เข้ามาหา

“นายท่านครับ เราพบการเคลื่อนไหวที่ห้องใต้ดินครับ”

“พวกภารดางั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ พวกนั้นปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากาก น่าจะเป็นนักฆ่า เราจะเอายังไงดีครับ”

รเมศเงียบ เขาครุ่นคิดถึงชายลึกลับ เขาไม่ได้รู้จักกับชายลึกลับมากนะ แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามรู้เพียงว่าเขามีระดับปราณอาคมเกิน 80 เป็นคนจากแคว้นสุริยัน เพียงเท่านั้น

“ทำทีว่าปล่อยพวกเขาไป คอยดูอยู่ห่าง ๆ ว่าพวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่”

“ครับ”

เหนือภพลืมตาทันทีที่ได้ยินฝีเท้าเบา ๆ มันเป็นการก้าวเดินที่ฟังออกว่ารีบร้อนมาก ตามด้วยเสียงของกุญแจที่ถูกปลดออกอย่างแผ่วเบา แต่ก็ดังพอทำให้เสียงสะท้อนก้องทั่วกรงขังที่เงียบสงัด

“ท่านเหนือภพ ท่านเหนือภพขอรับ”

เหนือภพขมวดคิ้วพยายามเพ่งมองยังชายในชุดผู้คุ้มกันที่กำลังร้องเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ต่างคนต่างเห็นกันไม่ชัดเจน จนชายคนนั้นต้องชะโงกหน้าเข้ามอง

“ข้าอยู่นี่”

เมื่อชายในชุดผู้คุ้มกันเห็นเหนือภพ ก็รีบเขวี้ยงกุญแจเข้ามาให้เหนือภพก่อนจะฟาดหลังคอตัวเองอย่างรุนแรงจนสลบไป ทำทีเป็นว่าตัวเองถูกแย่งกุญแจไป เขาสลบไปเองโดยไม่ได้บอกที่มาของตน เหนือภพจึงรู้เพียงว่าชายคนนั้นเป็นผู้มีพรสวรรค์

เมื่อเหล่าทาสเห็นเช่นนั้นก็เริ่มส่งเสียงร้องในทันที

“ช่วยข้าด้วย”

“ช่วยพวกข้าออกไปที”

“พวกข้ายอมเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านขี่”

ขอเพียงพวกเขาออกจากขุมนรกนี้ได้ ไม่ว่าจะให้ทำอะไรพวกเขาก็ล้วนรับปากทั้งนั้น พวกเขาคิดว่าเหนือภพคงไม่ใจร้ายกับพวกเขา ในฐานะที่พวกเขาก็เป็นคนไร้พรสวรรค์เช่นเดียวกันย่อมต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา

เหนือภพพ่นลมหายใจออกมาหลังบอกให้ทุกคนใจเย็นแล้วเงียบลงก่อน เขาย่อมไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ยังไงเขาก็จะช่วยคนเหล่านี้ให้ได้ต่อให้เจ้าเมืองบ้าอำนาจนั่นจะเพิ่มข้อหา โจรกรรมทาสก็ตาม แต่ถ้ามันง่ายดายแบบนั้นก็คงดี

เขามองกุญแจดอกจิ๋วที่อยู่ตกอยู่บนตักของตัวเองอย่างอ่อนใจ แขนทั้งสองข้างไพล่อยู่ด้านหลังแล้วถูกตรวนตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนามากกว่าคนอื่น ๆ

‘เอ่อ ข้าจะไขได้ยังไง’

‘นี่ไอ้บ้าอย่าเพิ่งสลบสิ มาไขให้ข้าก่อน’

เหนือภพรู้สึกว่ามีกุญแจดอกนี้ก็เหมือนไม่มี อยากรู้จริงไอ้บ้าที่ไหนส่งไอ้หน้าโง่คนนี้มาช่วยเขา เท่าที่พอจะคาดเดาได้ คนที่มีอำนาจมากพอที่จะซื้อผู้คุ้มกันที่ถือครองกุญแจกรงขัง หากไม่ใช่องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรก็คงเป็นตระกูลนาคราช

แต่เหนือภพเทใจไปทางตระกูลนาคราชมากกว่า เพราะพวกเขาแสดงออกว่าต้องการช่วยเขาชัดเจนมากในตอนที่เขาถูกกล่าวหา มีแต่พวกเขาที่ออกหน้าออกตาปกป้องอย่างเต็มที่ ส่วนองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรต่างหากที่เป็นคนผลักไสเขามาที่นี่เอง มีหรือที่เธอจะช่วยเขา แต่พอเหนือภพคิดดูดี ๆ แล้ว บุษย์น้ำเพชรก็คงไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเขา เขาจำแววตาของเธอได้ แววตาของเธอมีแต่ความละอายใจ ไม่เหมือนคนที่คิดจะทำร้ายเขา แต่เขาก็ยังคงรู้สึกโกรธเธออยู่ดี

