บทที่ 9 องค์ชายจิ้นเหอ
บทที่ 9 องค์ชายจิ้นเหอ
“ลุกขึ้นเถิด!”
เสียงที่ทรงพลังแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่นุ่มลึกได้ดังขึ้น
“ขอบพระทัย ฝ่าบาท!”
สาเหตุที่กุนจวิน และกุนไท่ไม่ต้องคุกเข่าลง นั่นเป็นเพราะกุนคุนผู้ซึ่งเป็นบิดาของกุนจวิน เป็นผู้มีพระคุณเคยช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิเอาไว้ ทำให้เขาต้องไว้หน้ากุนจวิน และที่สำคัญความแข็งแกร่งของทวีปอรุณเบิกฟ้าไม่ได้ด้อยกว่าทวีปขนาดใหญ่เลยแม้แต่น้อย เป็นเหตุให้พวกเขายำเกรงต่อกุนจวินเป็นอย่างมาก
“เป็นเกียรติมากที่ได้พบกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ขอบพระทัยที่ฝ่าบาทให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น!”
กุนจวินกล่าวพลางประสานมือ แม้องค์จักพรรดิจะไว้หน้าเขาแต่เขาก็ต้องไว้หน้าจักรพรรดิด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี การสร้างมิตรย่อมดีกว่าการสร้างศัตรู
“ท่านกุนจวินก็กล่าวเกินไป ข้าต่างหากละที่เป็นเกียรติ”
องค์จักรพรรดิหัวเราะดังลั่น และกล่าวอย่างเป็นกันเองขึ้น ก่อนจะกล่าวต่อ
“นี่คือ กุนไท่ บุตรชายของท่านหรือ?”
“ใช่แล้ว กุนไท่ทำความเคารพต่อองจักรพรรดิสิ”
“คาราวะองค์จักพรรดิ!”
กุนไท่เอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ฮ่า ฮา ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่วิเศษยิ่งนัก อายุเพียงสิบห้าปีกลับมาถึงขั้นนี้แล้ว แถบบุคลิกยังถอดแบบมาจากบิดาโดยตรงเสียด้วย หากเจ้ายิ่งใหญ่แล้ว อย่าลืมดูแลชายแก่ผู้นี้ด้วยละ”
องค์จักรพรรดิตอบพลางหัวเราะ ด้วยสายตาที่เขามองมาที่กุนไท่นั้นเป็นประกาย ราวกับค้นพบความพิเศษในตัวของเด็กหนุ่ม
ชั่วขณะนั้นเองทั่วท้องพระโรงกลายเป็นตกตะลึงระคนตกใจ คำพูดขององค์จักรพรรดินั้นทำให้พวกเขาตาค้าง และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ คำพูดนี้มันเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าให้การสนับสนุนเด็กหนุ่ม และจะอยู่ฝั่งเดียวกับเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วย
องค์จักรพรรดิในสายตาของทุกคนนั้น แม้จะเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี แต่ไม่เคยพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ นี่เป็นการบอกว่าองค์จักรพรรดิเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวเด็กคนนี้!
“พวกท่านเดินทางมาเหนื่อย เชิญพวกท่านไปพักผ่อนเถอะ ข้าจัดเตรียมที่พักไว้ให้แล้ว ข้าจะให้หลานชายไปส่ง”
องค์จักรพรรดิกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มที่อยู่ทางขวาคือหลานชายขององค์จักรพรรดิ มีศักดิ์เป็นองค์ชาย และเป็นว่าที่องค์จักรพรรดิ!
องค์ชายกวาดสายตาแล้วมาหยุดอยู่ที่กุนไท่ พร้อมส่งสายตาอาฆาตใส่ เด็กหนุ่มที่รับรู้ได้นั้น ถึงกับยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย องค์จักรพรรดิแค่ชื่นชมเขา แต่เห็นได้ชัดว่าองค์ชายผู้นี้ไม่ชอบหน้าเขา และหมั่นไส้เขา
ด้วยการนำทางขององค์ชายนั้นก็ได้มาถึงที่พัก เขาชี้ห้องๆหนึ่งก่อนจะคาราวะกุนจวิน และเดินออกไป
“องค์ชาย ช้าก่อน!”
กุนไท่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น
“มีอะไร!”
องค์ชายกล่าวอย่างอารมณ์เสีย เขาทั้งสูงส่ง และยิ่งใหญ่ แต่กลับต้องมานำทางด้วยตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกว่าสายเลือดในร่างกายมันตกต่ำลง สิ่งนี้ทำให้เขาต้องรู้สึกมัวหมองเป็นอย่างมาก แถมท่านปู่ของเขายังชื่นชมเจ้าเด็กนี่อีกด้วย มันน่าอิจฉานัก!
“ข้าขอขอบคุณองค์ชายมาก ที่ยอมลดตัวลงมานำทางให้แบบนี้ ท่านทั้งสูงส่ง และสง่างาม แต่ยังนำทางมาส่ง สิ่งนี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าท่านช่างเป็นคนที่จิตใจกว้างขวาง การที่ท่านจะได้เป็นองค์จักรพรรดิคนต่อไปนั้น ช่างเป็นโชคดีของทวีปมหันตภัยเหนือพิภพยิ่งนัก ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ขอบพระทัยองค์ชายมาก!”
กุนไท่กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขานั้นมีความคิดที่ไม่เหมือนใครหากเราเจอคนที่เขาไม่ชอบเรา ให้เราลองแก้ความขุ่นเคียงในใจเขาให้ได้ก่อน ถ้าหาทางแก้ได้จงแก้มันแต่หากแก้มันไม่ได้ก็ช่างหัวมัน!
เมื่อองค์ชายได้ยินเช่นนั้น ความเกลียดชัง และไม่พอใจต่ออีกฝ่ายอันตรธานหายไปในพริบตา เขาตอบกลับด้วยดวงตาที่ใสกระจ่างว่า
“น้องไท่เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ข้าไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เจ้าต้องการให้พี่ชายคนนี้พาเดินดูพระราชวังหรือไม่?”
การเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ทำให้พวกกุนจวินถึงกลับตกตะลึง พวกเขาพูดไม่ออก เด็กหนุ่มตรงหน้าเขา อายุเพียงสิบห้าปี แต่กลับมีวาจาที่ยอดเยี่ยมยิ่ง เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคสามารถทำให้คนที่ไม่ชอบหน้า กลายเป็นสหายคนหนึ่งได้ คงมีเพียงแค่เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาเท่านั้น คนส่วนมากจะหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่เด็กหนุ่มผู้นี้นั้นไม่เพียงไม่หยิ่ง แต่กลับมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม
“เรื่องนี้ คงต้องรบกวนองค์ชายแล้ว”
“องชงองค์ชายอะไรกัน ข้าชื่อจิ้นเหอ เรียกข้าว่า พี่เหอ ก็ได้!”
องค์ชายหัวเราะร่า ตนรู้สึกถูกอกถูกใจ เด็กหนุ่มตรงหน้ามาก ก่อนหน้านี้รู้สึกผิดที่ทำตัวหยาบคายไป เลยใช้การพาไปดูราชวังเป็นการไถ่โทษแทน
“อืม พี่เหอ”
กุนไท่ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งคู่เริ่มสนิทกันอย่างรวดเร็ว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้มันเกินจินตนาการสำหรับพวกกุนจวินนัก
“ยินดีกับท่านเจ้าสำนักด้วย ที่มีบุตรที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไม่เพียงมีพรสวรรค์ที่ดี แต่มีการเอาตัวรอดที่เก่งกาจมาก ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี หรือการลดตัวมาผูกมิตรเลย”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวอย่างชื่นชม พร้อมกับหาโอกาสประจบเจ้าสำนักด้วย เจ้าสำนักกุนจวินหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ เขาเข้าใจดีว่าเด็กหนุ่มไม่ได้ไม่ทิ้งศักดิ์ศรี แต่ศักดิ์ศรีที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่การลดตัว หรือลดความหยิ่งทะนงลง แต่เป็นการไม่ลดคุณค่าของตัวเราเองต่างหาก
และสิ่งที่กุนไท่ทำนั้นไม่ใช่การลด แต่เป็นการเพิ่ม เขากล้าที่จะจัดการกับความสัมพันธ์ที่ไม่ดี เขากล้าที่จะชื่นชมอีกฝ่ายก่อนที่อีกฝ่ายจะชื่นชมเขา นี่คือคุณสมบัติของผู้ที่ยิ่งใหญ่เหนือใคร!
ผ่านไปไม่นานกุนไท่ก็กลับมายังห้องพักของตน เขาอ่านหนังสือที่อยู่ภายในห้องเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของเขาให้มากขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น กุนไท่ปิดหนังสือก่อนจะบิดขี้เกียจ แล้วเดินออกจากห้องไปยังสถานที่นัดรวมตัวของทุกคน ขอบตาที่หมองคล้ำ กับปากที่หาวตลอดเวลา ทำให้ดูเป็นคนเกียจคร้าน แต่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดนั้น ดูขัดกับลักษณะของเขายิ่ง
สนามประลองที่กว้างใหญ่เป็นรูปทรงสี่เหลียม โดยรอบมีโต๊ะและเก้าอี้มากมายเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม
เมื่อเด็กหนุ่มมาถึง ก็เห็นผู้บ่มเพาะมากมายมากหน้าหลายตา แต่ละคนต่างเป็นคนของทวีปต่างๆ และเป็นบุคคลระดับสูงของทวีป รุ่นเยาว์ของพวกเขาแต่ละคนนั้นมีระดับบ่มเพาะที่สูงส่ง หากไม่นับผู้สืบทอดที่ยังอายุน้อยอยู่ ก็มีระดับอย่างน้อยอยู่ที่ระดับหลอมรวมพลัง!