PTH3 หันหน้าไป
“ไม่รู้ข้าเคยดู! แล้วข้าก็ไม่เคยเห็นคนบ้าเหมือนเจ้าด้วย!” ชายชราอาภรณ์เขียวแทบคลั่ง “โถคุมภูติคือสมบัติที่ทรงพลัง ไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งเกินข้า ข้าข้ามผ่านสิ่งต่างๆมานับหมื่นปี เห็นสิ่งต่างๆมาแล้วมากมาย เรียนรู้สิ่งต่างๆมาแล้วหลายสิ่ง… เมื่อ 2 หมื่นปีที่แล้ว ข้าคือคนที่ทุกคนล้วนแย่งชิงเพื่อให้ได้ครอบครอง แต่เจ้า...”
“เดี๋ยวนะ! ผู้อาวุโสเขียว ท่านบอกว่าหมื่นปีที่แล้วเหรอ?”
“ใช่! ตั้งแต่ที่นายท่านคนแรกสร้างข้าขึ้นมาก็ผ่านมาแล้วหลายปี... รู้หรือยังว่าข้าไม่ธรรมดา?”
“จริงเหรอ?” เว่ยสั่วหันมองภาพวาดสาวงามที่ติดอยู่ข้างผนังห้อง “ผู้อาวุโสเขียว เมื่อหมื่นปีก่อนมีสาวงามเยอะหรือเปล่า? แล้วในยุคของท่านมีการฝึกฝนคู่ผสานหรือเปล่า?”
“เจ้าโง่!” สุดท้ายชายชราก็ทนไม่ไหว “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าในโลกแห่งการฝึกตน สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร? เคยเห็นหรือเปล่า? ข้าเคยเห็นมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนจากผู้เป็นนายของข้าแต่ละรุ่น แล้วเจ้าหล่ะ?”
“จริงสิ่ง!” จู่ๆแววตาเว่ยสั่วเปล่งประกายวาววับ “ผู้อาวุโสเขียว ที่ท่านกล่าวมาแสดงว่าท่านรู้จักวิชามากมาย บอกข้าหน่อยได้หรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องเป็นวิชาที่ทรงพลังที่สุดก็ได้ เพราะยังไงข้าก็ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว ข้าขอแค่วิชาที่ทรงพลังกว่าเต๋าแห่งสวรรค์นิดเดียวก็พอแล้ว”
“อืม… ข้าไม่รู้จักวิชาฝึกฝนอะไรนั่นหรอก” ชายชรากล่าว “ข้าฝึกฝนไม่ได้ เฝ้าดูการฝึกฝนจากในสมบัติไม่ได้ ข้าจึงไม่รู้วิชาฝึกฝนอย่างที่เจ้าว่าหรอก”
“ถ้าท่านไม่รู้...แล้วอะไรที่สำคัญที่สุดในโลกของผู้ฝึกตนที่ท่านเคยเห็นมา?”
“รู้ข้าจักการปรุงโอสถ รู้จักการสร้างยันต์ และสร้างสมบัติ!” ชายชรากล่าว
“จริงเหรอ?” แววตาเว่ยสั่วเปล่งประกาย การปรุงโอสถและการสร้างสมบัติเป็นความลับของนิกายใหญ่ ต่อให้เป็นเมืองจิตวิญญาณสูงสุดแห่งนี้ก็มีนักปรุงโอสถและนักสร้างสมบัติเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หากชายชรารู้วิธีปรุงโอสถและสร้างสมบัติจริง นับเป็นเรื่องดีอย่างที่สุด
“งั้นลองบอกสิ่งที่ท่านรู้มาสักอย่าง ข้าอยากรู้ว่าท่านรู้จริงหรือเปล่า?” เว่ยสั่วเพิ่งโดยโกงมา 13 ศิลาวิญญาณระดับล่าง แต่อย่างน้อยก็ได้ชายชราที่พอจะเป็นประโยชน์มาก็ถือว่าดี
หากชายชราบอกสิ่งที่รู้ไปกับเว่ยสั่ว ชายชรากลัวว่าเว่ยสั่วจะจากไปดื้อๆ เมื่อคิดเช่นนั้นก็ได้แต่ขบฟัน เพราะบุรุษเบื้องหน้าตนเบาปัญญา คาดเดาทางได้ยาก ดังนั้นชายชราจึงกล่าวถึงตำรับโอสถที่ง่ายที่สุดออกไป “โอสถฟื้นฟูปราณ หญ้าน้ำค้างขนาดเล็ก บุบผาสามราตรี รากดอกเบญจมาศเพลิง ผสมในอัตราส่วน 3 3 4 วิธีปรุงนั้นง่ายดายมาก”
“ผู้อาวุโสเขียว นี่ท่านอยู่ในนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว?”