ฉึบ !! อ๊ากก

เสียงร้องของผู้คุ้มกันคนหนึ่งดังขึ้นแทรกความเงียบ เหนือภพตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เหล่าทาสที่ถูกคุมขังต่างมีแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง หนึ่งในทาสเหล่านั้นกล่าวขึ้นในทันที

“กลุ่มภารดากลับมาช่วยพวกเราแล้ว พวกเขาไม่ทิ้งพวกเรา”

แต่เหนือภพกลับไม่คิดเช่นนั้น

“ไม่ใช่”

คำพูดของเหนือภพดังพอที่จะทำให้ทุกคนเงียบ จากนั้นทุกคนก็เห็นความจริงว่าผู้ที่มาใหม่คือกลุ่มคนชุดดำสวมหน้ากากรูปตะวันดำแบ่งครึ่ง เหนือภพตัวชา หัวใจเต้นรัว ความรู้สึกสิ้นหวังประเดประดังเข้ามาในใจเขา

‘ท่านพญานาคผู้ยิ่งใหญ่ ท่านต้องการสิ่งใด ได้โปรดบอกข้าน้อยผู้ต่ำต้อย’

เหนือภพหลับตาเพ่งกระแสจิตหวังอ้อนวอนพญานาค

‘หึหึหึ เจ้าเด็กตอแหล ปลิ้นปล้อนจริง ทียังงี้มาขอให้ข้าช่วย ก็ได้ ข้าช่วยเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะยอมทำที่ข้าต้องการ ส่วนเรื่องอะไรนั้นเจ้าไม่ต้องรู้ เจ้าไม่มีทางเลือก’

เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ กับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของพญานาค ครั้งนั้นเขาแค่โยนแก้วจันทรกาลออกไปรับหน้าวิญญาณร้ายแค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องโกรธกันนานขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นพญานาคก็ยังคงช่วยเหนือภพภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แน่นอนว่าเหนือภพไม่รู้ว่าพญานาคต้องการอะไร แต่ที่แน่ ๆ หากเขาไม่รับปากเกรงว่าเขาคงได้ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แน่

‘ได้ ข้ารับปาก’

‘เจ้าพูดเองนะ’

น้ำเสียงของพญานาคแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เหนือภพรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาไม่ใช่คู่ต่อกรกับพญานาคอยู่แล้ว

‘ใช่ ๆ ข้ารับปาก ทำตามที่เจ้าว่าเลย’

จากนั้นพญานาคตัวโตก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าทาส พวกเขากรีดร้องเสียงหลงอย่างอลม่าน พญานาคงับโซ่ตรวนที่คุมขังเหนือภพขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย ก่อนจะทำการตวัดหางทะลุลูกกรงเหล็กพุ่งเข้ารัดร่างของนักฆ่าที่บุกเข้ามา ก่อนจะพุ่งส่วนหัวตามติดเข้าไปเพื่อกลืนนักฆ่าเหล่านั้นไปทั้งตัว คนแล้วคนเหล่า ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเด็กและผู้หญิงที่กลัวว่าตัวเองจะรายต่อไป

เหนือภพลุกยืนขึ้นบิดเนื้อตัว ก่อนจะคว้าเอากุญแจไปไขเหล่าทาสทีละคน เขาปล่อยให้พญานาคได้เล่นสนุกเพียงลำพัง การเคลื่อนไหวของพญานาครุนแรงและฉับไว นักฆ่าแรงค์ D ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแม้แต่น้อย แต่พวกนักฆ่าก็ยังคงรักษาความมุ่งมั่นของตัวเองเอาไว้ พวกมันพยายามพุ่งตัวหาเหนือภพโดยไม่สนใจพญานาค แต่ต่อให้พวกเขารวดเร็วแค่ไหน มีทักษะพลิกแพลงมากแค่ไหน ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์โบราณอย่างพญานาค พวกมันก็ไม่ต่างจากอาหารอันโอชะ เป็นได้แค่เหยื่อ อย่าริอาจมาต่อกร

เหนือภพมองทาสทีละคนอย่างต้องการจดจำใบหน้าพวกเขาเอาไว้ในใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“หากพวกเจ้าทำงานหาเงินให้ข้า พวกเจ้าจะปลอดภัย ไม่มีใครมารังแกเจ้าได้”

