ตอนที่แล้วบทที่ 57 รักษา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 ตัวอักษรทิเบต

บทที่ 58 หาเจอแล้ว!


เย่โม่หัวเราะ  “พูดมาเถอะ  ถ้าไม่ลำบากอะไรผมก็เต็มใจจะช่วย”  เขารู้สึกว่าฉือหว่านชิงเป็นหญิงสาวที่ไม่เลวเลย  ถ้าช่วยเธอได้…ต่อให้เสียเวลาไปสักหน่อยเขาก็ไม่รู้สึกอะไร

“ฉันมีญาติคนหนึ่งทำบริษัทอยู่ที่เจียงหนาน  เมืองลั่วชาง  ตอนนี้ที่บริษัทมีคนไม่พอ  ไม่รู้ว่าพี่พอจะว่างไปช่วยงานบริษัทของเธอไหม…ที่จริงแล้วก็ง่ายมากเลย  แค่ลาดตระเวนตรวจตราแถวๆ โรงงานเท่านั้น”  ฉือหว่านชิงพูดอย่างตื่นเต้น  เธอรู้สึกว่าจำนวนครั้งที่เธอยิ้มภายในเวลา 1 ปียังน้อยกว่าที่เธอยิ้มภายไม่กี่นาทีนี้เสียอีก

เย่โม่เข้าใจทันทีว่าสาวน้อยคนนี้ต้องการจะช่วยเขาหางาน  แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เขารู้สึกเสียหน้าจึงได้พูดว่าให้เขาไปช่วยงานแบบนี้  ไม่อย่างนั้นบนโลกนี้ก็คงไม่มีข้อเสนอดีๆ แบบนี้หรอก  ไม่ต้องทำงานลำบากอะไรก็ได้เงิน...นี่มันจะง่ายก็ไปหน่อยแล้ว

ผู้หญิงคนนี้เป็นละเอียดอ่อน  เพียงแต่เธอยังไม่เข้าใจและกลัวว่าจะทำลายความภาคภูมิใจในตัวเองของเขาก็เท่านั้น  คิดดังนั้นเย่โม่จึงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า  “ขอบคุณนะ…ฉือหว่านชิง  ถ้าผมอยากหางานเมื่อไหร่จะต้องไปหาญาติของเธอแน่นอน  อันที่จริงแล้ว...ผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่างเดียวนะ”

เย่โม่รู้สึกว่าไม่เหมาะหากจะปฏิเสธความหวังดีของฉือหว่านชิงตรงๆ  ต่อให้เขาอยากจะไปทำงานที่บริษัทของญาติเธอจริง...เขาก็คงไปตอนนี้ไม่ได้  เขายังต้องเลี้ยงดู ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ถ้าหากมันยังไม่โตเขาก็ยังไปไหนไม่ได้

“ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย...”  พูดได้ครึ่งเดียวฉือหว่านชิงก็รู้สึกเหมือนกับว่าคำพูดของเธอจะชัดเจนเกินไปแล้ว  จากนั้นเธอจึงรีบเสริม  แค่เดินตรวจตราโรงงานเท่านั้น

“รอแปปหนึ่ง...พี่ใหญ่เย่  เดี๋ยวฉันให้เบอร์ติดต่อนะ”  ฉือหว่านชิงพูดจบก็เตรียมจะบอกเบอร์ให้เย่โม่จดในโทรศัพท์

เย่โม่กลับพูดขึ้น  “แต่ผมไม่มีโทรศัพท์”

ฉือหว่านชิงนิ่งไปพักหนึ่ง  ปัจจุบันนี้ยังมีคนไม่มีโทรศัพท์ใช้งานอยู่อีกหรือ?  แต่ดูจากการแต่งกายของเย่โม่รวมถึงสิ่งที่เขาบอกว่าตอนนี้ไม่มีงานทำแล้ว  คาดว่าเขาคงจะไม่มีเงินซื้อโทรศัพท์จริงๆ

เมื่อเห็นท่าทียุ่งยากลำบากใจของฉือหว่านชิงแล้ว  เย่โม่ก็ยิ้มบางๆ  “ที่จริงเธอบอกเบอร์มารอบเดียวก็พอ…ผมจำได้”

ฉือหว่านชิงมองเย่โม่  เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเขา  ตอนให้ตอนนี้เขาจำได้จริงๆ ผ่านไปอีกสักพักก็คงลืมหมดแล้ว  ตอนแรกเธอยังคิดว่าเย่โม่รู้สึกเขินเกินจะปฏิเสธจึงได้พูดแบบนี้  แต่อุปสรรคแค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก!  เธอคิดวิธีขึ้นมาได้แล้ว  เธอหยิบหวีที่มีรูปลักษณ์อันประณีตงดงามออกมาจากกระเป๋าอันหนึ่ง จากนั้นจึงนำมีดเล็กๆ มาสลักเบอร์ลงบนหวีอันนั้นแล้วยื่นส่งให้กับเย่โม่  ทำแบบนั้นเสร็จเธอจึงค่อยรู้สึกโล่งใจ

เย่โม่หยิบหวีที่ยังมีกลิ่นหอมจางๆ ติดอยู่ขึ้นมามอง  จากนั้นจึงหัวเราะ  “เป็นเบอร์โทรที่พิเศษจริงๆ...ขอบคุณนะ  ฉือหว่านชิง  ถ้าผมต้องการหางานทำเมื่อไหร่ผมจะไปที่นั่นแน่นอน”

ฉือหว่านชิงที่เห็นเย่โม่รับของไปแล้วก็รู้สึกดีใจจนออกนอกหน้า  แต่เธอก็รีบทักท้วงขึ้นมา  “พี่ใหญ่เย่ ช่วยอย่าเรียกชื่อฉันแบบนั้นได้ไหม?  ฟังแล้วแปลกๆ…หลังจากนี้เรียกฉันว่าหว่านชิงดีกว่า  หรือจะเรียกแบบพ่อของฉันว่าเสี่ยวชิงก็ได้”

“ก็ได้…หว่านชิง”  เย่โม่เรียกอย่างอ่อนใจ  เมื่อครู่เขายังได้ยินอยู่เลยว่าเพื่อนร่วมทีมเรียกเธอว่าฉือหว่านชิง

เมื่อได้ยินเย่โม่เรียกว่าหว่านชิง  เธอก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก  กระทั่งว่าลืมไปแล้วว่าต้องออกไปจากตรงนี้  เธอยังคงถามต่อไป  “พี่ใหญ่เย่…ได้ยินกัวฉี่บอกว่าพี่มาตามหาของที่นี่  พี่หาเจอหรือยัง?”

เย่โม่ส่ายหัว  “ยังไม่เจอเลย  แต่ก็คงจะอยู่แถวๆ นี้แหละ  ที่นี่คล้ายกับสถานที่ที่เพื่อนของผมบอกไว้  ที่นั่นต้องมี ‘ต้นสนหมื่นปี’ ทั้ง 2 ต้นและมีหุบเขา  หุบเขาที่เพื่อนผมบอกคงจะเป็นตรงนี้  ส่วน ‘ต้นสนหมื่นปี’  นั้นผมยังหาไม่เจอเลย

ต้นสนหมื่นปี?  ฉันรู้!  ตอนที่พวกเราเข้ามาในหุบเขาเพื่อหาที่ซ่อน  ฉันเห็นที่ที่หนึ่งมีต้นสนหมื่นปีอยู่ 2 ต้น  ห่างจากตรงนี้ไม่ไกลนัก...พี่ใหญ่เย่  เดี๋ยวฉันพาไปเอง  ฉือหว่านชิงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีที่ตัวเองมีประโยชน์กับเย่โม่ได้แบบนี้

เย่โม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร  ข้างนอกก็มีเสียงหลูหลินร้องเรียก  ฉือหว่นชิงรีบตอบกลับ  “พี่หลิน  ฉันกับพี่เย่จะไปทำธุระข้างนอก  เดี๋ยวสักพักจะกลับมานะ”

เสียงของฉือหว่านชิงทั้งใสและอ่อนหวานน่าฟัง  นั่นทำให้หลูหลินตะลึงไปพักหนึ่ง  ฉือหว่านชิงเคยมีอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?  น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความสุขใจยินดี  ไม่ใช่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเธอเป็นคนเย็นชาหรอกหรือ?  หรือว่า...หรือว่าพวกเขาจะ...?

หลูหลินส่ายหัวแล้วเดินจากไป  ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉือหว่านชิงทำให้เธอสับสนอยู่ไม่น้อย

ฉือหว่านชิงผุดลุกขึ้น  ตัวของเธอโงนเงนเล็กน้อย  เย่โม่รีบเข้าไปประคองทันที  “ผมแบกเธอเอง”

เย่โม่ไม่ได้คิดอะไรมากมายกับเรื่องนี้  เขาเพียงแค่อยากหาของให้เร็วก็เท่านั้น  เขาอยากจะไปสำรวจดูเสียหน่อยว่าพระธิเบตรูปนั้นจะทิ้งอะไรไว้บ้าง  ถ้ามี ‘เถาวัลย์ม่วง’ เหลืออยู่อีกก็คงจะดี  เรื่องนี้สำคัญสำหรับเขามาก

“อา...ขอบคุณพี่ใหญ่เย่”  ฉือหว่านชิงไม่ได้ปฏิเสธที่จะนอนแผ่บนหลังของเย่โม่แต่อย่างใด  ในความคิดของเธอนั้น...ขนาดต้นขาของเธอเขายังเห็นแล้วเลย  ให้เย่โม่แบกขึ้นหลังยังนับเป็นอะไรได้อีก?

