บทที่ 55 ยื่นมือเข้าช่วย
“พี่เย่…ครูฝึกสอนพวกผมไว้ว่าใครเก่งสุดถือเป็นพี่ใหญ่ ถึงแม้ผมจะแก่กว่านาย 2-3 ปี แต่ผมก็รู้ว่านายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ดังนั้นจึงได้เรียกนายว่าพี่ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสำนวนที่ว่า ‘ความรุ่งโรจน์หรือล่มจมของประเทศขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของทุกคน’ สักเท่าไหร่ แต่ไอ้พวกเวียดนามมันปล้นฆ่าเผาทำลายเขตชายแดนของพวกเรา! ไม่มีเรื่องชั่วร้ายใดที่พวกมันจะไม่ทำ!”
“เมื่อ 30 ปีก่อนทหารของพวกเราได้ทำการโต้กลับ ไอ้พวกหนานกุ่ยมันฆ่าล้างดูถูกพวกเราชาวจีน มันเผาทำลายโรงงานตรงขอบชายแดนของพวกเรา ประชาชนจีนโดนฆ่าตัดหัวราวกับหมูกับหมาไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงแม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่ไอ้พวกกุ้ยหนานก็ยังไม่หยุดการกระทำของพวกมัน แม้ตอนนี้พวกมันจะหลบซ่อนอยู่บ้างแต่ก็ถือเป็นภัยร้ายคุกคามพวกเราเสมอมา”
“ครั้งนี้เพื่อนร่วมทีมของผมถูกพวกเวียดนามล้อมขังเอาไว้ ตัวผมกัวฉี่ต่อให้ตายก็จะต้องช่วยพวกเขาออกมาให้ได้ ในฐานะที่พวกเราเป็นประชาชนชาวจีนเหมือนกัน…ผมขอร้องล่ะ อีกอย่างพวกผมเองก็ถือว่าคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้อยู่พอสมควร ถ้าช่วยพวกเขากลับมาได้ผมก็ยินดีจะช่วยนายตามหาอีกแรง” กัวฉี่พูดจบก็จ้องมองเย่โม่ด้วยความคาดหวัง
เย่โม่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับพวกเวียดนามเหมือนกัน ส่วนเรื่องให้กัวฉี่ช่วยหาของนั้นก็ช่างเถอะ เขาเองหามาแล้วหลายวัน เย่โม่ไม่เชื่อว่าพวกกัวฉี่จะช่วยเขาได้ เพียงแต่ที่กัวฉี่พูดมาก็มีเหตุผล ตอนนี้เขาก็ถือว่าเป็นคนจีนคนหนึ่ง ในเมื่อเป็นคนจีน...จะช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ก็ถือว่าสมควรแล้ว
คิดถึงตรงจุดนี้เย่โม่ก็พยักหน้า “ที่พูดมาก็ไม่ผิด อย่าใส่ใจสิ่งที่ผมพูดเมื่อครู่เลย ถือเสียว่าผมคิดน้อยไปหน่อย...ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราก็ไปกันเถอะ ระหว่างทางก็บอกสถานการณ์ให้ผมรู้ด้วย แค่พวกหนานกุ่ยไม่กี่คนไม่อยู่ในสายตาผมหรอก”
“ขอบคุณมากพี่เย่!” กัวฉี่ที่เห็นเย่โม่ยอมช่วยเหลือก็ดีใจแล้วรีบประสานมือคำนับ เขารู้แล้วว่าแท้จริงเย่โม่ไม่ใช่คนหนุ่มไร้หัวใจ เขาคงแค่อยู่ตัวคนเดียวมาเป็นเวลานาน ทำให้มุมมองต่างๆ อาจจะตื้นเขินไปบ้างก็เท่านั้น
กัวฉี่หยิบปืน 3 กระบอกที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา เขายื่นให้เย่โม่กระบอกหนึ่ง
เย่โม่โบกมือปฏิเสธ ไม่จำเป็นหรอก “ผมไม่ชอบใช้ปืน ถือไปก็ออกจะเกะกะอยู่บ้าง”
กัวฉี่คิดถึงภาพที่เย่โม่ฆ่าเหล่าทหารด้วยมือเปล่าแล้วก็เข้าใจได้
เมื่อเย่โม่ได้ฟังกัวฉี่เล่าถึงสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟังเขาจึงค่อยเข้าใจขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่ว่าพวกของกัวฉี่ไม่มีฝีมือ แต่เพราะตอนที่กำลังทำภารกิจตรงชายแดนนั้น...ทีมทั้ง 6 คนของกัวฉี่ถูกซุ่มโจมตีนั่นเอง ถึงแม้ฝ่ายศัตรูจะไม่ได้แสดงตัวออกมาแต่กัวฉี่ก็รู้ว่าต้องเป็นพวกเวียดนามแน่นอน
ขณะที่กำลังถูกซุ่มโจมตี ทีมของกัวฉี่จาก 6 คนก็เสียชีวิตไปแล้ว 2 ส่วนอีก 3 คนที่เหลือนั้นถูกล้อมขังไว้ในถ้ำ มีเพียงกัวฉี่ที่หนีฝ่าออกมาได้ ส่วนที่ๆ อีก 3 คนอยู่นั้นเรียกว่า ‘ถ้ำหานฉาน’ (จักจั่น) จากที่กัวฉี่พูดนั้น...หากไม่ใช่ว่าตรงถ้ำนั้นพวกเขาได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ล่ะก็ คาดว่าพวกเขาคงถูกฆ่าตายจนหมดไปแล้ว อีกอย่างถ้าไม่ได้เย่โม่ช่วยไว้ ต่อให้เป็นเขาก็คงจะหนีได้ไม่ไกลนัก
‘ถ้ำหานฉาน’ นั้นอยู่ไม่ไกลนัก กัวฉี่กับเย่โม่เดินทางด้วยความเร็วก็มาถึงถ้ำภายใน 2 ชั่วโมง ตอนที่พวกเขามาถึงนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นครั้งหนึ่ง
กัวฉี่ที่ได้ยินเสียงปืนก็พูดออกมาด้วยความยินดี “ทีมของผมยังไม่เสียท่าศัตรู! นี่เป็นเสียงปืนของเพื่อนร่วมทีมของผม ผมฟังออก”
เย่โม่เองก็รู้สึกทั้งยินดีและประหลาดใจเช่นกัน เพราะเขาเพิ่งค้นพบว่าสถานที่ๆ ฟางหนานพูดถึงก็คือ ถ้าหานฉานแห่งนี้นี่เอง ถึงแม้เขาจะยังไม่เจอ ‘ต้นสนหมื่นปี’ ก็ตาม แต่พื้นที่โดยรอบนั้นเหมือนกับที่ฟางหนานบรรยายไว้ไม่มีผิด ดูเหมือนเขาจะต้องช่วยเหลือคนอื่นบ่อยๆ เสียแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถเจอสถานที่นี้ภายใน 2 ชั่วโมงแน่
“พี่เย่…ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ถึงแม้กัวฉี่เองจะเป็นถึงหัวกะทิในกองกำลังพิเศษก็ตาม แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองกับเย่โม่ตรงหน้านั้นห่างชั้นกันไกลนัก ตอนนี้ในเมื่อรู้แล้วว่าทีมของเขายังไม่เสียท่าให้กับฝ่ายศัตรู วิธีคิดของกัวฉี่จึงยิ่งไหลลื่นไม่ยึดติด
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ดี...ถึงตอนนี้ทีมของเขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็คงต้านทานไว้ได้ไม่นานนัก เพราะถ้าหากพวกเขายังเหลือกระสุนพอล่ะก็ พวกเขาคงจะไม่นานๆ ครั้งยิงทีแบบนี้
“อีกฝ่ายมีทั้งหมดกี่คน?” เย่โม่หลุดจากห้วงความคิดของตน ถ้าเขาอยากจะหาของที่ต้องการ อย่างน้อยก็ต้องฆ่าพวกเวียดนามที่ล้อมทีมของกัวฉี่เสียก่อน
“ถ้านับตามเสียงปืนตอนที่พวกมันซุ่มโจมตีทีมของผมล่ะก็ คาดว่าคงมีไม่น้อยกว่า 20 คน ตอนนั้นพวกเราจัดการไปได้ 3-4 คน คิดว่าตอนนี้คงเหลือประมาณ 16-17 คนเห็นจะได้ จากสถานการณ์ตอนนี้ที่ทีมของผมยังไม่เสียท่านั้น พวกเขาคงจะรอให้ฟ้ามืดเสียก่อนจึงค่อยฝ่าวงล้อมออกมา แต่ฝ่ายศัตรูก็คงรู้ถึงจุดนี้เช่นกัน พวกมันคงไม่รอให้ฟ้ามืด คิดว่าพวกมันคงกำลังวางแผนกันอยู่แน่” กัวฉี่อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียด
เย่โม่พยักหน้า นายตามหลังผมมาดีๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องยิง ที่เหลือให้ผมจัดการเอง
กัวฉี่ที่เคยเห็นเย่โม่ลงมือฆ่าทหารจากกองกำลังพิเศษทั้ง 3 คนอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยแล้ว เขาจึงไม่สงสัยในการตัดสินใจของเย่โม่แม้แต่น้อย ถ้าเย่โม่อยู่ในที่ลับล่ะก็...มีเป็น 10 คนยังไม่พอจะรับมือเย่โม่คนเดียวด้วยซ้ำ เพียงแต่เมื่อเทียบกับ ‘ซู่ฉือ’ ที่ทางเบื้องบนระดับสูงส่งมาสอนพวกเขา 3 วันแล้ว ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เก่งกว่ากัน
ตอนที่กัวฉี่กำลังคิดอยู่นั้น เย่โม่ก็เริ่มลงมือแล้ว!
ถ้าหานฉานนั้นตั้งอยู่ในหุบเขา ภายในนี้ถือว่าป้องกันได้ง่ายโจมตีได้ยาก ถึงเย่โม่จะไม่รู้ว่าเหตุใดพวกเวียดนามถึงต้องมาซุ่มโจมตีพวกของกัวฉีตรงนี้ก็ตาม แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นเพราะรีบร้อนเกินไป...หรือไม่ก็ทีมของกัวฉี่มีความสามารถมากพอจะถอยร่นมาถึงตรงนี้ได้
ตอนนี้จิตสัมผัสของเย่โม่สามารถกระจายออกไปรอบตัวได้ถึง 7 เมตรแล้ว หลังจากจิตสัมผัสของเขาแผ่เข้ามาในถ้าแล้ว เย่โม่ก็สัมผัสได้ถึงชาย 6 คนที่ซุ่มอยู่ไม่ไกลทันที
หากไม่ใช่คาดการณ์ผิด…ก็คงเป็นเพราะคนพวกนี้เป็นกองกำลังเสริมนั่นเอง
เสียง บู้มมม! ของระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวข้างนอกถ้ำ เกิดเป็นควันรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่ ดูท่าแล้วหากไม่ใช่เพราะไม่อยากเก็บพวกของกัวฉี่เป็นๆ แล้ว ก็คงเป็นเพราะต้องการข่มขู่คนที่ซ่อนตัวในถ้ำนั่นเอง
ตะปูทั้ง 6 ตัวถูกเย่โม่ซัดออกไป ตะปูพวกนี้ปักเข้าไปไม่ตรงขมับก็หลังหัวของทหารที่ล้อมถ้าหานฉานเอาไว้ คนที่ถูกเย่โม่ซัดตะปูใส่ร่วงลงไปนอนโดยไม่มีโอกาสแม้จะส่งเสียงร้องเสียด้วยซ้ำ
หุบเขาด้านนอกถ้ำหานฉานนั้นมีรูปทรงเป็นพัดอันหนึ่ง ถึงจะง่ายต่อการป้องกันแต่ก็ง่ายต่อการถูกล้อมโจมตีเช่นกัน เย่โม่เดินไปตามเส้นทางทรงพัดด้านนอกถ้ำพร้อมกับฆ่าคนไปตามรายทาง โดยรวมแล้วเขาฆ่าไปร่วม 21 คน ตอนนี้เย่โม่พบศัตรูที่เหลืออีก 3 คนแล้ว นั่นก็เพราะคนสุดท้ายที่เย่โม่ฆ่านั้นกำลังติดต่อสื่อสารกับ 3 คนที่เหลืออยู่นั่นเอง เสียงของชายที่ถูกเย่โม่ฆ่าหยุดลงอย่างกะทันหัน เมื่อทั้ง 3 คนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือเย่โม่ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาเสียแล้ว
ปืนทั้ง 3 กระบอกยิงไปที่เย่โม่ทันที ถึงแม้เย่โม่จะรู้จากจิตสัมผัสอยู่ก่อนแล้วถึงการขยับนิ้วลั่นไกของพวกเขารวมถึงการหลบหลีกอย่างทันท่วงทีของเย่โม่ก็ตาม แต่แขนของเขาก็ยังถูกกระสุนถากจนเป็นรอยเลือดอยู่ดี
พูดได้ว่าทหารพวกนี้เมื่อเทียบกับแก๊งโจร ‘13 ผู้พิทักษ์’ แล้วถือว่าแข็งแกร่งกว่ามาก รวมถึงปืนในมือของทหารพวกนี้ก็ยังดีกว่าขยะของโจรพวกนั้นหลายร้อยเท่านัก
ในเมื่อได้รับบาดเจ็บแบบนี้ เย่โม่ก็ซัดตะปูออกไป 6 ตัวด้วยโทสะ ตะปู 2 ตัวได้ปลิดชีพชายอีก 2 คน ส่วนตะปูอีก 4 ตัวที่เหลือได้ถูกซัดเข้าไปที่หน้าของชายที่ยิงโดนแขนของเย่โม่
“ออกมาได้แล้ว” เย่โม่เรียกกัวฉี่หลังจากฆ่าคนพวกนี้จนหมดแล้ว
ตอนนี้กัวฉี่เพิ่งจะได้รู้ว่าคนที่ล้อมโจมตีทีมของเขาไม่ได้มีแค่ 10 กว่าคนเท่านั้น ยังมี 6-7 คนตามมาสมทบด้วย
กัวฉี่พูดขึ้นอย่างอับอายเล็กน้อย “ขอโทษทีพี่เย่ ดูแล้วข้อมูลของผมจะผิดพลาดจริงๆ”
“รีบไปหาทีมของนายเถอะ” เย่โม่โบกมือไล่