ตอนที่ 64 แค่กิน ทำเป็นตื่นเต้นไปได้
“มะติยาโน มะติยา….”
เหนือภพได้ยินสาวน้อยแสนหลอนท่องมนต์คาถาอีกครั้ง เขารีบดีดตัวขึ้นทันทีแม้จะจุกมาก ก่อนจะรีบยื่นสองฝ่ามือไปข้างหน้าอย่างร้อนรน
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ แม่หญิง มีอะไรเราพูดกันได้ เจ้าอยากได้สร้อยคืนก็เอาไปสิ”
เหนือภพเอาสร้อยหินแร่ออกมาโบกไปมา ราวกับการหลอกล่อวัวกระทิงให้สนใจ ทว่าสางลำไพรยังคงท่องมนต์คาถาต่อไป
“มะติทิ โสธายะ สาปะสา ….”
เธอไม่แม้แต่จะฟังเหนือภพ โอกาสดีมาถึงเธอเช่นนี้แล้ว มีหรือเธอจะปล่อยให้มันสูญเปล่า
เหนือภพรีบถอยหลังก่อนจะเกร็งกำลังขาทั้งสองข้าง เขาตั้งใจจะพุ่งเข้าไปโจมตีเธอในระยะประชิด ใครจะว่าเขาต่อยตีผู้หญิงเขาก็ไม่สนใจแล้ว แต่ว่ามันคงไม่ง่ายเช่นนั้น ขนาดสร้อยหินแร่เธอยังลอบลงอาคมเอาไว้จนทำให้เขาเกือบแย่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบนตัวของเธอจะได้ลงอาคมสิ่งไหนไว้บ้าง นั่นทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยงสัมผัสตัวเธอ
เหนือภพเลือกดีดตัวขึ้นฟ้า ในเมื่อสู้ระยะประชิดไม่ได้เขาก็จะสู้จากบนฟ้าแทน
“เอ๋ ?”
จู่ ๆ ก็มีฝูงผึ้ง ต่อ และแตนฝูงใหญ่ยักษ์ ไม่รู้ว่าพวกมันขนมากันมาทั้งตระกูลได้อย่างไร แต่พวกมันก็พุ่งขึ้นตามเขามาติด ๆ แค่เหนือภพคิดว่าต้องโดนแมลงพวกนั้นต่อยก็ทำให้เสียววาบไปถึงท้องน้อยแล้ว เขาไม่มั่นใจว่าผิวหนังของเขาจะทนเหล็กในพิษได้รึเปล่า
แต่เขาก็ยังคงรักษาสมาธิเกร็งกำลังขาทั้งสองข้างต่อไป เขาจะเหยียบเธอให้จมดินไปเลย เขาเกร็งกำลังได้เพียงระดับ 6 ก็ถูกบีบให้ต้องหยุด เมื่อฝูงผึ้งต่อแตนบินมาต่อยร่างกายเขาจนผิวหนังปูดบวม ความเจ็บปวดนี้มากมายนัก แต่หากเทียบกับความเจ็บปวดเมื่อครั้งเหล็กไหลผสานเข้าไปในกายของเขา มันเทียบกันไม่ได้เลย เจ็บแค่นี้ก็แค่มดกัด
เหนือภพพุ่งลงมาด้วยความเร็วดุจดาวหาง ก่อนจะกดส้นเท้าทั้งสองลงไปยังจุดที่สางลำไพรกำลังพยายามเคลื่อนตัวหนีอยู่เบื้องล่าง
บรึ้ม !!!
แรงกระทืบจากท่าถุงเงินร่วงหล่นของเหนือภพทำให้พื้นดินในรัศมีสิบเมตรแตกร้าวละเอียดจนยุบตัวลงไปอีกครึ่งเมตร ขณะที่รอยแตกร้าวใยแมงมุมยังคงขยายกว้างออกไปอีก
เหนือภพมองร่างของสางลำไพรที่อยู่ใต้เท้าด้วยความรู้สึกผิด ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ทว่าเมื่อเขาสังเกตให้ชัดเจน เขาก็ถึงกับขนลุกซู่ด้วยความตกใจและสัญชาตญาณป้องกันภัย
“...หมัดธนูมือ !”
