บทที่ 7
บทที่ 7
หญิงสาวเม้มปากอยากจะต่อปากต่อคำด้วยแต่นึกถึงเรื่องงานที่รออยู่ เก็บแรงไว้เจรจากับลูกค้าจะดีกว่า ไม่น่าจะใช้เวลานานเกินหนึ่งวันด้วยซ้ำ ถ้าวันนี้ตกลงคุยงานกันรู้ผล เธออาจจะได้กลับกรุงเทพฯ ด้วยรถเที่ยวสุดท้าย เสื้อผ้าที่เตรียมมาเผื่อจำเป็นแค่สองสามชุด รถกระบะขับออกห่างจากบขส.ราวๆ ยี่สิบกิโลเมตรก็เข้าสู่ถนนขรุขระ รถผ่านหมู่บ้านเล็กๆ สามหรือสี่หมู่บ้านแต่อยู่รอบภูเขาที่เต็มไปด้วยไร่อ้อยและมันสำปะหลัง ทางเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ และยอดไม้ก็สูงท่วมศีรษะ หญิงสาวนึกถึงข่าวอาชญากรรมที่เคยได้ยิน ฆ่าหมกไร่อ้อยมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ป้ายไม้สลักชื่อไร่ฉายฉานเด่นเป็นสง่าทำให้หญิงสาวรู้สึกใจชื้นขึ้น คนหนุ่มขับรถเลี้ยวเข้าไปตามทางเส้นเล็กๆ ไม่นานนักก็มองเห็นบ้านหลังย่อมบนเนินดิน รินรดาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัวช่างเป็นไม้สองชั้นที่ปลูกได้สวยงามเข้ากับพื้นที่เหลือเกิน ถัดจากโรงรถมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นและมีซุ้มน่านั่งจิบกาแฟ ถ้าเธอมีบ้านแบบนี้คงไม่อยากออกไปไหน แม้จะอยู่ห่างไกลความเจริญแต่เธอคงสุขใจในบ้านหลังเล็กน่ารักมากกว่าหลังใหญ่ที่ขาดแคลนคนห่วงใย
รถกระบะจอดนิ่งสนิทแล้ว รินรดาจึงก้าวลงมายืนมองบ้านหลังน้อยเต็มตา แต่เสียงเข้มๆ ของชายหนุ่มตะโกนสั่งลูกน้องให้มาหิ้วกระเป๋าเดินทางของเธอเข้าไปไว้ในบ้าน
“เอารถไปแล้วยกปุ๋ยลงให้หมดด้วย”
“ครับนาย”
รินรดาเหลือบมองชายหนุ่มที่ออกคำสั่งกับลูกจ้างคนอื่นๆ ‘ท่าทางเหมือนหัวหน้าคนงาน’ เธอบอกกับตัวเองแล้วเดินตามแผ่นหลังของเขาเข้ามาในบ้านหลังเล็กที่ใช้เป็นบ้านพักและออฟฟิศไปในตัว
“ห้องน้ำอยู่ทางโน้น ทำธุระเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน”
“ค่ะ” รินรดารับคำทั้งที่หน้าตึง ไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะนี่ไม่ใช่บ้านเธอ
พิชญะ ฉายฉาน เดินเข้ามาในห้องทำงานของตน ชายหนุ่มวันไล่เลี่ยกันแต่รูปร่างอ้วนกลมเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแล้วส่งยิ้มให้
“ไปรับหลักทรัพย์ค้ำประกันมาแล้วเหรอครับคุณเพลิง”
“เออ! เสียเวลาไปรับจริงๆ” พิชญะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้บุนวมอย่างดี
“อ้าว! เกิดอะไรขึ้น” โกศลถามอย่างแปลกใจ เขานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานของพิชญะ ติดพันการซื้อขายหุ้นอยู่ซึ่งเรื่องนี้พิชญะเข้าใจดี
“โดยหลอกแล้วละมั้ง? บอกให้ส่งลูกสาวมาให้แต่ดันส่งเด็กรับใช้มาแทน”
“ห๋า! คนอย่างวิทยาจะกล้าทำหรือครับ รายนั้นดูหน้าตานิ่งๆ ขี้กลัวจะตาย จะกล้าแหย่หนวดเสืออย่างคุณเพลิงเรอะ!”
“กล้าไม่กล้ามันก็แหย่มาแล้วล่ะ”
เสียงเคาะประตูขออนุญาตดังขึ้นสองสามครั้ง โกศลมองหน้าเจ้านายที่อายุน้อยกว่าเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเขาก็ส่งเสียงขานรับออกไป ร่างเล็กจึงก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส รินรดายกมือไหว้โกศลแต่มองพ่อคนขับรถเร็วด้วยหางตา
“ผมคิดว่าคุณวิทยาคงแจ้งแล้วว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง” โกศลเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ จัดการส่งคำสั่งซื้อหุ้นไปแล้วก็เงยหน้ามองหญิงสาวเต็มตาอีกครั้ง โกศลเคยเจอวิทยาสามหรือสี่ครั้งจำหน้าได้ แต่หญิงสาวตรงหน้าไม่ค่อยมีเค้าโครงหน้าวิทยาสักเท่าไหร่ หรือเธอจะเหมือนแม่ดูใบหน้าไร้เครื่องสำอางอ่อนหวาน รูปร่างเล็กบอบบางน่าเอ็นดู จะว่าไปเขาก็ชอบผู้หญิงน่ารักๆ ใสๆ แบบนี้เหมือนกัน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อรินรดา เพชรประกายค่ะ” รินรดาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“เป็นลูกสาวของคุณวิทยาจริงๆ เหรอ” เสียงชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างไร้มารยาท เขาไม่ยอมถอนแว่นกันแดดออกแม้จะอยู่ในห้องแล้วก็ตาม
“ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นลูกสาวคนเล็กค่ะ พี่สาวชื่อมาติกาค่ะ”
ได้ยินเพียงเท่านั้นพิชญะถึงกับแหงนหน้าหัวเราะ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินวนรอบตัวหญิงสาวราวกับจะพิจารณาดูสินค้าที่ตนเองจ่ายเงินไป แล้วจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าหวาน เพ่งพินิจว่าเธอเคยถ่ายรูปคู่กับมาติกาในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งและได้ลงข่าวหน้าสังคมอยู่บ้าง แน่นอนว่าความสวยต้องยกให้มาติกาแต่ความกะโปโลเหมือนเด็กประถมต้องยกให้เธอ ...รินรดา
“เพราะขี้เหร่แบบนี้ก็เลยยกให้มาใช้หนี้ละซินะ”
“คุณพูดเรื่องอะไร?” รินรดาขมวดคิ้วด้วยความฉงน “หนี้อะไรคะ”
โกศลลุกจากเก้าอี้แล้วหยิบเอกสารยื่นให้รินรดาอ่าน “เอกสารการกู้ยืมเงินของคุณวิทยาโดยใช้ลูกสาวมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เมื่อครอบครัวของคุณใช้หนี้สิบล้านหมด คุณก็จะเป็นอิสระ”
รินรดารับกระดาษแผ่นนั้นมาดูด้วยความงุนงงและสับสน ไม่จริงใช่ไหม? คนพวกนี้เล่นตลกโกหกให้เธอตกใจเล่น แต่มือเรียวก็สั่นระริกเมื่อเห็นเอกสารที่มีการลงนามและพยานเป็นที่เรียบร้อย นี่...คนที่บ้านนั้นเห็นเธอเป็นลูกเพราะว่าเธอมีค่าใช้หนี้แทนได้แค่นั้นเองหรือ?
“รู้สึกว่ากระเป๋าเสื้อผ้าเธอจะใบเล็กไปหน่อยนะ คงไม่คิดว่าจะอยู่แค่ไม่กี่วันก็ได้กลับหรอกใช่ไหม เงินสิบล้านนะ ไม่ใช่สิบบาท คงไม่มีปัญญาใช้หนี้หมดในสามวันเจ็ดวันหรอก”
“มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ” รินรดาเข่าอ่อนแต่ยังทรงตัวไหว “คุณพ่อส่งฉันมาเพื่อเจรจาธุรกิจ คุณสนใจทำธุรกิจส่งออกใช่ไหม คุณต้องเข้าใจผิดแน่ๆ ค่ะ”
รินรดาหันไปถามโกศลแต่เขาส่ายหน้า
“เรื่องจริงครับ คุณวิทยาได้ทำการกู้ยืมเงินนอกระบบกับทางเรามาเป็นเวลาปีเศษแล้ว เงินกู้ของเก่ารวมดอกเบี้ยก็ห้าล้านแล้วครับ แล้วคุณวิทยายังมาขอกู้เพิ่มแต่คุณพ่อคุณไม่มีหลักทรัพย์มาค้ำประกันซ้ำเงินเก่าก็ยังไม่ได้คืน เราจึงต้องขอตัวลูกสาวของคุณวิทยามาเป็นหลักทรัพย์แทน”
“เอาล่ะ ดีใจได้เลยนะว่าระหว่างที่พ่อของคุณยังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ คุณก็ต้องอยู่ที่นี่ทำงานในไร่ของผมเหมือนคนงานอื่นๆ”
รินรดาหันมามองชายหนุ่มที่ออกคำสั่งเธอ
“คุณเป็นใครกัน ถึงมาสั่งฉันให้ทำโน้นทำนี่!”
“เอ่อ...ท่านผู้นี้คือคุณเพลิง หรือคุณพิชญะ ฉายฉานเจ้าของไร่ฉายฉานและโรงงานน้ำตาลพิชญะที่อยู่ห่างจากนี้ไปอีกตำบลหนึ่งครับ” โกศลแนะนำตัวเจ้านาย
“ส่วนผมชื่อโกศลครับเป็นหัวหน้าคนงานและเลขาของคุณเพลิง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามผมได้ครับ บ้านพักของผมอยู่ในหมู่บ้านที่คุณผ่านมานั้นแหละ”
“โกศลออกไปดูไร่เถอะ คุมคนงานใส่ปุ๋ยให้เสร็จในวันนี้ด้วย” พิชญะสั่งงานโกศลแล้วหันมายิ้มเหี้ยมให้หญิงสาว “เดี๋ยวผมจะสอนงานคุณหนูคนนี้เอง”
“เอ่อ...ครับผม” โกศลรับคำสั่งแล้วยิ้มให้กำลังใจรินรดาก่อนจะผลักบานประตูออกไป ทิ้งความเงียบและความสับสนให้รินรดาอยู่กับพิชญะสองคน และเมื่อเขาต้องเข้าไปในไร่นั้นหมายความว่ากว่าจะกลับมาอีกทีก็เย็นย่ำเลยทีเดียว
พิชญะถอดแว่นตาออกวางบนโต๊ะทำงานแล้วหันมาเผชิญหน้ากับรินรดาที่ยังมีสีหน้างุนงงอยู่ เขากระตุกยิ้มและคิดดูแคลนเธออยู่ในใจ แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา พ่อของเธอส่งลูกสาวมาผิดคน คนที่เขาต้องการคือมาติกา ผู้หญิงหุ่นเร้าใจน่าขยำคนนั้นต่างหากไม่ใช่ผอมๆ บางๆ เป็นไม้เสียบลูกชิ้นแบบนี้ แต่เอาเถอะ ถ้าคุณวิทยาอยากลองดีแบบนี้เขาก็จะสนองให้สาแก่ใจ
“คุณนี่สวยสู้พี่สาวไม่ได้เลยนะ” เขาพูดตรงไปตรงมาแล้วยืนหน้ามองใบหน้าหวานใกล้ๆ แอบยอมรับว่าหน้าใสดูเนียนนุ่มน่าสัมผัส แถมยังมีกลิ่นแชมพูอ่อนจางๆ จากเรือนผมของเธออีกด้วย
“คุณคิดจะทำอะไร!”
“นี่แม่หนูน้อย” เขาทำเสียงรำคาญในลำคอ “ผู้หญิงที่ถูกส่งมาขัดดอกเขาทำอะไรกันละจ๊ะ”
“คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” รินรดาทำเสียงดุใส่ทั้งที่ตัวเองกลัวจนตัวแทบสั่น
“ผมจะทำอะไรก็ได้ คุณเป็นของผมนับตั้งแต่นี้จนกว่าพ่อคุณจะหาเงินมาใช้หนี้ให้ผมจนครบทุกบาททุกสตางค์”
ท่าทางคุกคามของเขาทำให้รินรดาขยับตัวถอยห่างจนหลังชิดประตูห้องอย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มยกมือยันด้านหลังไม่ให้หญิงสาวหลบหนีการรับรู้ความจริงนี้ได้อีกแล้ว
“ถ้าอยากช่วยพ่อใช้หนี้ก็ทำตัวเชื่องๆ เป็นเด็กดีและทำตามคำสั่งของผม ถ้าทำให้ผมพอใจผมอาจจะตบรางวัลให้คุณเป็นการตอบแทนก็ได้”
ดวงตาดุดันของเขาฉายแววเอาจริง รินรดาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อยากบอกตัวเองว่านี่คือฝัน มันเป็นฝันร้ายเท่านั้นแค่เพียงลืมตาเธอจะพบมันว่าไม่ใช่เรื่องจริง
แต่...มันคงไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อมือใหญ่บีบคางเธอให้เชิดหน้าขึ้นและริมฝีปากของเธอก็ถูกฉกจูบอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ และวินาทีต่อมาเธอก็ยกมือขวาตบซีกหน้าเขาเต็มแรงจนใบหน้าเขาสะบัดไป
“มากไปแล้วนะรินรดา” เขาตะคอกแล้วกระชากไหล่สองข้างเธอเขย่าอย่างแรง ไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยสยบแทบเท้าเขาทั้งนั้น
“ฉันจะอยู่ที่นี่ทำงานใช้หนี้ให้คุณ” รินรดาเชิดหน้าอย่างท้าทาย “แต่ไม่มีวันที่ฉันจะยอมเสียศักดิ์ศรีของฉันให้คุณเด็ดขาด!”
พิชญะมองสีหน้าจริงจังของหญิงสาวแล้วเขาก็แหงนหน้าหัวเราะ เพิ่งเจอกันแท้ๆ แต่ช่างกล้าและปากดีจริงๆ
“ก็ได้รินรดา คนอย่างผมก็ไม่เคยต้องใช้กำลังกับผู้หญิงคนไหน ร้อยทั้งร้อยมีแต่อ้อนวอนผมทั้งนั้น คุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ” พิชญะจับคางมนแล้วจ้องมองในแววตาคู่สวยของเธอ
“ผมจะทำให้คุณต้องอ้อนวอนขอร้องผม และถึงเวลานั้นผมจะบงการคุณอย่างที่ผมต้องการ”
“ฝันไปเถอะว่าจะมีวันนั้น!”
ดวงตาทั้งสองท้าทายซึ่งกันและกัน พิชญะกับรินรดารู้ดีว่านี่คือการประกาศศึกของคนทั้งสอง มันเป็นเกมร้อนแรงหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำก็อาจถูกเพลิงพิศวาสเผาไหม้ทุรนทุรายตายทั้งเป็น!.