ตอนที่ 10 ความอดทนรอคอย (ฟรี)
เฉียนยี่รู้สึกถึงแปลก ๆ ในท้องของเขา เหมือนผีเสื้อที่พยายามจะหลุดพ้นจากการเป็นตัวอ่อน โดยการทำลายสิ่งพลังรอบๆที่มองไม่เห็นซึ่งห่อหุ้มอยู่รอบ ๆ เเละนั่นจะทำให้ต้นกำเนิดพลังงานด้านนอกเเละด้านในของเขารวมเป็นหนึ่ง
วิธีการเข้าถึงพลังต่างๆนั้นแตกต่างกัน บ้างต้องใช้วิธีอ่อนโยนเเละใจเย็นจนกว่าจะค่อยๆเข้าถึง
อีกวิธีหนึ่งที่โหดดว่านั่นคือจู่โจมเข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตัวอย่างเช่น การฝึกบ่มเพาะพลังเเห่งต้นกำเนิดนั้นใช้ความรุนเเรง เเต่ทว่านั่นทำให้อวัยวะต่างๆนั้นบาดเจ็บ
เฉียนยี่นั้นสามารถสร้างพลังคลื่นได้สำเร็จ เเละเป้าหมายของเขาวันนี้นั่นคือการจู่โจมเกราะกำเเพงที่ปิดกั้นการเปิดพลังจุดเเรก
เขาควบคุมพลังงานกำเนิดที่พุ่งขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อพุ่งไปยังจุดในช่องท้องส่วนล่างเเห่งคลื่นพลังกำเนิด
ค่อยๆปรับมุมของพวกเขาและสร้างพลังชนเข้ากับสิ่งกีดขวางจุดพลังงาน
เกราะพลังของจุดกำเนิดคล้ายกับเขื่อนสูงที่ช่วยให้กระแสน้ำเริ่มต้นอย่างมั่นคง
เฉียนยี่ค่อยๆซึมซับอย่างช้าๆ แม้แต่กลิ่นหอมแปลก ๆ ของเลือดซูหยานก็หายไปจากความรู้สึกของเขาเขารู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับคลื่นพลังที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานสูงและกระแทกอย่างรุนแรงก่อนที่จะแตกสลาย เป็นหยดพลังกำเนิดจำนวนมหาศาลมันราวกับว่าเขาเป็นกระแสพลังงานที่แท้จริง
อย่างไรก็ตามคลื่นลูกต่อไปนั้นจะสูงขึ้นและแรงของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิมด้วย
การกระแทกแต่ละครั้งและการหดตัวของพลังงานต้นกำเนิดทำให้ร่างกายของเฉียนยี่สั่นเล็กน้อย
...
ในระหว่างกระบวนการที่แหล่งกำเนิดของกระแสพลังงานในร่างกายของเฉียนยี่ชนกับสิ่งกีดขวางของจุดพลังงานจากแหล่งกำเนิดที่สะท้อนกลับในโลกภายนอก เเละนั่นจะเติมพลังกำเนิดดั้งเดิมของเฉียนยี่อยู่เสมอด้วยวิธีนี้พลังกำเนิดของเฉียนยี่ค่อยๆเพิ่มขึ้น
ไม่ทราบจำนวนรอบที่น่าเบื่อนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกและเมื่อวัฏจักรของพลังเสร็จสิ้นก่อนที่แหล่งกำเนิดพล่านจะหายไป คลื่นลูกใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นทันที!
เฉียนยี่ทั้งตกใจและดีใจมาก เขารีบเร่งใช้สมาธิและนำคลื่นนี้ไปชนกับสิ่งกีดขวางเเห่งกำเนิดพลัง
เมื่อกระแสพลังพุ่งชนสิ่งกีดขวาง หูของเฉียนยี่ก็ได้ยินเสียงสะท้านกึกก้อง
ร่างของเขาสั่นสะเทือนโดยไม่ได้ตั้งใจและเขาก็เกือบจะถูกเหวี่ยงจากที่ที่เขานั่ง
นี่เป็นคลื่นลูกแรกของวงจรที่สอง ที่อยู่ในหนึ่งของกระแสพลังต้นกำเนิด พลังเเรงที่ออกมานั้นเกินกว่าเลเว่ลของวงจรพลังเเรก ทว่ากระเเสพลังงานยังเเผ่ไปถึงวงจรที่สี่หรือห้า
สัญญาณเเห่งความสำเร็จขั้นเเรก เฉียนยี่รวบรวมพลังงานมากยิ่งขึ้น ทั้งขั้นที่สอง สาม สี่ ของวงจรคลื่นพลังงาน หากบ่อเกิดพลังงานได้รวมตัวกันมากเท่าไหร่ พลังของเขาจะยิ่งมีอานุภาพมากขึ้นเท่านั้น ทั้งยังช่วงทลายกำเเพงจุดกำเนิดพลังงานเเรกได้อีกด้วย
ได้มีการกล่าวไว้ ทว่าเขาสามารถเข้าถึงพลังงานวงจรที่สามเเล้ว การเข้าสู้จุดกำเนิดพลังงานหน้าท้องก็อีกไม่ไกล
เมื่อระฆังดังเฉีนยี่จัดระเบียบตัวเองเหมือนที่เขาทำและออกจากห้อง ในครั้งนี้การสำเร็จในที่สิ่งที่เค้าได้รับมอบหมาย ทว่าเด็กคนอื่นด้วยเช่นกัน ทุกคนต่างมีความสุขกับความสำเร็จ
เฉียนยยี่ไม่ได้รู้สึกยินดีมากนัก เขากลับรู้สึกว่ามันควรจะเร็วกว่านี้
การฝึกฝนที่ผ่านมานั้นเขาควรได้อยู่หนึ่งในลำดับที่สามของจำนวนเด็กทั้งหมด
ทว่าชั้นเรียนอื่นมีคนสามารถเปิดจุดต้นกำเนิดพลังงานเเรกได้เเล้วด้วย
เเละอย่างเช่นเคย เด็กๆมายืนเรียงตัวกันที่กลางลานเดิม เเละด้วยอะไรบางอย่าง เฉินเล่ยนั้นยืนอยู่ข้างๆเฉียนยี่
ทุกคนอยู่ท่ามกลางสนามฝึกใต้คำสั่งของครูฝึก
เฉินเล่ยกล่าวกับเฉียนยี่ด้วยน้ำเสียงที่ตำว่า “ฉันสามารถเข้าถึงพลังงานวงจรที่สามเเห่งต้นกำเนิดคลื่นพลังงาน เเละหากการเปิดจุดกำเนิดพลังงานสำเร็จเมื่อไหร่ ระวังตัวให้ดี! ”
เฉียนยี่มองตรงไปด้านหน้าราวกับเขาไม่ได้ยินอะไร
.....
บทเรียนของการต่อสู้เเละชีววิทยาคือบทเรียนต่อไป
คู่ต่อสู้ของเฉียนยี่ในระหว่างคลาสการต่อสู้เป็นเด็กที่มีฝีมือระดับกลาง ทว่าสองฝ่ายมีความสัมพันธ์หรือไม่พอใจกับอีกฝ่ายดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นเรื่องธรรมดา จากนั้นบทเรียนโครงสร้างทางชีววิทยาก็มาถึง
แต่คราวนี้ผู้สอนเป็นชายร่างผอมหัวโล้นและเหี่ยวย่นที่ดูไม่คุ้นเคยเขามีดวงตาสีเทาขุ่นมัวคู่หนึ่ง
และเมื่อพวกเขากวาดข้ามเฉียนยี่ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกมองผ่าน เฉียนยี่ตัวสั่นเทาทันที
ตาของชายชราผู้สอนได้กวาดผ่านเฉียนยี่ในตอนแรกจากนั้นดวงตาของเขากระตุกและเขาหันกลับไปดูเฉียนยี่อีกครั้ง
ด้านหน้าของเด็กๆนี่คือห้องปฏิบัติการ โดยมีผ้าสี่เหลี่ยมสีขาวคลุมอยู่
ชายชราเคลียร์คอของเขา และเสียงของเขาหยาบและแหบราวกับเสียงร้องของอีกา
"สวัสดีเด็ก ๆ ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะทำให้คุณกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงฉันเชื่อว่าไม่มีใครที่จะจำชื่อของฉันได้ แต่หลังจากครึ่งปีหน้าชื่อนี้จะติดตามคุณไปอีกนานมากฉันชื่อ เฉินนนนนนนนนนนนน…….ตู! "
จากนั้นเฉินตู่อธิบายว่าชั้นเรียนของเขาทำงานอย่างไรมันง่ายมากพวกเขาต้องการทำงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้อาเจียน
"เอาล่ะ! ฉันอยากให้เธอดึงผ้าขาวที่อยู่ตรงหน้าเธอออกไปแล้วนี่สิ!" เฉินตูยกวัตถุที่คล้ายตะขอบาง ๆ
เฉียนยี่ก้าวไปข้างหน้าและยกผ้าขาวขึ้นบนโต๊ะในห้องปฏิบัติการเขารู้สึกประหลาดใจทันที!
ใต้ผ้าสีขาวเป็นศพเย็นฉ่ำ! อย่างไรก็ตามศพมีใบหน้าที่คุ้นเคยเฉียนยี่จำได้ว่านี่เป็นเด็กที่เข้าค่ายฝึกกับเขา!
ศพถูกเก็บรักษาไว้อย่างชัดเจนแม้ว่าจะผ่านไปเกือบปีก็ยังไม่เน่าและยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
ที่มุมห้องทำงานของห้องปฏิบัติการนั้นเป็นถาดที่เต็มไปด้วยเครื่องมือที่มีรูปร่างแปลก ๆ หลายสิบชิ้นเหมือนกับเครื่องมือที่เฉินตูถืออยู่หนึ่งในนั้นลักษณะคล้ายตะขอ
นอกจากนี้ยังมีศพบนเวที เฉินตูกระโจนเข้าสู่หีบศพแล้วดึงขึ้นด้านบนจากนั้นเขาใช้มีดที่คมและมีขนาดเล็กเพื่อตัดผ่านผิวหนังบาง ๆ ของศพ
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เฉียนยี่นั้นมีความขัดแย้งอย่างลึกล้ำและไม่สามารถรู้ภายในความรู้สึกของเขาเอง
เช่นเดียวกับเฉียนยี่ เด็กส่วนใหญ่ดูเหมือนจะหวาดกลัวและรู้สึกสูญเสีย แต่เด็กกลุ่มเล็ก ๆ เริ่มทำตามที่เฉินตูสั่ง กล่าวไว้บางคนถึงกับมีสีหน้าที่โหดร้าย เเละรอยยิ้มที่เยือกเย็น
ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มนับถอยหลังจากสิบ
เด็ก ๆ ตกใจมาก มันเป็นการนับถอยหลังของมนุษย์ที่พวกเขารู้ดีมาก!
พวกเขารู้ว่าใครก็ตามที่ล้มเหลวในการดำเนินการ ในตอนท้ายของการนับถอยหลังจะถูกลงโทษและไม่มีการบอกว่าการลงโทษของเฉินตูจะโหดร้ายยิ่งกว่าของฉางจิงหรือไม่!
ทุกคนรวมถึงเฉียยี่รีบคว้าเครื่องมือและเริ่มผ่าร่างขณะที่เฉินตูสอนพวกเขา
เฉียนยี่เพิ่งเสร็จสิ้นขั้นตอนต่าง จู่ๆเขาได้ยินเสียงร้องมาจากข้างๆเขา หญิงสาวร้องไห้ออกมาและเริ่มอาเจียนอย่างบนพื้น
เฉินตู่หยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และจ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังอาเจียนอย่างเงียบ ๆ เด็ก ๆ ทุกคนในห้องเรียนกำลังเฝ้าดูเธอเช่นกันและเงียบไปสักพัก
เมื่อเด็กหญิงตัวเล็กอาเจียนและร้องไห้เสร็จเฉินตูก็พูดด้วยความอ่อนโยนที่คาดไม่ถึงว่า
“พาเธอออกไปทำความสะอาด”
ทหารองครักษ์สองคนยกเด็กหญิงตัวน้อย และไม่ว่าเธอจะร้องไห้หรือดิ้นรนมากแค่ไหนพวกเขาก็พาเธอไป
ชั้นเรียนยังคงดำเนินต่อไปและเด็ก ๆ ก็ยังคงศึกษาความรู้ของเฉินตูในความเงียบ
เสียงเดียวที่ดังก้องในห้องเรียนคือเสียงแหบพร่าของชายชรา
อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเฉินตูก็ปรากฏตัวต่อหน้าเด็กอีกครั้งมันยังเป็นชั้นเรียนเกี่ยวกับการผ่า เฉินตูวางแผนที่จะจบการ
บรรยายสรีรวิทยาของมนุษย์ในพื้นที่สำคัญและจุดอ่อนในสามคลาสเรียน
เมื่อเฉียนยี่ยกผ้าขาวตรงหน้าเขาทันใดนั้นก็ก้าวถอยกลับ
ศพของเขาอยู่บนม้านั่ง ไม่ใช่ใครเเต่คือหญิงสาวตัวน้อย!
เฉียนยี่เข้าใจทันทีว่า เฉินตูพูดว่า "ทำความสะอาดเธอ" มันคือสิ่งใด
ในขณะนี้เขารู้สึกว่าดวงตาของเฉินตูมองมาที่เขา
เฉียนยี่ไม่เงยหัว มือของเขาไม่สั่นแม้แต่ครั้งเดียวขณะที่เขายกคีมและใบมีดบาง ๆ เพื่อเริ่มขั้นตอน
ในความเป็นจริงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาผ่านวันนี้มาได้อย่างไร
เเละก็ผ่านพ้นมาจนเวลานอนของเขาในที่สุด
เด็ก ๆ ส่วนใหญ่เข้าสู่โลกแห่งความฝัน แต่เฉียนยี่ไม่สามารถหลับได้ไม่ว่าเขาจะพยายามทำอะไร
ค่ายฝึกนี่คือนรกจริงๆ เฉียนยี่ไม่รู้ว่าเขาจะทนอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่
มันค่อนข้างนานแล้วที่ เฉียนยี่คิดเกี่ยวกับเงาที่คลุมเครือในตอนแรกของความทรงจำของเขา
คิดว่าเขาจะลืมมันไปถึงจุดนี้ แต่มันกลับมาอยู่ในใจทันที ทั้งยังเชื่อว่ามันมีอะไรที่หายไปเเม้เขาจะพยามนึกเท่าไหร่ก็ตาม
ใบหน้าที่แข็งทื่อของชีหยานเป็นสิ่งที่สองที่ปรากฏ และพยายามอย่างหนักที่จะยิ้ม ราวกับว่ามีคนพูดว่า
[ ออกมาอย่างมีชีวิตนะ~ ]
ในหูของเขาเฉียนยี่ เสมือนเขาตกอยู่ในภวังค์ เเละไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นเป็นของชิหยานหรือใครกัน
เฉียนยี่หลับตา และเมื่อเขาลืมตาอีกครั้งเขารู้สึกตื่นตัว ใครบางคนกำลังรอเขาอยู่ ใครบางคนให้สัญญากับเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังนามสกุล“หลิน” ทุกอย่างทำได้สำเร็จหลังจาก เขาเดินออกจากนรกนี้
ในนรกนี้มีโอกาสมาเพียงครั้งเดียว เขาจะเสียโอกาศครั้งนี้ไปไม่ได้
ทันใดนั้นเฉียนยี่ก็กระโดดลงจากเตียงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็ใช้เทคนิคการซ่อนตัวที่เขาได้เรียนรู้จากคลาสการต่อสู้เพื่อไปยังเตียงของเฉินเล่ย เขาดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ใครตื่น
เฉินเล่ยนอนหลับไม่สนิทและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กระสับกระส่ายในความฝัน
เฉียนยี่ค่อยๆขยับมืออย่างช้าๆไปที่ลำคอของเฉินเล่ย
ในขณะนี้เองที่เด็กคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงข้างๆเฉินเล่ย หันกลับมามองตาของเขาและเห็นการเคลื่อนไหวของเฉียนยี่
เฉียนยี่หันกลับมามองตาเขา และเด็กก็ตัวสั่นทันทีเด็กรีบหันหลังกลับและนอนหลับต่อไปโดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลย
ความลังเลทั้งหมดหายไป มือซ้ายของเฉียนยี่วางไปยังคอเฉินเล่ยอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ไปมาขณะที่เขาชกด้วยแรงอย่างเต็มที่ในซี่โครงของเฉินเล่ย!
เสียงทุ้มเสียงดังกึกก้องอยู่ในค่ายทหารและเด็กส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาทันทีจากการนอนหลับพวกเขาบางคนก็กระโดดจากเตียงโดยสัญชาตญาณ
เสียงห้ำหั่นดังก้องซ้ำ ๆ
ดวงตาของเฉินเล่ย โปน ใบหน้าของเขาก็แดงม่วงเข้มแล้วลิ้นของเขาก็ยื่นออกมาจากปากของเขาอย่างสิ้นเชิงเขามีรอยขีดข่วน
อย่างไรก็ตามมือของเฉียนยี่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ราวร่างกายทำมาจากเหล็ก ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ในขณะเดียวกันมือขวาของเขาถูกทุบเข้าไปในกระเพาะอาหารและซี่โครงของเฉินเล่ยซ้ำ ๆ
เหตุการณ์นี้คล้ายกับวันที่เฉินเล่ยรุมทำร้ายเฉียนยี่ เเต่ทว่าเฉินเล่ยไม่ได้มีปัญญามากพอที่จะสู้ เขาไม่สามารถหลุดจากการต่อสู้ได้
เด็กคนอื่นมาดูเหตุการณ์เหว่าเป็นเฉินเล่ยถึงกับส่ายหัว เเต่ทว่ามองไปที่เฉียนยี่เเล้วเต็มไปด้วยความกลัว
เฉียนยี่วางมือลงเนื่องด้วยร่างกายที่ไม่ตอนสนองใดใด
เขากลับไปยังเตียงเเละคลุมโปง
ไม่นานนักเฉินเล่ยกระโดดลงจากเตียง ตรงไปยังหน้าต่างเเละตระโกนว่า “ครูฝึกฮะะะะะ ช่วยด้วยครูฝึกก มีบางคนพยามฆ่าผมม ช่วยผมด้วยยย!!!”
-------