บทที่ 3
บทที่ 3
หญิงสาวสวยในชุดนอนกางกางขาสั้นกุดเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน มือเรียวเสยผมสั้นบอบของตัวเองแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง รินรดาเงยหน้าจากกระเช้าของขวัญที่กำลังจัดอยู่มองมาติกาที่เพิ่งตื่นเอาเที่ยงวัน
“ทำอะไรเหรอ” มาติกาถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เตรียมกระเช้าของขวัญค่ะ” รินรดาตอบทั้งที่มือก็ยังยุ่งอยู่ “รินเอากระเช้าเก่าที่เราเคยได้ตอนปีใหม่มาจัดใหม่ค่ะ จะเอาไปเยี่ยมคุณหญิงเพ็ญแขที่โรงพยาบาลค่ะ”
“เมื่อกี้รินว่าอะไรนะ” คราวนี้เป็นเสียงคุณแพรวามารดาของมาติกาที่เดินมาจากมุมหนึ่งของบ้าน เธอแทบไม่เคยแตะงานบ้านเลยตั้งแต่รินรดาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
“คุณหญิงเพ็ญแขผ่าตัดไส้ติ่งค่ะ” รินรดาผูกโบว์เสร็จเรียบร้อย จริงๆ เธอก็ไม่ค่อยรู้จักคนในแวดวงไฮโซหรอก แต่ว่าบางคนก็ทำธุรกิจเกี่ยวเดียวกันเธอเลยต้องสานสัมพันธ์เอาไว้ ลูกค้ารายอื่นๆ เธอก็ใส่ใจเช่นกัน รินรดามีวิธีประหยัดโดยการเอากระเช้าของขวัญปีใหม่ที่ได้มาเก็บรักษาอย่างดี ส่วนของใส่กระเช้านั้นเธอก็เลือกจากที่เคยได้รับมา บางชิ้นเป็นผ้าขาวม้าสีสันสดใส บางชิ้นเป็นเครื่องแก้วลายสวย บางชิ้นก็เป็นตุ๊กตาที่ระลึก เธอจะทำบัญชีไว้ว่าได้รับอะไรจากใครมา และถึงเวลาก็เวียนของแจกจ่ายกันไป ทำให้เธอประหยัดเงินไปได้เยอะเชียว
“แล้วทำไมไม่บอกกันล่ะ” คุณแพรวาทำน้ำเสียงไม่พอใจ “จะไปเอาหน้าคนเดียวหรือไงหึ!”
“เปล่านะคะ” รินรดาส่ายหน้าไปมา “รินบอกคุณแม่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้วันเสาร์รินไม่ได้เข้าออฟฟิศก็เลยจะเอากระเช้าไปเยี่ยมคุณหญิงค่ะ”
“คุณหญิงเพ็ญแขนี่เป็นแม่ของพี่เจมส์ใช่ไหมคะ” มาติกาหันไปถามผู้เป็นมารดา
“ก็ใช่ซิค่ะลูกมาร์กี้” คุณแพรวาตีแขนลูกสาวเบาๆ “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลยค่ะ เราต้องรีบไปเยี่ยมคุณหญิง แล้วกระเช้าเสร็จหรือยัง”
“ยังค่ะ เหลืออีกนิดหน่อยก็เรียบร้อยค่ะ”
“ดีเลยงั้นรีบเร่งมือให้เสร็จล่ะ” คุณแพรว่าหันไปทางลูกสาว “มาร์กี้รีบไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ นะลูก เราต้องรีบไปทำคะแนนกันจ๊ะ”
“ค่ะคุณแม่” มาติกายิ้มหวานให้มารดาแล้วหันมาสั่งน้องสาวร่วมชายคา “เตรียมขนมปังกับกาแฟให้ฉันด้วยนะ ขนมปังทาเนยโรยน้ำตาลเยอะๆ ล่ะ”
“ได้ค่ะ” รินรดารับคำสั่ง
“ตอนนี้ไปทำให้ฉันก่อนดีกว่า เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน” คุณแพรว่าพูดอย่างเพิ่งนึกได้
“รินผูกโบว์เสร็จก็จะไปทำให้ค่ะ”
“แล้วคุณวิทยาไปไหนล่ะ ไม่เห็นแต่เช้าเลย”
“คุณพ่อไปตีกอล์ฟกับลูกค้าค่ะ ออกไปตั้งแต่แปดโมงแล้วค่ะ”
“เหรอ เอ่อ...ช่างเถอะ แล้ววันนี้ยายอิ่มมาช่วยทำงานบ้านหรือเปล่า”
“ไม่มาค่ะ ยายอิ่มปวดขาเดินไม่ค่อยไหวค่ะ แต่คนทำสวนจะมาตอนบ่ายค่ะ”
“เหรอ เอ่อ...งั้นดูแลบ้านดีๆ ด้วยละกัน”
“ค่ะ”
แค่คิดรินรดาก็เหนื่อยแล้ว ดีที่วันนี้ไม่ต้องยกกระเช้าไปเยี่ยมใครอีก ภาระงานบ้านก็หนักหนาสาหัสไม่น้อย งานนอกบ้านก็ปวดหัวน่าดูแถมยังจะต้องมาดูแลงานในบ้านอีก หญิงสาวจัดกระเช้าเสร็จก็ไปเตรียมอาหารเช้าที่เกือบจะเที่ยง มาติกาลงจากชั้นบนอีกครั้งด้วยชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีชมพูอมส้มดูอ่อนหวานน่ารัก เธอตัดผมบอบสั้นทันสมัยแต่งหน้าด้วยสีอ่อนสไตล์เกาหลี ผิดกับยามราตรีที่เธอจะแต่งหน้าจัดจ้านและเสื้อผ้าสั้นรัดรูปกว่านี้
หญิงสาวยกกาแฟสองแก้วและขนมปังทาเนยมาเสิร์ฟ เธอขอตัวไปทำความสะอาดครัวปล่อยให้สองแม่ลูกสำราญกับมื้อเช้าและบทสนทนาวางแผนจับผู้ชาย เธอไม่เคยเข้าใจความคิดของคุณแพรวาและมาติกานักทั้งที่เรียนจบปริญญาตรีมาสองสามปีแล้วแต่กลับใช้ชีวิตว่างเปล่า เธอเสียอีกที่มีอะไรอยากทำแล้วไม่ได้ทำ ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสองแม่ลูกก็หิ้วกระเช้าที่รินรดาออกไป วินาทีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านเธอรู้สึกผ่อนคลายและเป็นสุข แม้จะต้องจัดการงานบ้านรวมทั้งซักเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแต่เธอก็ไม่รู้สึกเหนื่อยนัก อาจเพราะไม่ต้องทนฟังคำพูดหรือคำสั่งจากใคร
รินรดานึกถึงซินเดอเรลล่า นิทานแสนหวานที่แม่อ่านให้ฟังก่อนนอน เธอเคยคิดว่าตัวเองช่างเหมือนนางซินที่ถูกแม่เลี้ยงกับพี่สาวกดขี่ใช้งานสารพัด แต่เธอไม่เคยฝันถึงเจ้าชายไม่เคยคาดหวังว่าผู้ชายจะเข้ามาช่วยอะไรให้ชีวิตเธอดีขึ้นได้ ทุกวันนี้เธออยู่เพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น ในใจเธอคิดเสมอว่าต้องออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านหลังนี้ให้ได้ ทว่าเธอกลับห่วงบริษัทที่พ่อเคยสร้างขึ้นมากับมือ มันเป็นสิ่งที่พ่อรักมากที่สุดแม้วันนี้พ่อกับแม่จะจากไปแล้วก็ตาม แต่หลายคนที่ทำงานตั้งแต่พ่อตั้งบริษัทใหม่ๆ ยังทำงานอยู่ หลายคนมีครอบครัวและลูกเต้าที่ต้องดูแล เธอรู้ดีว่าถ้าเธอไม่ดูแลบริษัทก็จะไม่มีใครทำหน้าที่เธอได้ดีไปกว่านี้ เธอเป็นห่วงพวกเขาไม่อยากให้พวกเขาต้องลำบากตกงานกันตอนนี้
ร่างเพรียวบางเดินเข้าไปในครัว เตรียมเอาผสมแป้งทำคุ้กกี้เอาไว้ทานเล่น ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เธอจะใส่กล่องน่ารักๆ เอาไว้ให้พนักงานได้กินเป็นของว่าง เมื่อนึกถึงเรื่องบริษัทเธอก็อดกังวลไม่ได้ ระยะนี้ตัวเลขติดลบบ่อย เธอไม่รู้ว่าคุณวิทยาเบิกเงินไปทำอะไรบ้าง ซ้ำพอคิดเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านก็มากเสียจนชวนปวดหัว แม้ว่าจะพยายามประหยัดมากแค่ไหนรายจ่ายก็แทบจะแซงหน้ารายรับอยู่แล้ว โดยเฉพาะบิลช้อปปิ้งของมาติกากับคุณแพรวา ทั้งเสื้อผ้า,กระเป๋า,รองเท้า แต่ละเดือนจ่ายเป็นหลักหมื่นทั้งนั้น
ขณะที่มือกำลังยุ่งกับทำคุ้กกี้ก็อดฝันถึงร้านเล็กๆ ของตัวเองไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งพอจะสู้กับทุกสิ่งก็คือความฝันที่จะมีร้านเล็กๆ ของตัวเอง ร้านกรีนช้อปที่เน้นผลิตภัณฑ์สีเขียว
“เมื่อเช้าก็ลืมถามว่าคุณพ่อจะกลับมากี่โมงจะได้เตรียมทำกับข้าวไว้รอ”
รินรดาพึมพำกับตัวเองเมื่อนึกถึงคุณวิทยาที่สะพายถุงกอล์ฟออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ ช่วงนี้คุณวิทยาก็มีอะไรแปลกๆ เหมือนกำลังปิดบังอะไรไว้ แม้เธอจะเป็นลูกแต่ก็เป็นเพียงลูกเลี้ยง ไม่กล้าถามอะไรออกไป เอาเถอะ! เสร็จงานครัวแล้วยังต้องจัดการเสื้อผ้าอีกสองตะกร้าอีก แล้วไหนจะรีดให้เรียบร้อยอีก เอาน่า! ชีวิตนางซินที่ไม่หวังรอเจ้าชายเอารองเท้าแก้วมาคืน เธอจะเข้มแข็งเพื่อไปให้ถึงฝันให้จงได้