ตอนที่ 78 เงินจะหมด
“ไม่ได้ขอรับ ไม่ได้จริง ๆ ขอครับนายน้อย หากนายหญิงทราบเข้า ข้าได้ถูกสับเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้สัตว์อสูรกินแน่ขอรับ”
“นายน้อยได้โปรดไว้ชีวิตพวกเรา เห็นแก่ที่พวกเรามีครอบครัวมีลูกมีหลานต้องเลี้ยงดูด้วยนะขอรับ”
สมุทรยืนมองเถ้าแก่ร้านแลกเงินกับบรรดาลูกน้องที่ออกปากรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เขาแค่จะมาเบิกเงินเล็กน้อยเท่านั้น ทำเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้ ทั้ง ๆ ที่ร้านแลกเงินสาขานี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสาขาที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา เขานี่แหละคือทายาทที่ถูกต้องชอบธรรมของตระกูล เจ้าของกิจการเครือศรไตรลักษณ์ทั่วทุกแคว้น แต่พี่สาวตัวแสบกลับใช้อำนาจในทางที่ผิดมาอายัดทรัพย์สินของเขา
“นี่พวกเจ้า...”
“นายน้อย ถ้าท่านไม่หาความกับพวกเรา ข้าสัญญาว่าจะไม่นำเรื่องของท่านไปบอกนายหญิง ข้าจะไม่บอกใครทั้งนั้นว่าท่านอยู่ที่นี่”
“อืม ก็ได้”
สมุทรเดินออกมาจากร้านแลกเงินในหมู่บ้านลมหวนอย่างไม่สบอารมณ์ ที่นี่มีงานครึกครื้นกันทั้งที แต่เขากลับไม่มีเงินใช้
“จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย”
สมุทรอับจนหนทางคิดอะไรไม่ออก ของมีค่าที่ติดตัวมาเขาก็เอาไปขายเป็นเงินประทังชีพจนหมดแล้ว ถึงจะรู้ว่าไม่มีเงินเราก็ทำงานอย่างที่เหนือภพมักพูดอยู่บ่อย ๆ แต่ว่าเขาจะทำงานอะไรดี แล้วงานที่ว่าจะคุ้มค่าเหนื่อยแค่ไหน จะต้องทำกี่วันจึงจะหาห้องพักชั้นเลิศอยู่ได้ แค่คิดสมุทรก็ปวดหัวแล้ว
แต่ในเมื่อคิดจะหนีออกจากบ้าน เขาก็ต้องหาวิธีอยู่รอดให้ได้ แม้จะต้องลดตัวลดศักดิ์ศรีไปเป็นเด็กล้างจานก้นครัว เขาก็ไม่หวั่น ทว่าเขาจะต้องระวังตัวไม่สุงสิงกับใครมาก มิเช่นนั้นเขาก็จะถูกจับตัวไปส่งให้พี่สาวแน่นอน
สมุทรกำหมัดแน่นพลางให้กำลังใจตัวเอง เมื่อเขาเดินผ่านเขตร้านอาหารอร่อยที่ต่างก็แย่งกันประชันกลิ่นหอม กับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของผู้คนที่เดินไปมาอย่างขวักไขว่ เขาได้แต่ยืนน้ำลายสออยู่คนเดียว แม้แต่อาหารถูกที่สุดเขาก็ไม่มีปัญญาซื้อ หากจะฉกฉวยแย่งชิงก็ดูไม่เหมาะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุตรหลานจากตระกูลร่ำรวย เกิดเรื่องบานปลายไปเขาคงได้เจอพี่สาวบ้าสับเป็นหมูบะช่อแน่
เฮ้อ
สมุทรปล่อยให้ท้องร้องขณะยืนแหงนมองฟ้าอย่างไร้หนทาง
“เฮ้ สมุทร ! ใช่เจ้ารึเปล่า”
จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนเรียกเขาดังออกมาจากถนนเส้นหนึ่ง สมุทรรีบก้มหน้าพลางกระชับเสื้อคลุมให้มิดชิดมากขึ้น แล้วก็หันหลังเร้นกายปะปนไปกับฝูงชนด้านหลังทันที ทว่าชายคนนั้นก็วิ่งตามมาจับแขนเขาเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ
“เดี๋ยวสิ”
“ข้าไม่ใช่สมุทร”
“อ้าว เหรอ”
เขาเป็นชายที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสมุทร แต่งกายชุดสีขาวบริสุทธิ์ดูภูมิฐาน เขาแปลกใจเล็กน้อยที่ชายตรงหน้าไม่ใช่สมุทร สหายเก่าของเขา
“เฮงซวย ?”
สมุทรมองหน้าเขาเพียงแวบเดียว แล้วก็กระชากแขนสหายเก่ามุ่งหน้าไปยังซอกมุมหลับตาคนในทันที เขาแยกไม่ออกว่าคนตรงหน้านี้คือเฮงเฮงหรือซวยซวย ถ้าเป็นเฮงเฮงเขาก็คงต้องรีบหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว แต่ถ้าเป็นซวยซวยเขาก็คงจะมีหนทางได้ใช้ชีวิตสุขสบาย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แววตาของสมุทรก็เปล่งประกายไปด้วยความหวัง
พวกเขาพากันมาถึงซอกด้านหลังห้องสุขารวม ที่นี่ไม่มีผู้คนเดินผ่านและไม่มีใครสนใจ
“เจ้าคือเฮงเฮงหรือซวยซวย”
สมุทรถามด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่ชายตรงหน้าก้มหน้าอย่างเขินอายก่อนจะตอบว่า
“เฮงเฮง”
“เอ่อ ถ้ายังงั้นข้าขอเดินไปดูของทางนู้นก่อนนะ เจ้ารออยู่ที่นี่อย่าเพิ่งไปไหนนะ”
พูดจบสมุทรก็วิ่งกลับเข้าไปในตลาดทันที ราวกับคนวิ่งหนีความซวย แต่ความซวยนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะวิ่งหนีได้ สมุทรเข้ามาอยู่ท่ามกลางฝูงชนไม่นาน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีกลุ่มคนหลายกลุ่มกำลังจ้องมองมาที่เขาคล้ายกับว่าเขาเป็นก้อนเงินก้อนทองของพวกมัน พวกนั้นมีทั้งมือปราบ อันธพาล และกลุ่มอำนาจเล็ก ๆ อื่น ๆ สมุทรหันหลังวิ่งทันที เขาวิ่งหนีวนไปวนมาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังสลัดไม่หลุดสักที จนในที่สุดเขาก็จำเป็นต้องวิ่งกลับไปที่มุมตึกที่เฮงเฮงรออยู่ มันคือที่เดิม
น่าแปลก เมื่อพวกเขาสองคนยืนอยู่ข้าง ๆกัน พวกนักล่าค่าหัวต่างก็วิ่งเลยเขาไป ไม่มีใครเห็นหรือสนใจเขาอีกเลย จนสมุทรเริ่มเอะใจ นี่คือความโชคดีนี่นา
“เฮ้อ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกแกล้งสลับตัวกันซักที”
สมุทรถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ จากนั้นความดีใจก็เอ่อล้นหัวใจของเขา
“ซวยซวย”
“หืม”
“ตอนนี้ข้าลำบากมากเลย เจ้าพอจะมีเงินให้ข้ายืมมั๊ย”
“มีสิ”
สมุทรเห็นซวยซวยยิ้มให้อย่างใจดี มันทำให้หัวใจของเขาพองโต คิดแล้วเชียว คนที่เกิดมาโชคดีเป็นบ้าอย่างซวยซวยย่อมหาเงินได้ไม่ยากอยู่แล้ว
ซวยซวยมองเห็นสารรูปของสมุทรแล้วเขาก็สงสาร เพื่อนผู้ร่ำรวยของเขาต้องมาตกระกำลำบากเพราะตัวเองแท้ ๆ เขารู้ว่าสมุทรกำลังถูกตั้งค่าหัวจากคนในตระกูล แต่เขาก็ไม่มีความคิดเรื่องจะจับสมุทรส่งกลับตระกูลเลย เขาสงสารเพื่อนมากกว่า
“ทำไมเจ้าหนีมาอีกแล้ว”
ซวยซวยถามแบบชวนคุยเสียมากกว่า ขณะที่เขากำลังล้วงเอาเงินในอกเสื้อออกมา
“ข้าไม่อยากเป็นผู้นำตระกูล”
“เจ้านี่น้า อ่ะนี่เงินที่ข้ามี”
ซวยซวยตบบ่าปลอบใจสมุทรแล้วก็แบมืออีกข้างให้สมุทรดู มันมีแต่เหรียญเงินกองรวมกันจำนวน 50 เหรียญเงิน และตั๋วเงินมูลค่า 10,000 เหรียญเงินอีกหนึ่งใบ
สมุทรมองตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ปากอ้าค้างราวกับไม่คาดคิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้
“นี่เจ้า….”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าจะเอาเท่าไหร่”
ซวยซวยพูดด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
“ไม่ล่ะ เงินแค่นี้ข้าไม่แย่งของเจ้าแล้ว ว่าแต่ทำไมเจ้าไม่ไปหาเงินให้เยอะ ๆ ล่ะ”
“ข้าก็หาอยู่ แต่สนามประลองที่นี่ไม่รับข้าอีกแล้ว ข้าจะไปประลองที่ไหน ๆ ก็มีแต่ปัญหา พวกเขาไม่ต้อนรับข้า”
“แล้วทำไมเจ้าไม่ไปค้าขาย ข้าคิดว่าเจ้าจะโชคดีขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยล่ะ”
“วิถีของฮันเตอร์ก็คือการต่อสู้ และต้องสู้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วย”
เฮ้อ
สมุทรถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
จากนั้นซวยซวยก็ชวนสมุทรไปพักอยู่ที่เดียวกัน สมุทรจึงได้รู้ว่าเงินทองนั้นแทบไม่มีความหมายสำหรับซวยซวยเลย เพราะใคร ๆ เห็นเขาก็ต่างรักใคร่เอ็นดู แทบจะให้ที่พักฟรี ให้อาหารฟรี บางครั้งยังแบ่งปันเสื้อผ้าชั้นดีให้ด้วย
แม้ว่าที่พักของพวกเขาจะไม่ใช่ที่พักระดับเดียวกับเศรษฐีแต่สมุทรก็ยินดีที่จะพักอยู่กับซวยซวยไปก่อน จากนั้นค่อยหาลู่ทางกันต่อไป
“มันจะเกินไปหน่อยไหม ข้าทุ่มเทไปมากขนาดนี้แล้ว คิดจะรังแกข้าไปถึงเมื่อไหร่”
เหนือภพโวยวายดังก้องอยู่ที่มุมในสุดภายในห้องรับรองของตึกลำธารในขณะที่ข้างล่างยังมีการประมูลกันตามปกติ
“เป็นอะไรของเขา”
อังกาบพึมพำถามอย่างสงสัย เธอตั้งใจจะไปชะโงกดู แต่ทานธรรมกลับรั้งเธอเอาไว้
“ศิษย์น้องสามก็เป็นแบบนี้แหละ คงเสียเงินจนพาลหงุดหงิดล่ะมั้ง เรามาต่อกันเถอะ”
“บ้า ท่านก็”
ใบหน้าของอังกาบแดงก่ำ เธอผลักอกของทานธรรมออกไปเบา ๆ ด้วยความเขินอาย แต่เรื่องของเหนือภพก็ยังทำให้เธอเกิดข้อสงสัยอยู่
“แต่เขาเพิ่งจะได้เงินก้อนโตมานะ มันจะหมดไวเพียงนี้เลยหรือ”
“ศิษย์น้องสามก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ย่อมใช้เงินไปในเรื่องรื่นเริงบ้าง จะหมดไวก็เป็นธรรมดา เจ้าอย่าถือสาเลย มามะ”
พออังกาบได้ยิ่งเช่นนั้นเธอก็ผลักทานธรรมออก จนเขาเกือบจะกระเด็นตกที่นั่ง จากนั้นอังกาบก็จ้องเขาเขม็ง
“เหมือนท่านสินะ นี่ท่านกำลังจะบอกว่า เงินที่ท่านปล้นมาหมดไปเพราะใช้ในงานรื่นเริงสินะ”
ทานธรรมชะงัก ยิ้มแห้ง ๆ ยังไม่ทันได้แก้ตัว อังกาบสะบัดกระโปรง เชิดหน้าเดินออกไปยืนดูของประมูลตรงริมระเบียงเพียงลำพัง
วันนี้เป็นวันประมูลพันธุ์ไม้ ซึ่งเวทีประมูลได้รวบรวมพันธุ์ไม้แปลก พันธุ์ไม้หายาก และพันธุ์ไม้ราคาแพงอื่น ๆ อีกมากมาย มีทั้งแบบเมล็ด กิ่งพันธุ์ กระถาง หรือเป็นต้นขนาดใหญ่ที่ขุดมาจากดินแดนอันไกลโพ้น คละกันทั้งต้นไม้ ดอกไม้ พืชผัก พืชพิษ พืชใต้ดิน ผลไม้ ชา และสมุนไพร ซึ่งสมุนไพรคือสิ่งที่อังกาบสนใจมากที่สุดของรายการประมูลทั้งหมดในเทศกาลครั้งนี้ เพราะเธอเปรียบได้กับหมอยาคนหนึ่ง
