ตอนที่ 5 ชั่วนิรันดร์และรุ่งอรุณ (ฟรี)
เปรียบเสมือนวันที่เเสนยาวนาน ทั้งกายเเละใจของเฉียนยี่ล้าอย่างมาก เขาจึงค่อยๆผล็อยหลับไป
แต่เเล้วเวลาผ่านไปเพียงสามชั่วโมง เฉียนยี่ก็ได้ยินเสียงเเหลมที่ปลุกเขา ราวกับคำสั่งของหลงไฮ่ที่เข้ามาในหัวของเขา เขาตื่นจากพะวงทันที มือของเขานั้นคว้าเสือที่พาดอยู่มุมเตียง เเละสวมมันเร็วสุดเท่าที่เขาจะทำได้ เเต่ด้วยความรีบเร่งนั้น ความเจ็บปวดจากเเผลยังกวนใจเขา เเละยังคงทำได้เพียงเเค่ถอนหายใจ
หลังจากการตื่นขึ้นพวกเขามีเวลาเพียง 5 นาทีในการจัดการตัวเอง เเละเเน่นอนว่าสามคนสุดท้ายจะได้รับแส้ 3 ครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ
เฉียนยี่รู้สึกงงงวยกับทุกสิ่งอย่าง การตั้งแถวเรียงขึ้นไปฟัง เเละคำสั่งวิ่งขึ้นเขาเล็ก ๆ ประมาณห้ากิโลเมตรไปจนถึงเส้นชัย ทุกอย่างทำเอาขาก็มึนไปเสียหมด
เขารู้สึกขอบคุณความโหดร้ายจากเมืองนั้น มันช่วยให้เขาสามารถเอาตัวรอดจากสถานะการณ์ต่างๆมาได้
หลังจากการวอมร่างกาย หากเด็กคนไหนที่ไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ครบ เขาจะถูกเฆี่ยนหนึ่งที
นี่เป็นเพียงเเค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากการวอมร่างกายมื้อเช้าของพวกเขาก็มาถึง
มื้อเช้าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดจากค่ายฝึกอบรม ไม่เพียงเพราะความหลากหลายของอาหาร แต่ยังจะสามารถทานเท่าไหร่ก็ได้ สิ่งเดียวจำกัดนั่นก็คือเวลาเด็กๆ ทุกคนจะมีเวลา 30 นาทีเพื่อทานอาหาร และสำหรับพวกเขาเเล้วมันมากเกินพอ ดังนั้นจึงไม่มีใครเลยเวลาที่กำหนด
หลังจากการฝึกมาตลอดทั้งวันนั้น ทำให้พวกเขารู้ว่าหากการปฏิบัติคำสั่งเกินเวลาที่กำหนด โทษนั่นคือการถูกเฆี่ยน
ค่ายมรณะเป็นการรวมตัวของกลุ่มเด็กๆที่ต่างหลากหลายที่มา บ้างก็มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง ครอบครัวธรรมดา หรือเเม้เเต่ไพร่ที่มาในเวลาอันใกล้เคียงกับเฉียนยี่
เด็กๆต่างทานอาหารกันชนิดที่จะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกเเล้ว
เฉียนยี่ทานกินอย่างขมักเขม้น กินมากกว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากเขาเห็นคนที่บังเอิญหาอาหารจนเจอ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตายเพราะกินมากจนเกินไป
เมื่ออาหารเช้าสิ้นสุดลงเสียงระฆังดังขึ้น เสียงนั้นคือสัญญาณที่จะบอกกับเด็กๆว่าหมดเวลากับมื้อเช้าเเล้ว ทันใดนั้น.. เด็กผู้หญิงร่วงลงไปกองที่พื้น ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เพียงชั่วครู่เธอก็นิ่ง ไร้ความเคลื่อนไหวใดใด
เธอทานทานอาหารมากไปนั่นเอง!!!
มื้อนี้กับเหตุการณ์ของเด็กผู้หญิงคนนี้ได้สอนให้เด็กๆคนอื่นรู้วิธีการเอาตัวรอด
การฝึกได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง การฝึกฝนทุกรูปเเบบนั่นก็เพื่อให้พวกเขาเเข็งเเกร่งเเละมุ่งมั่น
ผ่านไปสามสิบนาที เเม้ร่างกายของเฉียนยี่จะเริ่มอ่อนล้า เเต่เขานั้นยังคงมุ่งมั่นเเละไม่ละความพยามต่อร่างกายอันบอบบาง สิ่งที่สอนเขามาจากเมืองร้างนั้นทำให้เขากัดฟันสู้เเละไม่ละต่อความเหนื่อยล้าใดใด
เขาไม่มีทางรู้เลยว่าเลยว่าเขาจะยังคงนอนที่เตียงอันอบอุ่นนี้ไปได้อีกนานเเค่ไหน... เเม้ว่าวันนี้เขาไม่ได้รับรอยเเผลเพิ่มอีก
ร่างกายที่โรยเเรงค่อยๆผล็อยหลับไป ทันใดนั้น...ในความฝันเต็มไปด้วยเสียงของการถูกเฆี่ยนตี
รุ่งเช้าวันใหม่ หกโมงเช้า เสียงปลุกที่ดังลั่น เขารีบลุกเเละจัดการตัวเองด้วยความเร็ว
เเสงอาทิตย์ส่องเเสงที่หน้าของเขา เฉียนยี่กระพิบตา มองไปยังลำเเสงที่ส่องมา ในใจคิดสงสัย เหตุใดกันเเสงเเดดถึงส่องสว่างในเวลานี้
เขามองเหม่อไปยังลำเเสงด้านหน้า เเละรู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้อยู่ที่เมืองขยะเเห่งนั้นอีกเเล้ว ว่าเเต่สถานที่เเห่งนี้คือใจกลางทวีปหรือไม่กันเเน่
ทำไมกัน? ที่นี่ถึงไม่ถูกปกคลุมด้วยความมืด ทั้งยังจะเริ่มส่องเเสงในเวลาหกโมงเช้าด้วย
เเละเเล้ววันใหม่ก็เริ่มขึ้น
เเม้ว่าจะเป็นวันที่สดใสของเขาก็ตาม เเต่เขายังได้รับโทษจากการไม่สามารถเสร็จภาระกิจได้ท่วงทันเวลา
มีเพียงเด็กไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดพ้นจากการลงโทษไปได้ ทว่าผู้ที่อ่อนเเอที่สุดรับโทษถึงการเฆี่ยนห้าครั้ง หากการฝึกปีนป่ายครั้งนี้ผู้เข้าร่วมคนไหนตกลงมาที่พื้น ไร้ซึ่งความเเข็งเเรง จะถูกนำตัวออกไปพร้อมกับความตาย
ในวันที่สามของการฝึก เจ้าหน้าที่นำกระป๋องขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำมันสีดำ มันคือยาสมานเเผล เพียงเเค่เเตะยานี้ปลายนิ้วมือเเผลจะหายเป็นปลิดทิ้งในข้ามคืน
เเละคืนนี้ก็เช่นกัน เฉียนยี่ยังคงอยู่ในห้วงเเห่งฝันที่มีเสียงเฆี่ยนไปมา
หนึ่งเดือนจากการฝึกฝน ฝีมือของเฉียนยี่พัฒนาไปได้ดี ทว่าเขายังไม่ได้รับโทษจากการเฆี่ยนอีกด้วย เเต่เดี๋ยวก่อน.. หากลองนับดูดีๆ จำนวนเหล่าเด็กฝึกนั้นลดลงเหลือเพียง 67 คนเท่านั้น จากทั้งหมด 100 ตัวเลยที่ลงไปในเวลาหนึ่งเดือนทำเอาเฉียนยี่ตกใจมาเสียทีเดียว
เฉียนยี่นั้นได้พัฒนาไปอยากมาก ทั้งร่างกาย เเละความเเข็งเเกร่งของเขา มันต่างจากวันเเรกที่เขามาถึงเลยจริงๆ
ในวันเเรกของเดือนที่สาม เฉียนยี่เเละเเละคู่ซ้อมของเขาจะได้รับการฝึกฝนพิเศษ
ครูสอนท่านนี้ เป็นผู้หญิงที่ลักษณะผอมเพรียว อายุ 27-28 ปี ทว่าเครื่องเเบบที่เธอสวมนั้นยังไม่สามารถปิดบังขนาดอกที่ใหญ่โตของเธอได้
เธอเดินไปขียนบนกระดานดำ “ธรรมชาติของโลก” เธออ่านก่อนแล้วจึงพูดว่า…“ฉันรู้ว่าพวกคุณหลายคนไม่รู้จักวลีนี้ แต่ก็ดี เจ้ามีเวลาหนึ่งเดือนในการเรียนรู้มัน ในระหว่างการฝึกเพียงเน้นการอ่านให้ดี จะมีการทดสอบอีกหนึ่งเดือนต่อมา ในตอนนี้ให้ข้าอธิบายถึงความหมายของคำว่า ธรรมชาติของโลก”
มันหมายถึงพลัง
ตามคำอธิบายของผู้หญิงที่สวยงามคนนี้ชื่อฉางจิง
-ต้นกำเนิดของโลกคือพลัง-
แรงไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป มันถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือพลังเเห่งเเสงสว่าง ทว่าส่วนที่หนึ่งนั้นสามารถเรียกได้ว่า พลังเเห่งความมืด
ทุกชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับพลังบางอย่าง มันถูกแบ่งออกเป็นความสว่างและความมืดตามธรรมชาติ แม้จะถูกฝึกมาจากที่เดียวกัน เเต่ก็ต้องถูกจำเเนกตามความเหมาะสม
แม้ว่าความเป็นจริงเเล้วความตั้งใจของเจ้าคือการปฏิบัติตามพลังเเห่งเเสงสว่าง ทว่าในตัวของเราทุกคนเเล้วล้วนมีพลังมืดซ่อนอยู่ พลังมืดนั้นแข็งแกร่งมากและมีมากมายหลายประเภท
แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่พิเศษมาก แม้ว่ามนุษย์หลายคนมักจะปฏิบัติตามพลังเเห่งเเสงสว่าง แต่หลายคนก็เลือกที่ไปตามพลังเเห่งความมืด แม้หลังจากการตื่นรู้ขึ้นของพลังเเห่งแสงสว่าง น่าเเปลกที่บางคนนั้นยังคงไปตามทางเเห่งความมืด
กล่าวกันว่าในระหว่างพลังเเห่งความมืดเเละความสว่างนั้นจะมีพลังอันบริสุทธิ์ซ่อนอยู่ มีบางคนที่เคยสัมผัสถึงพลังนี้กล่าวไว้ เเต่.. ไม่ค่อยมีใครสามารถรับรู้การคงอยู่ของมันได้
จากสิ่งที่เธอได้กล่าวมา เฉี่ยนยี่กำมือพยามที่จะสัมผัสพลังถึงความอบอุ่น พลังที่เสมือนประกายท่ามกลางความมือหม่นในคืนพระจันทร์สีเลือด
ฉางจิงเคาะแท่นโพเดี้ยม ทุกอย่างกระจายตัวไปข้างๆเเผนที่โลก
โลกทั้งโลกเมีความเเตกต่างกันในเเต่ละทวีป
ชางจิงกล่าวคำต่างที่ไม่คุ้นหูนัก โลกของเรามีทั้งหมด 20 ทวีป เเต่ละทวีปจะมีการเคลื่อนที่เปลี่ยนเเปลงไปอย่างช้าๆ ด้วยพลังอันลึกลับที่ขับเคลื่อน ทวีปอันสูงสุดจะมีวงโคจรของดวงอาทิตย์ถึงสองดวง เเละล้อมรอบด้วยดาวอันยิ่งใหญ่ ยังกล่าวอีกว่ากลุ่มดวงดาวพวกนี้ยังสามารถเห็นพระจันทร์ในยามค่ำคืน จากวงโคจรเเต่ละทวีปที่เเตกต่างกันทำให้การมองเห็นรูปเเบบของพระจันทร์นั้นก็จะต่างกันออกไป
เฉียนยี่เเละเด็กฝึกอีกคนต่างงงงวยกับบทเรียน เเต่พยามจะจดทำทั้งหมด
มีเพียงด็กน้อยจากครอบครัวใหญ่เท่านั้นที่เข้าใจความรู้เหล่านี้อยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ได้ตกใจกับมัน
มีเพียงทวีปด้านบนเท่านั้นที่จะได้รับเเสงอาทิตย์ เเละระยะเวลาที่ได้รับจะสั้นลงหากเป็นทวีปที่ต่ำลงไป บ้างก็อยู่ในความสว่าง บ้างก็อยู่เพียงในความมืด
เธอกล่าวถึงระดับต่ำสุดของแผ่นดินใหญ่ว่า “ตัวอย่างเช่นนี่คือทั่วทวีปรวมกัน สามเดือนต่อปีที่จะเป็นช่วงเเห่งเเสงสว่าง เเละที่เหลือคือความมืด ไม่เเปลกเลยที่ผู้คนจะมีสภาพความเป็นอยู่ที่เเร้นเเค้น เเต่กระนั้นที่เเห่งนี้คือกำเนิดเเรกของทวีป จักรวรรดิของเราก็มีต้นกำเนิดจากที่นี่เช่นเดียวกัน เรามักเรียกที่นี่ว่าดินเเดนร้าง”
เฉียนยี่รู้สึกเหมือนถูกตีหน้าเข้าอย่างจัง นั่นมันที่ที่เขาจากมา ในความทรงจำของเขานั้น เขาเคยอยู่กับใครคนนึงในทวีปร้าง เเต่ไม่อาจนึกได้
ชั้นเรียนใกล้จะจบลง
ฉางจิงเก็บแบบจำลองโลกไว้ที่แท่นและพูดว่า "เราจะได้พบกันอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือน บทเรียนต่อไปคือสงครามรุ่งอรุณ มันคือการเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริงของสงครามเเห่งรุ่งอรุณ, ชะตากรรมของสงครามและการก่อตั้งสงครามจักรวรรดิ ”
-------