“ข้าเคยก็มีนายมาแล้ว 6 คน แต่ข้าไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็นมาก่อน แต่ที่ข้าปรากฏตัวออกมาได้ เพราะว่าเจ้าบังเอิญทำลายอักขระที่ผนึกข้าเอาไว้ ทำให้ข่ายอาคมพวกนั้นไม่สามารถผนึกข้าได้อีก อืม… บางทีข้าอาจจะอยู่ในนี้มา 20,000 ปีแล้วก็ได้!”
“โทษทีนะ! ถ้าข้าจำไม่ผิดบุบผาสามราตรีหายสาบสูญไปเมื่อ 3000 ก่อน” เว่ยสั่วกล่าว
“ไม่จริง… งั้นเปลี่ยนเป็นอีกอันก็ได้ ยันต์เพลิง… ใช้หญ้าธูปเงินและบุบผาเพลิง เอามาบดรวมกันแล้วสร้างเป็นกระดาษยันต์ จากนั้นใช้โลหิตแมงป่องเพลิงเขียนอักขระลงไป”
“อักขระ ข้าว่าไม่น่าจะจำเป็น” เว่ยสั่วเริ่มปลดเข็มขัดของตนอีกครั้ง
“หมายความว่ายังไง?” ชายชราประหลาดใจ “หรือเจ้าจะบอกว่าสมุนไพรที่ใช่หายสาบสูญไปอีก?”
“ผู้อาวุโสเขียว ท่านคิดจะหลอกให้ข้าเอาโลหิตแมงป่องเพลิงมาให้ท่านดื่ม เมื่อฟื้นฟูพลังก็จะจัดการกับข้าใช่มั้ย? นี่ท่านคิดว่าข้าโง่หรือไง ข้าไม่ใช่คนที่โดนหลอกง่ายขนาดนั้น”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร? ถึงหญ้าธูปเงินจะหายากแต่ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้ อีกอย่าง เมื่อยามที่นายคนแรกของข้าสร้างยันต์ ข้าก็เพิ่งรู้ว่าโลหิตแมงป่องแดงเสริมพลังให้ข้าได้”
“อืม… อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” เว่ยสั่วจ้องมองชายชราด้วยสายตาเย้ยหยัน “หันหน้าไป”
ชายชราสับสน “หันหน้า?”
“อืม… ข้าปวดฉี่อีก เห็นหน้าตาหน้าเกลียดของท่านแล้วข้าฉี่ไม่ลง”
“นี่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งฉี่ใส่ข้า นี่ยังจะฉี่ใส่ข้าอีกเหรอ? เข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ”
“อืม… เดี๋ยวโดนฉี่ก็เข้าใจเอง” เว่ยฉีมองชายชราราวกับเป็นคนบ้า...