คำพูดของเหนือภพสอดคล้องกับภาพพญานาคไล่โจมตีกัดกินนักฆ่า ทำให้คำพูดของเขามีพลังอำนาจและก็น่าเชื่อถือ เหล่าทาสจึงรู้สึกยินยอมพร้อมใจตกลงโดยไม่มีข้อกังขา ชีวิตของคนไร้พรสวรรค์ที่ไร้ทางเลือก ขอเพียงมีที่พึ่งที่แข็งแกร่ง พอที่จะคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ให้ปลอดภัยได้ พวกเขาก็ยินดีที่จะทำงานถวายชีวิต

สิ่งที่เหนือภพต้องการมีเพียงแค่เงินเท่านั้น หากจำนวนทาสกว่าหลายร้อยชีวิตในที่นี้ขยันทำงานหาเงินให้เขาสักหน่อย เขาอาจจะทำเงินได้อย่างมหาศาล เพราะเขาเชื่อมั่นในการทำงานหนักอยู่แล้ว

“รายงานครับ ตอนนี้พวกทาสถูกชายที่ชื่อที่เหนือภพพาออกมาทั้งหมดเลยครับ”

รเมศได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ สีหน้าของเขาดูเหี้ยมเกรียมโดยไม่รู้ตัว

“แล้วนักฆ่าพวกนั้นล่ะ”

“ตายหมดแล้วครับ รวมถึงคนของเราก็ต้านไว้ไม่อยู่”

“หา ! เป็นไปได้ยังไง ต่อให้เจ้าเด็กเหนือภพเก่งแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าจะหลุดออกจากโซ่ตรวนพิเศษได้”

รเมศคิดว่าในทีมของพวกเขาต้องมีเกลือเป็นหนอนแน่ ๆ คนที่ถือครองกุญแจน่าสงสัยที่สุด แต่คำตอบที่รเมศได้จากข้ารับใช้คนสนิทก็ทำให้เขาแทบจะทึ้งหัวตัวเอง

“พญานาคงั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไง”

รเมศชักสับสน ก่อนหน้านี้ชายลึกลับบอกกับเขาว่าพญานาคที่อยู่กับเหนือภพเป็นเพียงแค่วิชาที่อัญเชิญออกมาชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น และการอัญเชิญก็มีเงื่อนไขว่าสามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตที่มีระดับพลังความสามารถไม่เกินไปกว่าผู้อัญเชิญหนึ่งขั้น นี่เป็นหลักการขั้นพื้นฐาน ดังนั้นพญานาคไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องกังวล ไม่ใช่หรือ ? หรือเจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งกว่านั้น

เหนือภพเดินออกมาจากที่คุมขังใต้ดินอย่างสง่างาม แม้ว่าสารรูปของเขาจะดูไม่ได้ แต่ท่าทางมั่นใจผึ่งผายนั้นยากที่ใครจะดูถูกได้ ทั้งสองมือของเขาเต็มไปด้วยสัมภาระที่เขาเก็บเกี่ยวมาตลอดทาง เบื้องหลังของเขามีเหล่าทาสติดตามเป็นขบวน พวกเขาเองก็ล้วนมีสัมภาระอยู่ในมือเช่นกัน แววตาที่เคยสิ้นหวัง เวลานี้แววตาเหล่านั้นล้วนถูกเติมเต็มไปด้วยความหวัง

“ท่านเหนือภพขอรับ ข้าพบเจอตั๋วเงิน 100 เหรียญทองสองใบขอรับ”

หนึ่งในทาสคนหนึ่งกล่าวขึ้นพร้อมกับยื่นตั๋วเงินที่พวกเขาค้นเอามาจากร่างไร้ชีวิตของฮันเตอร์ผู้คุ้มกันให้กับเหนือภพ

“โอ้ ดี ๆ เจ้าทำได้ดีมาก”

“ท่านเหนือภพ นี่เป็นท่อนเหล็กที่หลุดออกจากแผงลูกกรง มันมีน้ำหนักมาก และคงทำจากวัสดุไม่ธรรมดา”

“เจ๋ง ราคาคงไม่น้อยสินะ”

เหนือภพตาเป็นประกายขณะรับของมา พวกทาสเหล่านี้ช่างรู้หน้าที่ของตัวเองดียิ่งนัก เขาพูดแค่ไม่กี่คำ คนเหล่านี้ก็ปฏิบัติงานได้อย่างคล่องแคล่วราวกับติดตามเขามานาน เขาถูกใจจริง ๆ หรือทักษะเหล่านี้เป็นทักษะพื้นฐานของคนไร้พรสวรรค์กันนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด