ตอนที่แล้วตอนที่ 81 นักฆ่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 83 ศาสตราสังหารเทพ

ตอนที่ 82 ปาเพิ่มสิวะ


แกร๊ก

เหนือภพลืมตาตื่นในทันที เขานอนปิดตานิ่งอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงได้ยินเสียงประหลาดดังชัดเจนในความมืด เขาค่อย ๆ ลุกจากที่นอนโดยไม่ให้เกิดเสียง จากนั้นก็เดินไปที่เชิงเทียนกลางห้อง เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าแก่นชีวิตหิ่งห้อยสุริยันจะมีประโยชน์ในยามฉุกเฉินขนาดนี้

ฟู่ !

เทียนทั้งสามสิบเล่มสว่างไสวอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำให้ภาพในร้านขายอาวุธปรากฏชัดเจนในทันที เหนือภพเห็นประตูทางเข้าเปิดอ้าพร้อมด้วยร่างของนักฆ่าสองคน พวกมันเข้ามาอยู่ในพื้นที่ร้านเรียบร้อยแล้ว

“แม่งเอ้ย จะเอากันให้ตายเลยหรือวะ”

เหนือภพตะโกนเสียงดัง เขาจงใจปลุกช่างดาบและลูกน้องให้ตื่น อย่างน้อยพวกเขาจะได้มีเวลาหนี

นักฆ่าคนหนึ่งคือนักฆ่าใบหน้าชราคนเดิม ส่วนนักฆ่าอีกคนไม่สูงนัก มีรูปร่างผอมบางกว่ามาก ทำให้เหนือภพคาดเดาได้ว่าคนนี้คือผู้หญิงเป็นแน่ แต่นักฆ่าทั้งสองก็ยังคงนิสัยเดิมคือไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว

“มาจะหมู่หรือเดี่ยว ข้าก็ไม่กลัวหรอกโว้ย เข้ามา !”

นักฆ่าทั้งสองตอบโต้ด้วยการพุ่งเข้ามาหาเหนือภพโดยพร้อมเพรียงกัน เหนือภพถีบโต๊ะไม้หนาหนักที่อยู่กลางห้องไปที่ประตูอย่างแรง เขาตั้งใจจะใช้โต๊ะเป็นสิ่งกีดขวางพวกมัน

ครืด..

โต๊ะขนาดใหญ่เลื่อนไถลไปทางนักฆ่าทั้งสอง เชิงเทียนทั้งหมดตกลงมาล้มระเนระนาด เปลวไฟดับบ้างติดบ้างคละเคล้ากันไป โชคดีที่พื้นของร้านเป็นพื้นดินอัดแข็งที่ไม่มีพรมปูประดับประดา มันจึงไม่มีเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดการเผาไหม้

เหนือภพกำลังคิดหาวิธีฝ่าทั้งสองคนออกไปข้างนอก แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นแผงขายอาวุธเขาก็เปลี่ยนใจในทันที เขาวิ่งไปใกล้ผนังด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วก็กวาดอาวุธออกมาทั้งราว หอบมันไว้ในอ้อมแขน แล้วก็ปาออกไปทีละอัน ๆ อย่างสุดแรงเกิด

แน่นอนว่านักฆ่าระดับนี้ย่อมหลบได้ทั้งหมด เหนือภพจึงคว้าดาบยาวสองเล่มคุณภาพดี พุ่งเข้าหานักฆ่าทั้งสอง พร้อมกับใช้ร่างเพลิงสุริยันเข้าโจมตีนักฆ่าทั้งสองระยะประชิด ดาบยาวทั้งสองเล่มถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาน ฟาดฟันซ้ายขวา ดาบซ้ายฟันขึ้น ดาบขวาฟันลงสลับกันไปมา แต่ว่าการโจมตีของเหนือภพแม้จะรวดเร็วแต่ก็ไม่ได้ซับซ้อน ทำให้เขาถูกอาวุธของนักฆ่าทั้งสองต้านและสกัดการไหลของกระบวนท่าดาบได้ไม่ยาก เมื่อนักฆ่าทั้งสองเห็นช่องว่างก็ผลัดกันพุ่งเข้าใส่เหนือภพทันที แต่ว่าการกระทำนั้นกลับทำให้เหนือภพยิ้มกว้าง

เหนือภพถีบเท้ายันใบหน้านักฆ่าคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง จนใบหน้ามันยับยู่ กระเด็นไปกระแทกกับชั้นวางดาบ ดังโครม ก่อนจะตวัดขาที่ถีบนักฆ่าคนแรกเหวี่ยงส้นเท้าใส่นักฆ่าอีกคนที่อยู่ข้างขวา จนพวกมันกระเด็นออกไปในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน นักฆ่าทั้งสองล้วนถูกเปลวเพลิงสุริยันเล่นงาน มันเผาไหม้เสื้อผ้าและร่างกาย ทว่าเพียงครู่เดียวเปลวเพลิงนั้นก็ดับมอดลงด้วยปราณอาคมของนักฆ่าร่างเล็ก มันรู้ว่าเขาใช้เพลิงสุริยันได้ จึงพานักฆ่าที่มีอาคมดับเพลิงได้มาด้วย

กระแสปราณอาคมสีทองนุ่มนวลไหลวนเวียนอยู่รอบกายนักฆ่าร่างเล็ก ก่อนจะแยกเป็นกระสุนพลังงานหลายร้อยลูกพุ่งเข้าใส่เหนือภพ เหนือภพไม่รอช้าเขารีบย่อตัวลง ใช้โต๊ะคิดเงินที่อยู่หน้าร้านเป็นที่กำบัง

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”

ช่างดาบตะโกนก้องเมื่อเห็นร้านของตัวเองพังยับเยิน ใบหน้าหน้าของเขายับย่นแสดงออกชัดว่าไม่พอใจ ก่อนจะคว้าดาบที่แขวนอยู่บนผนังข้างตัวเขวี้ยงไปทางนักฆ่าทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะช้าไป เมื่อกระสุนพลังงานพุ่งเข้ามาหมายปลิดชีวิตช่างดาบ ส่วนเหนือภพหรือจะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น เหนือภพเขวี้ยงโล่มาทางช่างดาบหลายต่อหลายอันเพื่อเบี่ยงทิศทางของกระสุนอาคม เสียง เป้ง เป้ง เป้ง ดังต่อเนื่องและถี่รัวไม่ต่างจากการเต้นของหัวใจช่างดาบ นั่นมันโล่ที่เขาตั้งใจทำเพื่อนำมาขายที่นี่โดยเฉพาะเลยนะ

เมื่อเหนือภพเห็นจังหวะที่กระสุนขาดช่วง เขาก็คว้าร่างของช่างดาบมาหลบหลังโต๊ะเช่นกัน ห่ากระสุนยังคงพุ่งตามมาอย่างต่อเนื่อง เสียงดังหลายอย่างก้องสะท้อนไปมา เสียงแตกร้าวของไม้ หิน เหล็ก และแก้วดังระงม

“นี่มันเรื่องอะไรเจ้าภพ”

“พวกมันมาฆ่าข้า”

“หา ! อย่าบอกนะว่าที่เจ้ามาหาข้า เจ้าจะมาให้ข้าช่วย เจ้าไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน ข้าเป็นช่างตีเหล็กไม่ใช่นักรบนะโว้ย”

ช่างดาบโวยวายเสียงไม่เบาเลย จะไม่ให้เขาโกรธได้หรือ สินค้าภายในร้านล้วนเสียหายไปมากกว่าครึ่ง แล้วแบบนี้เขาจะทำมาค้าขายได้อย่างไร

เหนือภพยิ้มแห้ง เขาไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างขณะที่เขายังคงกำหมัดแน่น

“พี่ช่วยถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย สักนาที”

ช่างดาบส่งเสียงฮึดฮัด แต่จะทำยังไงได้ เห็นได้ชัดว่าพวกนักฆ่าพวกนี้คงไม่คิดจะปล่อยเขาเช่นกัน ดังนั้นหากไม่ทำก็อาจไม่มีชีวิตรอด

“เจ้านี่มัน ได้ เร็ว ๆ ล่ะ”

ช่างดาบพูดจบก็ยกโล่ขึ้นป้องกันแล้วก็วิ่งไปทางหลังร้าน จากนั้นลูกน้องนักตีเหล็กของเขาก็พากันวิ่งสวนออกมาพร้อมกับแบกหามลังลูกระเบิดมาหลายลัง นี่เป็นของเล่นใหม่ที่เขาเพิ่งประดิษฐ์ขึ้นได้ไม่นาน

ภายในเป็นลูกระเบิดขนาดเท่าผลมะพร้าว นอกจากจะใส่ดินปืนอัดแน่นเป็นพิเศษในแต่ละลูกแล้วเขายังใส่เศษเหล็กไหลและเศษแร่มีสีเข้าไปเป็นจำนวนมาก มันเป็นอาวุธทำลายล้างพวกสัตว์อสูรและผู้มีพรสวรรค์ได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายนั่นเป็นแค่ข้อสันนิษฐานที่เขายังไม่มีโอกาสได้ทดสอบจริง ช่างดาบจึงใช้โอกาสนี้ทดสอบอานุภาพ เขาจุดไฟที่ขั้วลูกระเบิดลูกหนึ่งแล้วก็เขวี้ยงออกไปในทันที