เหนือภพจ้องมองหน้าจอแท็บแล็ตด้วยความรู้สึกลุ้นระทึกราวกับหัวใจจะหลุดออกมาข้างนอก เมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะกดสุ่มครั้งแรกในรอบ 15 วันไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นหินโง่ ๆ ก้อนหนึ่ง มันคือ ‘หินส่องแสงสว่าง’ แม้มันจะพอมีราคาอยู่บ้าง เนื่องจากมันมีคุณภาพมากกว่าหินเรืองแสงมากนัก แต่เหนือภพกลับรู้สึกว่าเทียบกับเงินสิบเหรียญทองที่เขาใช้ในการเพื่อสุ่มกงล้อแล้ว ดูเหมือนระบบมันจะขี้งกไปสักหน่อย
ก่อนที่จะกดสุ่มในครั้งที่ 2 นี้เหนือภพยกมือพนม พึมพำสาธุ ก่อนจะแตะลงไปที่ปุ่มตกลงเพื่อหมุนกงล้อหรรษาด้วยหัวใจที่รัวเร็วยิ่งกว่าเดิม
ทันใดนั้นเข็มสีแดงก็หยุดลง
ติ๊ง !
“นี่เจ้าจะหาเรื่องข้าให้ได้ใช่ไหม ครั้งนี้ข้าเสียเงินไปตั้ง 20 เหรียญทองนะ เจ้าควรจะตอบแทนอะไรให้ข้าบ้างสิ”
เหนือภพกัดฟันกรอดขณะกำหินส่องสว่างอีกก้อนไว้ในมือ ก่อนจะระงับอารมณ์ จากนั้นเขาก็โอบอุ้มแท็บแล็ตขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอม ลูบไล้อย่างแผ่วเบาพลางใช้ชายเสื้อเช็ดทำความสะอาด ขณะพึมพำออกไปด้วยความรักว่า
“เจ้าคงกลัวข้าสินะ เจ้าอย่ากังวลเลยข้าไม่ดุไม่ด่าเจ้าแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี เป็นไงสบายไหม ข้าดีกับเจ้าแบบนี้เจ้าก็ควรตอบแทนข้าจริงไหม”
เหนือภพพูดจบก็แตะแท็บแล็ตเบา ๆ
-*-*- การหมุนกงล้อหรรษาครั้งที่ 3 ใช้เงิน 40 เหรียญทอง -*-*-
เหนือภพกลั้นใจกดตกลง ราวกับว่าแท็บแล็ตมันเข้าใจและรับฟังคำของเหนือภพ สิ่งที่เข็มสีแดงของกงล้อหรรษาชี้ไป ทำให้เหนือร้อง เย้ ! ดีใจอย่างสุดเสียง พลางกระโดดโลดเต้น ก่อนที่รอยยิ้มจะมลายหายไปเมื่อเขาอ่านสองบรรทัดสุดท้าย
คุณได้รับ
สินค้า : แก่นชีวิตเต่าเกราะหนาม
ที่มา : สะดือสมุทรตะวันออก
สรรพคุณ : ลดความเร็ว เพื่อนำไปเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งทนทาน ลดถอนความเสียหายเกิดจากอาคม สามารถสะท้อนความเสียหายที่เกิดจากกายภาพ
คุณภาพ : สูง
ราคา : 171,550 เหรียญทอง
ระยะเวลาสิ้นสุดการซื้อ : 15 วัน
เหนือภพนิ่งรู้สึกแปลก ๆ กับแท็บแล็ตของเขา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หากเขาอยากแข็งแกร่งก็ต้องลงทุน นี่เป็นสัจธรรมของโลกที่เขาไม่ยอมเข้าใจในสมัยยังเป็นเด็ก
เหนือภพมองดูตั๋วเงินที่กำลังสลายไปทีละใบด้วยความช้ำใจ พลางหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมาไม่ขาดสาย หลังจากที่เขาได้รับ แก่นชีวิตเต่าเกราะหนาม เขาก็กลืนมันลงคอด้วยความรู้สึกซับซ้อน แม้เขาจะขายสร้อยภารกิจได้เงินมาเกือบสี่แสนเหรียญทองก็จริง แต่เขาก็ต้องแบ่งไร้ชื่อและเฮงเฮงด้วย เขาพาทั้งสองคนไปรักษาพยาบาลกับหมอยาชั้นครู แถมยังซื้อเสื้อผ้าใหม่ ชุดเกราะใหม่ให้อย่างดี จากนั้นก็แบ่งเงินให้คนละ 30,000 เหรียญทอง ส่วนเขานั้นเหลือเก็บไว้เองเพียงแค่สามแสนเหรียญทอง แต่ในตอนนี้เขาเหลือเงินแค่ 130,000 เหรียญทองเท่านั้น