เมื่อฝนหยุดตก อากาศก็กลับมาสดชื่นอีกครั้ง สัตว์น้อยใหญ่เริ่มปรากฏกาย หญ้าสีเงินมากมายพริ้วไสวต้องลม
“ท่านบอกว่าหญ้าธูปเงินหายากใช่มั้ย?” เว่ยสั่วยกโถดินเผาของชายชราไปตั้งไว้ขอบหน้าต่าง “ผู้อาวุโสเขียว ท่านทำเหมือนรู้ทุกสิ่ง แต่ที่แท้กลับเสแสร้งเพื่อหลอกข้า”
“ไม่จริง!” ชายชรามองจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ปากอ้าค้างด้วยความตกตะลึง ไกลออกไปมีต้นหญ้าธูปเงินที่พริ้วไสวมากมาย
“ผู้อาวุโส ที่ท่านบอกว่าหญ้าธูปเงินหายาก ลองดูนั่น ท่านเห็นหรือเปล่าว่ามีอยู่ทั่วไป… ท่านบอกว่าเอาหญ้าธูปเงิน โลหิตแมงป่องเพลิง และบุบผาเพลิงมารวมกันจะกลายเป็นยันต์เพลิง คิดจะล้อข้าเล่นหรือไง?”
“ข้าเข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
จู่ๆชายชราก็หัวเราะขึ้น
“โดนฉี่ของข้าเข้าไปคงสมองโล่งแล้วสิท่า” เว่ยสั่วกล่าว
“เอาเถอะ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว… บุบผาสามราตรีที่หายสาบสูญไปเมื่อ 3000 ปีก่อน หญ้าธูปเงินที่หาได้ยากเมื่อ 10,000 ก่อน ยามนี้มีมากมาย… เมื่อเวลาผันผ่าน ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปทั้งหมด! แล้วยามนี้มีหญ้าสายโลหะหรือเปล่า? ผลไม้เคลือบสีมีหรือเปล่า? แล้วมังกรเพลิงพิภพหล่ะ?”
“ทุกอย่างที่ว่ามามีมากมายเลยหล่ะ!” เว่ยสั่วกรอกตา
“เจ้าไม่เข้าใจ โลกเมื่อพันปีก่อนและตอนนี้นั้นแตกต่างกัน” แววตาชายชราเปล่งประกายพลางกล่าว “ท้องทะเลสีครามกลายเป็นทุ่งหญ้า ตัวตนของมนุษย์ก็เปลี่ยนไป ตำรับโอสถผ่านการพัฒนามากมาย… สมัยก่อนผู้คนฝึกฝนยกระดับพลังด้วยการพึ่งพาเส้นชีพจรวิญญาณของโลก แต่หลังจากนั้นผู้คนก็พึ่งพาสมุนไพรวิญญาณและแก่นอสูร ข้าเคยได้รับตำรับโอสถมาจากนิกายโอสถขนาดเล็กแห่งหนึ่ง แต่ตำรับโอสถเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นประโยชน์มากนัก เพราะสมุนไพรหลายชนิดหายาก แต่ยามนี้ สมุนไพรที่หายากได้มีอยู่ดาษดื่น”
“ผู้อาวุโสเขีย! ท่านหมายความว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“จริงสิ! ยามนี้คือยามที่ตกอับที่สุดในชีวิตข้า กลายเป็นสมบัติวิญญาณที่มีระดับต่ำที่สุด เป็นเพียงของไร้ค่า… หากเป็นยามที่ข้ารุ่งโรจน์ที่สุด ข้าแข็งแกร่งจนสร้างชื่อสลักไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ยามนี้… ดูท่าต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว” ชายชราแหงนมองฟ้า ชูมือสูงด้วยความตื่นเต้น แววตาเปล่งประกายจริงจัง แต่จู่ๆกลับเอามือสัมผัสศีรษะตน พบว่าเว่ยสั่วฉี่ใส่อีกครั้ง
“ข้าทนไม่ไหวจริงๆ” เว่ยสั่วกล่าวพลางใส่เข็มขัด
“นี่… แล้วเจ้าจะเชื่อข้าได้หรือยัง?” ชายชรากล่าวถาม “สิ่งที่ข้ากล่าวทั้งหมดเป็นความจริง ต่อให้เจ้ายังไม่เชื่อก็ลองดูก่อนสักครั้ง หากสิ่งที่ข้ากล่าวไม่เป็นความจริง ก็โยนข้ากลับไปเมื่อหมื่นปีก่อนได้เลย”...