เสียงเผาไหม้ของสายชนวนระเบิดดังขึ้น เมื่อลูกระเบิดพุ่งออกไปเกือบถึงตัวนักฆ่าทั้งสอง มันก็ระเบิด บรึ้ม ! เปลวเพลิงสีส้มร้อนแรงระเบิดออกเป็นรัศมีวงกลมทุกทิศทางไกลถึงหกเมตร เศษเหล็กไหลและแร่มีสีที่ถูกลับจนคมพุ่งกระจายออกไปโดยรอบ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ แต่น่าเสียดายแม้ระเบิดจะรุนแรงมากพอที่จะขุดหลุมลึก ทำลายเพดานห้อง ทำลายผนังร้านทั้งร้าน แต่มันก็ไม่มากพอที่จะฆ่านักฆ่าทั้งสองที่มีปราณอาคมแข็งแกร่งได้ มันทำให้นักฆ่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และช่วยขัดจังหวะการใช้ปราณอาคมของนักฆ่าร่างเล็กเพียงเท่านั้น

“เถ้าแก่ พวกมันยังไม่ตายเอาไงดีครับ”

ลูกน้องคนที่ช่วยถือโล่ป้องกันแรงระเบิดให้คนอื่น ๆ หันมาถามช่างดาบด้วยใบหน้าดำมิดหมีจากเขม่าควัน

“ก็ปาเข้าไปเพิ่มอีกสิวะ”

ในเวลานี้ช่างดาบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้ว่าตอนแรกเขาจะทำไปเพื่อเอาตัวรอด แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกตื่นเต้นมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด เลือดลมฉีดพล่าน ยิ่งยามเห็นสิ่งที่ตนประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้มาก เขาก็ยิ่งฮึกเหิม นี่หรือคือความรู้สึกของนักสู้ เขาชักจะชอบเสียแล้วสิ

ลูกระเบิดที่จุดชนวนแล้วถูกเขวี้ยงออกไปอีกหกลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ครั้งนี้นักฆ่ารู้ถึงประสิทธิภาพของลูกระเบิดเหล่านี้ พวกมันจึงทำเรื่องที่เหนือความคาดหมายของช่างดาบ

“บรรลัยแล้วไง”

เหนือภพหน้าเปลี่ยนสี เมื่อเห็นลูกระเบิดทั้งหมดกำลังลอยละลิ่วย้อนกลับมาหาพวกเขา เขาเพิ่มระดับพละกำลังยังไม่ถึงระดับ 11 ด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์ตอนนี้บีบให้เขาต้องต่อยหมัดออกไปเสียแล้ว

เหนือภพร่ายคำอาคมในใจเพื่อกระตุ้นยันต์ยักษ์สหัสเดชะให้แสดงอานุภาพเสริมกำปั้นที่เขากำลังจะชกออกไปด้วยเพลงมวยพหุยุทธ์ ตอนนี้เขาทุ่มเททุกอย่างลงไปในหมัดนี้ หมายสร้างอำนาจการทำลายล้างให้มากที่สุด โดยที่ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแล้ว หากเขาไม่ลงมือเต็มที่เขาก็ต้องตาย

คลื่นอากาศบิดม้วนพัดพาเอาลูกระเบิดที่ถูกตีย้อนกลับมาให้กระเด็นออกไป เกิดเสียงระเบิดตูมตามต่อเนื่องจนครบหกครั้ง กำปั้นของเหนือภพในร่างเพลิงสุริยันส่งผลให้เกิดพายุงวงช้างเปลวเพลิงในแนวนอน บิดม้วนปั่นเอาร้านค้าของช่างดาบที่ถูกเผาไหม้ให้แตกสลาย แต่ไม่ใช่แค่เพียงร้านของช่างดาบเพียงอย่างเดียว ร้านอื่น ๆ ในรัศมีร้อยเมตรก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ไปพร้อมกับร่างของนักฆ่าทั้งสองที่ถูกเผาไหม้จนเกรียม

ช่างดาบและลูกน้องสิบกว่าคนยืนหน้าดำ ตัวดำ ผมเผ้าชี้ฟูมีควันพวยพุ่ง เสื้อผ้าถูกเผาไม้เป็นหย่อม ๆ พวกเขายืนนิ่งค้างกลางเศษซากร้านค้าและดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยความอึ้ง ความตกใจ ความดีใจ ความกลัว และความรู้สึกภูมิใจปะปนกันไปหมด พวกเขาฆ่านักฆ่าได้สำเร็จแล้ว

เหนือภพไม่รอช้าเขาคว้าร่างช่างดาบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ และสะกิดลูกน้องทุกคนให้ตามไป พวกเขาจำเป็นต้องปล่อยให้เปลวเพลิงไหม้ลุกลามต่อไปเช่นนั้น เพราะไม่แน่ใจว่านักฆ่าคนใหม่จะตามมาจัดการซ้ำหรือไม่

และแล้วไฟก็ไหม้ลามไปตามบ้านเรือนต่าง ๆ อย่างหยุดไม่อยู่

ขุนเจษที่ยังพักฟื้นอยู่ในเรือนพักตัวเอง เขากำลังรีบลุกขึ้นมาแต่งตัว เมื่อลูกน้องใต้บังคับบัญชาเข้ามารายงานสถานการณ์เร่งด่วน เขาอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้นัก จึงสามารถมองเห็นเพลิงสีส้มลุกโหมกระพือปนกับเสียงตะโกนเซ็งแซ่ของคนมากมาย

เขายืนมองหน้าต่างด้วยแววตาชิงชังและรังเกียจความชั่วร้าย เขาพึมพำในขณะคาดดาบมือปราบเต็มยศว่า

“เหนือภพ ครั้งนี้ข้าจะจับเจ้ามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้”

สางลำไพรลืมตาเบิกโพลงอยู่บนที่นอนนุ่มสบาย ตั้งแต่ที่การต่อสู้ในร้านขายดาบที่ตั้งอยู่ใกล้กับที่พักของเธอเริ่มขึ้น เธอก็รับรู้ได้แล้ว แต่แน่นอนเธอไม่สนใจว่าร้านที่อยู่ข้าง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น เธอขอเลือกอยู่อย่างสงบสันติภายในที่พักของเธอ ซึ่งก็คือร้านค้าขายวัตถุอาคมเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากร้านช่างดาบไปเพียงหนึ่งช่วงตึก เธอไม่กังวลอะไรมากนักเพราะร้านของเธอถูกลงอาคมคุ้มภัยเอาไว้อย่างหนาแน่น ในเมื่องานเทศกาลมีแต่คนมากฝีมือจากหลายกลุ่มอำนาจมารวมตัวกัน ดังนั้นการต่อสู้ การทะเลาะเบาะแว้ง และความเสียหายเป็นสิ่งที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้ไม่ยาก หลาย ๆ ร้านที่พอจะมีกำลังและมีอาคมจึงมักจะลงอาคมคุ้มภัยเป็นเรื่องปกติ

ทว่าการต่อสู้นั้นรุนแรงมากขึ้น จนก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ ร้านค้า บ้านเรือนกว่าร้อยหลังเสียหายไปกับการโจมตีนั้น สางลำไพรจำได้เป็นอย่างดีว่ารูปแบบการโจมตีแบบนี้เป็นของใคร เพียงแต่การโจมตีครั้งนี้มีพลังทำลายล้างเหนือกว่าที่เธอเห็นมาก่อนหน้า จนเทียบไม่ติด นั่นทำให้เธอนึกสงสัยว่าเหนือภพกำลังเผชิญกับอะไรถึงได้ทุ่มเทพลังทำลายล้างระดับนี้ออกมาใช้ แต่ยังไม่ทันที่สางลำไพรจะได้ใช้เวลาครุ่นคิดก็มีเสียงแหลมปรี๊ดดังแทรกบรรยากาศเสียก่อน

“กรี๊ดดด”

สางลำไพรเด้งตัวขึ้นจากที่นอนด้วยความเร็วสูงสุดของเธอ จากนั้นเธอก็วิ่งออกมา สองมือคว้าจับมีดหมอเตรียมพร้อมประจัญบาน ทว่าเมื่อเธอมาออกมาถึงพื้นที่ขายของหน้าร้าน เธอก็ได้พบกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้พบอีก

“หวัดดี แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะ”

เหนือภพทักทายอย่างจริงใจ เขาก็แค่อยากหาที่หลบภัยเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเจอคนรู้จักเข้า

สางลำไพรเต็มไปด้วยความโกรธ หากสายตาของเธอเป็นลูกธนูของจริง เหนือภพคงตัวพรุนไปทั้งตัวแล้ว เพราะภาพที่เธอเห็นคือเหนือภพในร่างเปลือยเปล่ากำลังกอดรัด ‘ไลลา’ น้องสาวของเธอพร้อมกลับใช้มือขวาปิดปากไลลา และมือซ้ายถือดาบพาดคอ โดยหันคมดาบเข้าหาลำคอของเธอ

นี่หรือแค่เรื่องเข้าใจผิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด