บทที่ 21
กลุ่มควันฟุ้งกระจายไปทั่ว เศษไม้ติดเชื้อไฟร่วงหล่นตามพื้น พลังทำลายของดาบที่ประทับอักขระศักดิ์สิทธิ์ รุนแรงพอสมควร ปราณดาบที่ส่งออกมามีธาตุไฟผสมอยู่ได้มาจากแก่นพลังปราณ ทุกครั้งที่โคจรลมปราณไปที่ดาบแล้วทำการฟาดฟันดาบออกไป ปราณที่ออกมาจะมีคุณสมบัติของธาตุไฟ เวลาปะทะกับศัตรูจะระเบิดออกและมีพลังของการเผาไหม้ด้วยเช่นกัน ไม่รอช้าหลังจากนั้นเด็กหนุ่มทำการทดสอบดาบในมืออีกสามครั้ง พบว่ายังคงไม่มีอะไรแปลกใหม่เพียงแค่เปลี่ยนคุณสมบัติปราณที่ฟาดฟันออกไปเป็นธาตุไฟ เมื่อทดลองจนแน่ใจแล้ว เด็กหนุ่มก็โบกสะบัดมือเก็บดาบในมือขวาแล้วเรียกดาบอีกเล่มออกมา
เช่นเดิมเด็กหนุ่มโคจรลมปราณไปที่ดาบ ยกดาบขึ้นฟันออกไปด้านหน้า ปราณดาบสีน้ำเงินเข้มพุ่งออกไปปะทะกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสามคนโอบ เปรี้ยง ต้นไม้ ถูกผ่าออกเป็นสองฉีก ค่อยๆล้มลงทั้งสองฝั่ง เด็กหนุ่มรีบเข้าไปตรวจสอบ ต้นไม้ที่ถูกผ่ามีน้ำเปียกจนชุ่ม หลังจากนั้นก็ทดสอบดาบอีกสองครั้งจึงรับรู้ว่า ดาบอีกเล่มมีคุณสมบัติของธาตุน้ำ ฟัดได้แม้กระทั่งหินก้อนใหญ่ เด็กหนุ่มโบกสะบัดมือขวาเพื่อเก็บดาบ หลังจากนั้นก็พุ่งทะยานออกไปจากที่นี่
“ถือว่าเจ้าเก่งกาจไม่น้อยที่สร้างอาวุธทั้งสองชิ้นมา เจ้าจะทำอย่างไรกับพวกมันละ เด็กน้อย”
ขณะทะยานกลับมาที่ร้านยา เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงแววเข้ามา แต่เด็กหนุ่มเองก็หาได้กล่าวสิ่งใดตอบยกยิ้มพุ่งทะยานต่อจนกลับมาถึงร้านยา เมื่อกลับมาถึงสิ่งแรกเด็กหนุ่มรีบเข้าไปดูชายชราเนี่ยกังก่อน เมื่อเข้ามาในห้องพบว่าชายชราเนี่ยกังไม่ได้อยู่ในห้อง ครั้งจะเอ่ยถามก็ได้ยินเสียงแววเข้ามา
“ลูกฟง เจ้ากลับมาแล้วรึ รีบมาทานอะไรเสียก่อนเถอะ”
“ขอรับท่านปู่”
หลังจากทานอาหารเสร็จเด็กหนุ่มเนี่ยฟงก็นำดาบทั่วสองเล่มออกมา
“ท่านปู่ดาบทั้งสองเล่มนี้ถูกสลักอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้วทั้งสองเล่ม เล่มหนึ่งมีความสามารถเปลี่ยนแปลงปราณดาบเป็นธาตุไฟ ส่วนอีกหนึ่งเล่มมีความสามารถเปลี่ยนแปลงปราณดาบเป็นธาตุน้ำ”
ชายชราเนี่ยกังแทบจะสำลักน้ำชาที่กำลังดื่ม รีบหันมามองเด็กหนุ่ม
“ลูกฟงเจ้าว่าอย่างไรนะ”
“ท่านนำดาบทั้งสองเล่มไปให้ท่านมู่ซุนกวนลงประมูลเถอะ เราจะได้มีเงินทุนสำหรับซื้อสมุนไพร”
ชายชราเนี่ยกังเอื้อมมือมาจับดาบทั้งสองยกขึ้นมอง
“เจ้าเป็นคนสลักเองใช่หรือไม่”
“ขอรับ”
“ประเสริฐ ประเสริฐยิ่งนัก ดีเจ้าอยากทำสิ่งใดข้าจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่ ตัวข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะไปได้ถึงไหนกัน”
“ข้าเพียงแค่อยู่จัดการที่นี่ให้เสร็จ ก่อนที่ข้าจะเข้าสำนัก”
“เหอะ ตามใจเจ้าก็แล้วกัน เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนอีกอย่างสมุนไพรก็ใกล้หมดแล้ว”
“เหตุใดท่านไม่นำเม็ดยาที่ทำปรุงไปขายละท่านปู่”
“มันยังไม่สมบูรณ์ ข้าไม่อยากข้าขี้หน้า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านปู่ ท่านค่อยๆฝึกเถอะ กว่าข้าจะฝึกได้ทั้งหมดใช้เวลาตั้งนาน”
ชายชราเนี่ยกังถึงกับขมวดคิ้วทั้งสองขึ้น
“ทั้งหมดที่เจ้าว่ามันมีกี่แบบ”
“สี่แบบขอรับ ส่วนของท่านเขาเรียกว่าพื้นฐาน”
สิ้นเสียงกล่าวเด็กหนุ่มเนี่ยฟงก็เดินออกไปทิ้งให้ชายชราเนี่ยกังจมอยู่ในความคิด เด็กหนุ่มเมื่อเดินเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่กระทำคือนำมีดสั้นออกมาดู หลังจากนั้นไม่นานก็นั่งลงตรงเก้าอี้ หลับตาจมอยู่ในห่วงความคิด ครั้งนี้นานถึงสองเค่อเด็กหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมา โบกสะบัดมือขวานำแก่นพลังปราณออกมาสองก้อน ก้อนหนึ่งสีฟ้า อีกก้อนสีเขียว เด็กหนุ่มสะบัดมืออีกครั้งอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆก่อนตัวขึ้น ครั้งนี้ดูแปลกประหลาด มีชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ทับซ้อนกัน เด็กหนุ่มค่อยๆบีบอัดให้เล็กลง เมื่อถึงเวลาก็โยนแก่นพลังปราณไปแต่ละวง เมื่อถึงเวลาเด็กหนุ่มก็สั่งให้อักขระศักดิ์สิทธิ์ประทับที่มีดสั้น
เปรี้ยง เสียงดังประดุจฟ้าผ่า โต๊ะไม้ถึงกับแตกหัก เด็กหนุ่มถึงกับตกเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่พื้น มีดสั้นเล่มนั้นตอนนี้มีประกายสายฟ้าปรากฏอยู่ หลังจากนั้นไม่นานก็จางหายไป เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นเดินไปหยิบมีดสั้น แล้วนำมันเก็บเข้าฝักเช่นเดิม หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็ลงไปนอนที่เตียงด้วยความเหนื่อยล้า