บทที่ 53 ผลการสืบสวนของตระกูลซ่ง
ตระกูลซ่งแห่งปักกิ่งนั้นเป็น 1 ใน 5 ตระกูลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในประเทศจีน ทว่าเวลานี้ ณ บ้านใหญ่ของตระกูลซ่งนั้นกลับมีบรรยากาศอันน่าอึดอัดกดดัน ส่วนสาเหตุก็ไม่อาจเป็นเรื่องอื่นไปได้ นอกจากเรื่องที่ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูล ‘ซ่งฉีหมิง’ อย่างซ่งเฉ่าเหวินได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเนื่องจากขับรถยนต์ด้วยความเร็วในตอนกลางคืน
ทว่าเวลานี้คนตระกูลซ่งรู้ดีว่าการตายของซ่งเฉ่าเหวินนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการขับรถเร็วแม้แต่น้อย หรือต่อให้ขับรถเร็วจริง...นั่นก็ยังไม่อาจอธิบายได้ว่าเหตุใดซ่งเฉ่าเหวินถึงได้ขับไปยังสถานที่กันดารห่างไกลอย่างหุบเขาชีน่งได้ อีกอย่างเขาจะขับรถด้วยความรวดเร็วไปตามทางด่วนตอนตี 3 เพื่ออะไร?
คนอื่นๆ อาจจะไม่เข้าใจในลักษณะนิสัยของซ่งเฉ่าเหวิน แต่มีหรือตระกูลซ่งจะไม่เข้าใจ...ซ่งเฉ่าเหวินนั้นโดยสันดานแล้วเป็นคนที่เกลียดความยุ่งยากคนหนึ่ง ถ้าเกิดมีเรื่องจำเป็นต้องผ่านทางด่วนจริงๆ แล้วล่ะก็ เขาคงจะเลือกเดินทางในตอนฟ้าสว่างเสียมากกว่าจะเลือกเดินทางตอนตี 3 ตี 4 แบบนี้
“ไปสืบมาแล้วได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” ตอนนี้คนเฒ่าคนแก่ของตระกูลซ่งไม่อยู่ ด้วยเหตุนี้ภายในตระกูลคำพูดของซ่งฉีหมิงจึงถือเป็นสัญลักษณ์อำนาจของตระกูลซ่ง ถึงแม้อารมณ์ภายนอกของเขาจะดูสงบนิ่ง ทว่าเส้นเลือดบนมือกลับปูดโปนราวกับจะระเบิดออกมา แสดงออกถึงความโกรธและความรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ ลูกชายเพียงคนเดียวของเขากลับมาถูกลอบสังหารแบบนี้! มันเป็นใคร!? ถึงกับหาญกล้าลงมือกับตระกูลซ่งได้!
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งลุกขึ้นยืน “นายท่าน…พวกผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนเฉ่าเหวินได้เดินทางไปยังเหอเฟิง แต่เขาพักอยู่ที่เหอเฟิงเพียงคืนเดียวก็เดินทางออกจากที่นั่นแล้ว หลังจากนั้นเขาคงพาอาฟาและหวังฉวนไปหนิงไห่ด้วยกัน ทว่ากล้องวงจรปิดตรงทางด่วนหนิงเฟิงบริเวณหนิงไห่นั้นกลับไม่มีบันทึกภาพรถของเฉ่าเหวินเลย หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ...กล้องตรงทางจราจรของหนิงไห่ได้ถูกปิดไว้อยู่ก่อนแล้วนั่นเอง”
“พวกเราได้ไปตรวจสอบที่หนิงไห่แล้ว…เป็นเฉ่าเหวินเองที่สั่งให้คนปิดกล้องเอาไว้ นอกจากไปหาหนิงชิงเชวี่ยแล้วเฉ่าเหวินก็ไม่มีสาเหตุอื่นให้ต้องไปที่หนิงไห่อีก แต่ตอนนั้นหนิงชิงเชวี่ยก็ไม่ได้ออกจากหนิงไห่แต่อย่างใด เมื่อ 2 วันก่อนเธอถึงเพิ่งจะเดินทางไปหยูโจว แต่สำหรับเย่โม่ที่แต่งงานกับหนิงชิงเชวี่ยนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในเย็นวันที่เกิดเหตุการณ์นั้นเอง”