ฉือหว่านชิงไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบทำทีกระบิดกระบวนเขินอาย  ซึ่งเย่โม่รู้สึกชื่นชมเธอตรงจุดนี้มาก  ไม่รู้ว่าพวกทหารจะเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้เหมือนกันหมดหรือเปล่า  ถึงแม้ภูเขาทั้ง 2 ลูกที่เบียดหลังเขาอยู่จะให้ความรู้สึกนุ่มสบายเป็นอย่างมาก  แต่เย่โม่ก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อย

“หัวหน้าหลู...เมื่อกี้ใช่พี่ใหญ่เย่แบกฉือหว่านชิงบนหลังหรือเปล่า?  ผมไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม?”   ฟางเว่ยเบิกตาจ้องมองฉือหว่านชิงที่อยู่บนหลังของเย่โม่พลางขยี้ตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ฉือหว่านชิงที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ชอบคุยกับผู้ชายในทีมเลย…กระทั่งเรียกได้ว่าเย็นชาเสียด้วยซ้ำ  มาครั้งนี้กลับปล่อยให้ชายหนุ่มที่เจอกันครั้งแรกแบกขึ้นหลังเช่นนี้  นี่มันจะอาจหาญเกินไปแล้ว!

“นายไม่ได้มองผิดหรอก  รีบจัดการปืนพวกนี้ให้ดี  พวกเขาคงจะมีธุระต้องทำ  อีกสักพักก็คงจะกลับมากันแล้ว”  หลูหลินพูดออกมาอย่างโกรธๆ

กัวฉี่ที่ยืนมองเย่โม่กับฉือหว่านชิงหายลับไปก็พยักหน้า  พี่เย่ถือเป็นยอดคน  หว่านชิงถึงแม้ปกติจะเย็นชาต่อคนอื่น  เธอก็แค่ยังไม่เคยเจอกับคนที่ใช่ก็เท่านั้น  พวกเขาเหมาะสมกันจริงๆ...

“พี่ใหญ่เย่...คิดว่าฉันใจง่ายหรือเปล่า?”  ฉือหว่านชิงที่ฟุบบนหลังของเย่โม่ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เย่โม่ตะลึงงันไปพักหนึ่ง  เขารีบตอบ  “ไม่มีทาง  ผมชอบนิสัยสบายๆ เป็นธรรมชาติของเธอแบบนี้มาก  จะพูดหรือทำอะไรก็ไม่มีเขินอายแม้แต่น้อย”

ฉือหว่านชิงลังเลไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น  “พี่ใหญ่เย่…ที่จริงแล้วฉันไม่ชอบพูดกับคนอื่นมากนัก   บางทีที่ฉันพูดมารวมกันทั้งเดือนยังไม่เท่าที่พูดกับพี่วันนี้ด้วยซ้ำ  ตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่ของฉันหย่ากันจนถึงวันที่ได้เข้ากองทัพด้วยเหตุผลของครอบครัวแล้ว  บางทีอาจจะเพราะเรื่องที่พ่อกับแม่หย่ากัน...ทำให้ฉันมักจะต่อต้านผู้ชายโดยอัติโนมัติน่ะ”

“แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...พี่ใหญ่เย่  ตอนอยู่กับพี่ฉันรู้สึกทั้งอิสระและเป็นธรรมชาติแบบนี้  นี่เป็นสิ่งที่ฉันโหยหามาตลอด...ฉันจึงไม่ได้รู้สึกต่อต้านพี่เลยแม้แต่น้อย  เดิมทีฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนี้เลย  ดังนั้น...”

พูดถึงตรงนี้ฉือหว่านชิงก็มองเย่โม่อย่างกังวลใจ  เธอกลัวขึ้นมาว่าเย่โม่จะไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของเธอ

เย่โม่ยิ้มออกมา…เขาเข้าใจความหมายของฉือหว่านชิงดี  เธอรู้สึกถึงอิสระและธรรมชาติได้จากตัวเขา  นั่นก็หมายความว่าร่างกายของเธอมี ‘รากปราณ’ อยู่  เย่โม่เริ่มมองเธอในมุมใหม่ทันที  ในโลกที่พลังฟ้าดินเบาบาง  แถมทรัพยากรการฝึกฝนยังน้อยจนแทบจะเป็นศูนย์ขนาดนี้  การจะปรากฏ ‘รากปราณ’ นั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย

“ใช้ชีวิตตามที่อยากเถอะ  อย่าไปเปลี่ยนแปลงตัวตนของตัวเองตามคนอื่นเลย  ชอบก็คือชอบ  ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ...”  พูดถึงตรงนี้เย่โม่ก็ชะงักไป  พวกเขามาถึงจุดหมายแล้ว

“หืม...ที่นี่เองหรือ  มี ‘ต้นสนหมื่นปี’ อยู่ 2 ต้นจริงๆ เสียด้วย

.......

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด