บทที่ 4
บทที่ 4
ด้านคุณวิทยาที่ออกจากบ้านมาพร้อมถุงกอล์ฟ แต่ความจริงเขากำลังนั่งหน้าซีดเซียวอยู่ในห้องทำงานขนาดเล็ก เบื้องหน้าคือชายอายุประมาณสามสิบ ผิวขาวร่างอ้วนอยู่ในสูทเนื้อดีแม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายหวาดผวา
“เงินที่คุณกู้จากเราไปไม่น้อยเลยนะครับคุณวิทยา” ชายสวมสูทประสานมือวางไว้ตรงหน้า “ทั้งต้นทั้งดอกก็ห้าล้านเข้าไปแล้ว คุณยังจะกล้ามาขอกู้เพิ่มอีกหรือครับ”
“แต่ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ครับ” คุณวิทยาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ แม้แอร์จะทำงานเต็มที่แต่เขารู้สึกร้อนและอึดอัด “คุณโกศลกรุณาช่วยผมอีกสักครั้งเถอะครับ”
“ทำไมคุณไม่กู้ธนาคารล่ะ” ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีดำยืนอยู่ด้านหลังชายต่างวัยผู้สวมสูทหรู “คุณมีบ้าน มีบริษัทก็เอาเข้าธนาคารก็สิ้นเรื่องเงินแค่ห้าล้านสิบล้านไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่”
“เอ่อ...ผมเอาบ้านเข้าธนาคารมาปีกว่าแล้วครับ” คุณวิทยาเช็ดเหงื่ออีกรอบ ไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีซีดจาง เขาเดาว่าชายคนนี้เป็นบอร์ดี้การ์ดให้โกศล เพราะเขาจะเห็นทั้งสองปรากฏตัวพร้อมกันเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เขามากู้ยืมเงินนอกระบบอย่างนี้
“ผมก็ไม่อยากใจร้ายกับคุณนะครับ” โกศลเอ่ยยิ้ม “แต่เราก็ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ถ้าคุณไม่ใช้หนี้เก่าจะมากู้เพิ่มผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”
“ช่วงนี้ผมหมุนเงินในบริษัทไม่ทันจริงๆ ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องหาอะไรมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเราซิ”
“หลักทรัพย์?” วิทยาทำเสียงขึ้นจมูก “ถ้าผมมีหลักทรัพย์อะไรนั้นจะมากู้เงินพวกคุณเหรอ ทั้งบ้าน ทั้งรถ ผมก็เข้าไฟแนลไปหมดแล้ว”
ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีดำหัวเราะในลำคอ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วหยิบไอแพดที่วางตรงหน้าโกศลขึ้นมาแล้วสไลด์เรียกรูปภาพขึ้นมาปรากฏที่หน้าจอ เขาหันหน้าจอให้วิทยาดูภาพที่ปรากฏเป็นหญิงสาวสองคนในชุดราตรีแสนสวย สาวคนหนึ่งตัดผมบ็อบสั้นทันสมัยสไตล์เกาหลี ส่วนอีกคนเกล้าผมเป็นมวยเหนือท้ายทอยแซมดอกไม้สีน่ารัก สองสาวยิ้มหวานในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง และถ้าวิทยาจำไม่ผิดภาพนี้คือลูกสาวของเขา มาติกาและรินรดานั้นเอง
“นี่มัน...หมายความว่ายังไงครับ”
“หลักทรัพย์ไง” ชายหนุ่มพูดแทนโกศลที่พยักหน้ารับช้าๆ “คุณก็ส่งลูกสาวคนสวยของคุณมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้”
“คุณจะบ้าเรอะ! ใครเขาทำแบบนี้กัน! นี่ลูกสาวผมทั้งคน คุณจะเอาลูกผมไปทำอะไร”
“จะเอาลูกสาวคุณมาทำอะไรมันขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณพิชญะ ฉายฉาน เจ้าของเงินกู้ที่คุณกู้ไปนั้นแหละ” ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมที่มุมปาก “ถ้าคุณยอมส่งลูกสาวคุณมาขัดดอกกับเราก่อน เราจะยอมให้คุณกู้เงินอีกห้าล้าน รวมเป็นทั้งหมดสิบล้าน”
“อะไร...อะไรนะ!”
“ลองคิดดูละกัน ถ้าลูกสาวคุณทำตัวดีๆ เราอาจจะยกหนี้ให้ก็ได้”
“พวกคุณมันบ้า! ผมไม่มีวันขายลูกกินหรอก!”
ชายสวมสูทผายมือไปทางประตู “งั้นก็เชิญคุณออกไปได้เลย และผมให้เวลาคุณห้าวันสำหรับการหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยให้เรา ไม่อย่างนั้นเรื่องของคุณได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ”
วิทยากัดฟันกรอดๆ แล้วรีบลุกออกมาอย่างหัวเสีย เสียงปิดประตูดังปัง! ไม่กี่นาทีต่อมาชายหนุ่มก็แหงนหน้าหัวเราะออกมา
“เล่นแบบนี้ไม่สนุกเลยนะคุณเพลิง” โกศล-ชายหนุ่มร่างอ้วนส่ายหน้าไปมาแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ให้ผมออกหน้าแทนแบบนี้ผมก็กลายเป็นตาแก่ตัญหากลับกันพอดี”
“คนอย่างนายวิทยายังไงก็ต้องคลานกลับมาพึ่งเราอยู่ดี”
เพลิงหรือพิชญะ ฉายฉาน เศรษฐีหนุ่มอายุน้อยที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่าไหร่ เขามักหมกตัวทำงานอยู่ที่ไร่ในอำเภอเล็กๆ ในภาคอีสาน หน้าตาหนวดเครารุงรังไม่ชอบเข้าแวดวงไฮโซกับใคร ทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาคือพิชญะ ฉายฉาน เศรษฐีอันดับต้นๆ ของเอเชีย และแน่นอนว่าเงินแค่ห้าล้านหรือสิบล้านมันแค่ปลายเล็บเขาเท่านั้น
“อยากได้ลูกสาวเขา ทำไมไม่ไปจีบเขาดีๆ ละครับคุณเพลิง” โกศลบ่นเพราะเขามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพิชญะ แท้จริงเขาเป็นเพียงหัวหน้าคนงานในไร่เท่านั้น แต่โกศลสนิทสนมกับครอบครัวของพิชญะมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ทำงานบุกเบิกกันมาจนร่ำรวยถึงทุกวันนี้
“ผมไม่ได้อยากได้นี่” พิชญะยักไหล่ “แค่อยากได้หลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้”
“เงินสิบล้านนี่ซื้อผู้หญิงบริการได้เป็นร้อยคนเลยนะเนี้ย”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้อยากได้ผู้หญิง” พิชญะหัวเราะ “แค่คนบางคนควรถูกสั่งสอนเสียบ้างก็เท่านั้นเอง”
“ใครไปทำอะไรคุณไว้เหรอครับ” โกศลถามอย่างแปลกใจ
พิชญะไม่ตอบแต่เดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตยีนมาสวมแล้วเดินมาหยุดทีประตู “กลับไร่เราดีกว่า ถ้าเขาอยากได้เงินเขาก็ส่งลูกสาวมาให้เราเองนั้นแหละ”
“มันจะดีเหรอครับคุณเพลิง”
“ดีหรือไม่ดีผมตัดสินใจเองได้”
ชายหนุ่มเดินออกมาพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ เขาเดินออกมาไม่กี่นาทีก็ถึงรถกระบะโฟล์วิวสีดำของตนเอง ขณะสตาร์ทรถเตรียมกลับบ้านไร่ เขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อสองสามคืนก่อนในผับแห่งหนึ่ง เขาชอบดื่ม ชอบฟังเพลงแต่เขามักจะเป็นแนวเพื่อชีวิต แต่คืนนั้นเป็นวันเกิดรุ่นน้องที่สนิทกันเขาจึงไปร่วมงานปาร์ตี้
หญิงสาวสุดเปรี้ยวในชุดดำเต้นยั่วยวนในกลุ่มเพื่อนของเธอ มีชายหนุ่มล้อมหน้าล้อมหลังอยู่หลายคน ดูเธอเมามายแทบไม่ได้สติและมีผู้ชายพยายามจะลวนลามเธอ เขาเห็นแล้วก็อดไม่ได้เข้าไปขวางตั้งใจจะช่วยเหลือแต่หญิงสาวกลับพูดกับเขาว่า
“อย่ามายุ่งกับฉัน กุ้ยข้างถนนอย่างนายไม่ได้แอ๋มฉันหรอก”
พิชญะหัวเสียที่ถูกมองอย่างนั้น เขาเดินกลับมานั่งดื่มที่โต๊ะ เพื่อนรุ่นน้องหัวเราะชอบใจ
“พี่เพลิงต้องปรับปรุงการแต่งตัวเสียหน่อย มีเงินอย่างเดียวจีบสาวไม่ติดนะเนี้ย”
“ไม่ได้จะจีบ แต่เห็นท่าไม่ดีก็เลยจะช่วย แต่โดนตอกซะหน้าชาเลย”
“เขาถือว่าสวยเลือกได้ก็ปล่อยเขาเถอะ”
“แล้วรู้ไหมว่าเป็นใคร”
“คนนั้นนะเหรอ น่าจะลูกสาวตระกูลเพชรประกายมั้ง” คนตอบไม่ค่อยแน่ใจนัก เขาเรียกพนักงานเสิร์ฟมาถามเพื่อความแน่ใจ
“คุณมาร์กี้ครับ เป็นลูกค้า VIP ของผับเรา”
พิชญะขมวดคิ้ว “เป็นคนดังเหรอ”
“พวกเนทไอดอลหน่ะ” รุ่นน้องหัวเราะกับคำถามของรุ่นพี่ “รู้จักไหมครับพี่เพลิง”
“ไม่ล่ะ ของแบบนั้นน่ะ” พิชญะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้หรอก แต่รู้สึกอยากเอาชนะมากกว่า เขาดื่มฉลองวันเกิดให้รุ่นน้องจนผับปิด พอเดินออกมาก็เจอหญิงสาวอีกครั้ง และเธอก็ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา จนเมื่อมีคนมารับและจะถูกลวนลามเขาจึงเข้าช่วยอย่างทนไม่ได้
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวผมยาวส่ายหน้าไปมา “ขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อยอยากจะยกมือไหว้ขอบคุณแต่ไม่ถนัดเพราะประคองร่างหญิงสาวอีกคนอยู่ แต่มาติกาเงยหน้าขึ้นแล้วส่งจูบให้เขา
พิชญะขับรถตามไปส่งเธอทั้งสองอย่างเงียบๆ พอดูชื่อบ้านก็จำได้ว่าครอบครัวนี้ติดหนี้เขาอยู่หลายล้าน และบังเอิญว่าคุณวิทยาติดต่อขอกู้เงินเพิ่ม เขาจึงอยากลองเล่นอะไรสนุกๆ เพลินๆ ตามประสาคนมีเงินก็เท่านั้น
ใช่! เขาจะทำให้รู้ว่าคนมีเงินอย่างเขาจะทำอะไรก็ได้ แม้ว่าจะซื้อผู้หญิงมาเป็นนางบำเรอก็ตาม!.