“พวกเราได้ตรวจสอบซากรถคันนั้นอย่างละเอียดแล้วกลับไม่พบศพของเย่โม่ในนั้นเลย อาจบอกได้ว่าเดิมทีแล้วเย่โม่ไม่ได้นั่งไปด้วย...หรือไม่ก็ลงกลางทาง จากภาพกล้องวงจรปิดของทางด่วนตรงหุบเขาชีน่งนั้น รถ BMW ของเฉ่าเหวินที่ขับมาอยู่ๆ ก็พุ่งทะลุออกจากถนน ร่วงตกหน้าผาไป”
“เป็นไปได้ไหมว่าจะมีใครวางยาคนขับ?” ชายข้างๆ ที่อายุราว 50 กว่าๆ ถามขึ้น
ชายวัยกลางคนส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ เพราะจากหลักฐานกล้องวงจรปิดแล้ว นอกจากช่วงเวลาที่บันทึกไม่ได้ตรงหนิงไห่นั้น…ตรงจุดอื่นๆ รถของของเฉ่าเหวินก็ขับปกติดี ทั้งยังไม่มีอะไรแปลกประหลาดเกิดขึ้นระหว่างทางด้วย มีเพียงตรงถนนหุบเขาชีน่งเท่านั้นที่อยู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา”
“แล้วตอนนี้มีร่องรอยของเย่โม่แล้วหรือยัง?” ซ่งฉีหมิงถามขึ้นอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนส่ายหัว “ตอนนี้พวกเรายังไม่พบร่องรอยของเย่โม่ แต่พวกเราพบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมกล้องวงจรปิดภายในส่วนที่หนิงชิงเชวี่ยอาศัยอยู่กับเย่โม่ เพียงแต่ข้อมูลข้างในถูกลบออกไปหมดแล้ว ตอนนี้กำลังทำการกู้คืนอยู่”
เวลานี้เองที่มีชายหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ รีบร้อนเดินเข้ามา เขาส่งแผ่นซีดีในมือให้กับชายวัยกลางคน “ลุงไห่! ผมกู้ข้อมูลได้แล้ว!”
“รีบตรวจดูเร็ว!” ซ่งฉีหมิงพูดเสียงเย็นก่อนที่ชายวัยกลางคนจะได้ตอบอะไรเสียอีก
เมื่อใส่แผ่นซีดีเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ภาพบนหน้าจอยักษ์ใหญ่ก็ปรากฏภาพชีวิตประจำวันของเย่โม่ รวมถึงภาพสุดท้ายที่เย่โม่ออกไปข้างนอกด้วยกันกับพวกของซ่งเฉ่าเหวิน
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเย่โม่จริงๆ” เมื่อดูภาพที่กรออย่างรวดเร็วจบชายอายุ 50 กว่าๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใดคนคนหนึ่งถึงได้บุกไปบ้านคนอื่นตอนกลางดึกแบบนั้น ภายในใจมีแต่ความโกรธแค้นที่ซ่งเฉ่าเหวินต้องมาตายก็เท่านั้น
“ดูท่าว่าตอนนั้นยัยผู้หญิงสารเลวตระกูลหนิงคงไม่รู้เรื่องนี้ ส่วนเรื่องวิดีโอชิ้นนี้เธอคงมาลบทีหลังแน่ๆ” ชายร่างผอมที่ยืนอยู่ด้านหลังซ่งฉีหมิงพูดขึ้น
“ต่อให้หนิงชิงเชวี่ยจะไม่รู้…เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเธออยู่ดี คิดว่าพวกเราตระกูลซ่งจะปล่อยเธอไปง่ายๆ หรือไง ฝันไปเถอะ!” ลุงไห่ซึ่งได้รับหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องนี้พูดขึ้น
ใบหน้าของซ่งฉีหมิงนั้นดูไม่ได้จนถึงขีดสุด ทว่าเขาก็ทำเพียงแค่โบกมือ “เราจะไม่นิ่งเฉยอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่หนิงชิงเชวี่ยเท่านั้น ข้าจะถล่มตระกูลหนิงให้หายไปตลอดกาล! แต่ตอนนี้ละเว้นพวกมันไปก่อน สิ่งแรกที่ต้องทำคือตามจำไอ้เศษสวะเย่โม่มาให้ได้! ทางที่ดีให้แอบจับมากลับมาที่ปักกิ่งนี่ ข้าจะทำให้มันได้รู้...ว่าการมาฆ่าคนตระกูลซ่งจะส่งผลลัพธ์เช่นไร!”
พูดจบซ่งฉีหมิงก็หอบหายใจอย่างแรง จากนั้นจึงพูดต่อ “ซ่งไห่...นายรับผิดชอบสืบหาที่กบดานของเย่โม่มาให้ได้ ใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการพาตัวมันมาที่นี่ ถ้าหากทำไม่ได้ก็เอาหัวมันมาเซ่นสังเวยให้เฉ่าเหวินก็แล้วกัน อีกเรื่อง...นายรีบไปสืบดูให้แน่ชัดว่าเย่โม่มันใช้วิธีอะไรถึงทำให้รถของเฉ่าเหวินร่วงหน้าผาแบบนั้นได้”
“ขอรับ! นายท่าน” ซ่งไห่รีบตอบรับอย่างว่องไว
ทว่าชายแก่อายุราว 50 กว่าๆ อีกคนหนึ่งกลับขมวดคิ้ว “แต่ไอ้หนุ่มเย่โม่คนนี้นี่มันแปลกจริงๆ…มันแต่งงานกับเด็กสาวจากตระกูลหนิงคนนั้น แล้วเหตุใดจึงได้เอาแต่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้แบบนั้นกันล่ะ? หรือว่ามันจะฝึกปราณได้? ได้ยินมาว่าตระกูลผู้ฝึกยุทธอันเก่าแก่พวกนั้นก็ชอบนั่งฝึกลมปราณกันแบบนี้เช่นกัน ถ้าหากมันมีอาจารย์เป็นพวกผู้ฝึกยุทธจากตระกูลเก่าแก่พวกนั้นล่ะก็ เรื่องนี้คงจะจัดการได้ยากแล้ว”
ซ่งไห่รีบพูดขึ้น “ลุงจ้าน…ผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอก เย่โม่มันก็แค่เศษสวะ แม้แต่ตระกูลเย่ยังไม่ต้องการมันเลย เหล่าผู้ฝึกยุทธในตำนานพวกนั้นไม่มีทางจะมาสนใจคนแบบนี้หรอก หรือต่อให้มีอาจารย์จริงๆ ล่ะก็…ทำไมกล้องวงจรปิดถึงไม่ได้บันทึกแม้แต่เงาของเขาเลยล่ะ? ผมว่าลุงจ้านคิดมากไปแล้ว”
ชายแก่ที่ถูกเรียกว่าลุงจ้านพยักหน้า “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี ต่อให้มีอาจารย์ผู้ฝึกยุทธโบราณหนุนหลังมันจริงๆ...อย่างไรเสียตระกูลซ่งของเราก็เป็นถึง 1 ใน 5 ตระกูลอันยิ่งใหญ่ของจีน คาดว่าพวกมันจะมาแก้แค้นเราคงยากแล้ว”
..........
ในวันที่ตระกูลซ่งเดินทางมาที่หนิงไห่เพื่อเอาคอมพิวเตอร์ควบคุมกล้องวงจรปิดนั้น หนิงชิงเชวี่ยก็รู้เรื่องนี้แล้ว ในใจเธอรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว…รู้แบบนี้เธอควรจะทำลายฮาร์ดดิสก์อันนั้นเสียจะดีกว่า ไม่คิดเลยว่าตระกูลซ่งจะมาตรวจสอบถึงนี่ หนิงชิงเชวี่ยได้แต่หวังว่าตระกูลซ่งจะไม่สามารถกู้ข้อมูลในนั้นได้...แต่เธอก็รู้ดีว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้ หนทางเดียวตอนนี้คือต้องรีบบอกเย่โม่เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด บอกเขาว่าตระกูลซ่งรู้แล้วว่าเขาเป็นคนฆ่าซ่งเฉ่าเหวิน
เพียงแต่หนิงชิงเชวี่ยไม่มีวิธีติดต่อกับเย่โม่เลย ผู้คนที่นี่ไม่มีใครติดต่อเย่โม่ได้ด้วยซ้ำ
หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกว่าเธอสมควรบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเธอรู้ หลังจากคิดอยู่นานหลายตลบเธอก็ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ รวมถึงบอกด้วยว่าเธอต้องการจะออกตามหาเย่โม่ซึ่งนั่นทำให้แม่ของเธอรู้สึกตกใจมาก แม่ของเธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวมากมายขนาดนี้ แม้กระทั่งการตายของซ่งเฉ่าเหวินยังเกี่ยวข้องกับหนิงชิงเชวี่ยอีกด้วย
“ชิงเชวี่ย…ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่ว่าลูกจะออกตามหาเย่โม่ยังไงแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ว่าตระกูลของพวกเราจะเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของตระกูลซ่งยังไงมากกว่า จากนิสัยของซ่งฉีหมิงแล้ว การหวังให้เขาปล่อยตระกูลหนิงของพวกเราไปถือว่าเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะตัวลูกเอง” แม่ของหนิงชิงเชวี่ยมองเรื่องนี้ได้ทะลุปรุโปร่ง
หนิงชิงเชวี่ยส่ายหัว “หนูติดค้างเย่โม่ไว้ มาตอนนี้ยังสร้างความลำบากให้พ่อกับแม่อีก หนูมันไร้ค่าจริงๆ เป็นหนูเองที่เอาแต่ใจตัวและคิดไม่ทันแบบนี้ ขอโทษนะคะแม่...”
แม่ของหนิงชิงเชวี่ยถอนหายใจ “ถึงแม้ครอบครัวของเราจะแยกจากตระกูลหนิงแล้ว แต่จะจัดการครอบครัวของเราก็ไม่ง่ายอย่างที่ตระกูลซ่งคิด ชิงเชวี่ย...ลูกไม่ต้องกังวลไป ลูกบอกแม่มาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกกับเย่โม่กันแน่!?”