จู่ ๆ เขาก็คิดถึงแม่ขึ้นมาได้ หากอนาคตอันไม่แน่ไม่นอนของเขามันจะทำให้เขาไม่สามารถเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำได้ล่ะ หากเป็นเช่นนั้น เขาก็อยากจะรีบส่งเงินบางส่วนให้แม่ซะเดี๋ยวนี้ ก่อนที่เงินก้อนนี้จะหมดลง ใช้เวลาเพียงไม่นานเหนือภพก็ส่งเงินจำนวน 5,100 เหรียญทองไปให้แม่ของเขา และส่งเงินอีก 5,000 เหรียญทองไปให้เหนือฟ้าไว้เป็นค่าขนม
จากนั้นเขาก็นั่งหันหน้าเข้ามุมห้องแล้วเหม่อลอยอยู่นานสองนาน ก่อนที่สติของเขาจะถูกปลุกขึ้นหลังได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอก
“เรียนท่านทานธรรม มีคนมาขอพบท่านเหนือภพขอรับ”
ฮันเตอร์ผู้ดูแลกล่าวจบ ทานธรรมก็เปิดม่านดู เขาและเหนือภพเห็นเป็นสาวห้าวในชุดเครื่องแบบฮันเตอร์แรงค์ D เหนือภพจำเธอได้ เธอคือ ‘ผกา’ หญิงสาวที่สามารถเลียนเสียงได้สารพัด ครั้งหนึ่งบนเรือสมุทรสำราญเธอเคยหลอกเขาว่าเธอเป็นเหนือฟ้า
“คุณหนูอยากคุยกับเจ้า”
“ถ้าอยากคุยก็ให้นางมาคุยสิ ใช่ว่าข้าจะกัดนางซะเมื่อไหร่”
เหนือภพตอบโต้อย่างไม่ยี่หระ เขาไม่ชอบพวกผู้สูงศักดิ์เลยจริง ๆ จะคุยกันทั้งทีก็ชอบทำให้เป็นเรื่องยาก ส่วนทานธรรมและอังกาบนั้นได้แต่นั่งมองพวกเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ
ผกายิ้มน้อย ๆ ราวกับรู้มาก่อนว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ เธอยังคงควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เธอยืนซองกระดาษสีน้ำตาลให้กับเหนือภพตามที่คุณหนูของเธอคาดการณ์ไว้
“เพื่อชดเชยค่าเสียเวลาของเจ้า นี่เป็นเพียงค่าตอบแทนเล็กน้อย”
เธอเอ่ยทันทีเมื่อเหนือภพเปิดดูซองสีน้ำตาล แม้เขาจะยังพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ใบหน้ากลับเบิกบานกว่าเก่า
“คิดว่าเงินซื้อข้าได้งั้นเหรอ แต่ก็ช่างเถอะ เห็นแก่ที่นางมีน้ำใจ ข้าจะไปตามนัดหมายก็ได้”
เมื่อเหนือภพพูดตอบรับพวกเขาก็นัดพบกันเป็นที่เรียบร้อย ผกาขอตัวกลับส่วนเหนือภพก็กลับเข้าไปในห้องพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“คนดี ๆ แบบข้า ใคร ๆ ก็เอ็นดูสินะ ชอบเอาเงินมาให้ข้าอยู่เรื่อยเลย ช่างน่าลำบากใจจริง ๆ”
เหนือภพนั่งมองตั๋วเงินมูลค่า 5,000 เหรียญเงินด้วยความรู้สึกพึงพอใจ แม้การที่เขาเสียเงินไปเป็นแสนเหรียญทองมันจะน่าช้ำใจ แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว มิสู้หันกลับมาดื่มด่ำกับความรู้สึกยามที่เขาได้รับเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งเหรียญทองแดง หรือหนึ่งเหรียญ ขอแค่มันเป็นเงินมันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขได้ทั้งนั้น