เหนือภพหันกลับหลังยกมือขึ้นตั้งท่าต้านรับหมัดธนูที่ต่อยออกมา พร้อมกับร่างกายที่ถูกผลักให้ถอยเซไปด้านหลัง เขาจ้องมองสางลำไพรตัวจริงที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวกลางอากาศธาตุที่ว่างเปล่า เธอหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ 20 เมตร ส่วนสางลำไพรที่อยู่ก้นหลุมนั่นเป็นเพียงหุ่นฟางตัวปลอมของเธอ
สางลำไพรจ้องมองเหนือภพที่ยังคงมีสภาพร่างกายภายนอกไร้รอยขีดข่วน มีเพียงรอยปูดบวมจากพิษผึ้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูเหมือนฝูงผึ้ง ต่อ แตนจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย อาจดูคล้ายกับว่าเธอได้เปรียบ แต่ว่าร่างกายของคู่ต่อสู้หนังหนากว่าที่เธอคาดคิดไว้มาก แถมเขายังมีประสาทการตอบโต้ที่ไวกว่าปกติ
ภายใต้แป้งแต่งหน้าที่หนาเตอะของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าใบหน้าเธอเริ่มซีด เพราะใช้คาถาอย่างต่อเนื่อง แม้เธอจะมีวิชามากมาย แต่ร่างกายแสนบอบบางของเธอก็มีขีดจำกัด
โดยปกติแล้วแค่หนึ่งบทคาถาก็ทำให้คู่ต่อสู้เสียท่าแล้ว ทำให้เธอสามารถแย่งชิงสร้อยมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมนาคราช หรือแม่ทัพหลวงก็ล้วนเสียท่าให้กับเธอมาแล้ว แต่พอเธอต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ทั้งถึกและอึดเกินมนุษย์ แถมยังมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์และมีอาวุธอาคมสำหรับการทำลายวิชาพวกนี้อยู่ทำให้เธอเองก็จนใจที่จะสู้ต่อ
สางลำไพรพ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะจับสร้อยประคำของตัวเองบริกรรมคาถาบางอย่าง แล้วสร้อยที่ได้รับแจกจากพิธีกรทั้งสามเส้นก็ปรากฏในสายตาของเหนือภพ ไม่เพียงมีสร้อยหินแร่ของทีมเธอเท่านั้น ยังมีสร้อยมรกตของทีมแม่ทัพหลวงและสร้อยไหมสีเงินของทีมนาคราชรวมอยู่ด้วย
“ที่แท้เจ้าซ่อนมันไว้ด้วยมนต์พรางตา ร้ายกาจมาก”
“ข้ายอมมอบสร้อยให้ก็ได้ แต่เจ้าเอาไปได้แค่เส้นเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ขอให้เรื่องของพวกเราจบลงแค่นี้ ตกลงไหม”
เหนือภพยังคงมีท่าทีระแวงระวัง เมื่อสางลำไพรเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เขาก็ต้องก้าวถอยหลังในทันที เขาไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน เธอไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง
“ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าจะไม่เล่นลูกไม้กับข้า”
เหนือภพลังเล แต่เมื่อหางตาของเขาเหลือบไปเห็นสถานการณ์ด้านข้าง เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ ทศพลถูกพญานาคเอาหางรัดตัวไว้ แล้วเลื้อยมาทางเหนือภพ พร้อมกับเอ่ยอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
“เจ้าบ้านี่เหมือนกับเจ้าจริง ๆ หนีเก่งเป็นบ้า”
เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ พลางมองไปทางทศพลที่มีสภาพดูไม่ได้เลย เขาอยากจะพูดออกไปจริง ๆ ว่าเขาเข้าใจและเห็นใจทศพลไม่น้อย หากต้องสู้กับพญานาคแล้วล่ะก็ วิ่งหนีไปเสียยังดีกว่า
สางลำไพรมีสีหน้าหนักอึ้งเมื่อเพื่อนร่วมทีมของเธอพ่ายแพ้ไปแล้วหนึ่ง ส่วนเตชินท์ก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะเอาชนะใครได้เช่นกัน นี่มันทีมไร้ประโยชน์หรือยังไง เธอรู้สึกท้อแท้ราวกับว่าเธอเป็นผู้แบกความหวังของทีมไว้เพียงผู้เดียว และก็เป็นเธอผู้เดียวที่ต้องคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม
“ข้าแพ้แล้ว ปล่อยตัวเพื่อนข้าเถิด”
สางลำไพรไม่อยากพูดคำนี้ออกมา แต่เธอก็ยอมพูดมันพร้อมกับถอดสร้อยทั้งสามเส้นแล้วยื่นให้เหนือภพ แม้น้ำเสียงของเธอจะฟังดูจริงใจ แต่เหนือภพกลับเชื่อไม่ลง
“เจ้าไปเอามาสิ”
เหนือภพบอกพลางสะกิดพญานาค เขาไม่กล้าเข้าใกล้เธอเลยจริง ๆ ส่วนพญานาคเองแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่สังเกตจากท่าทางของเหนือภพแล้ว มันก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดี
“ข้าชอบเป็นดาบ ไม่ชอบเป็นโล่”
“นี่เจ้า มาอยู่กับข้าแล้วก็ทำตัวให้มีประโยชน์หน่อย เจ้าอย่าลืมนะว่าเจ้าเอาแต่ก่อเรื่องให้ข้าตามเช็ดตามล้าง ช่วยกันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป”
พญานาคทำเป็นหูทวนลมพร้อมหันเศียรไปทางอื่น เรื่องอะไรจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องน่าเบื่อเช่นการหยิบสร้อยธรรมดา ๆ
เหนือภพจนใจจะเรียกไร้ชื่อมาก็ไม่ได้ เพราะไร้ชื่อยังคงพัวพันอยู่กับเตชินท์ไม่เลิก ส่วนหนึ่งในใจของเหนือภพก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเตชินท์สามารถรับมือไร้ชื่อได้ยาวนานขนาดนี้
“เอาล่ะ ๆ เจ้าโยนมาข้างหน้าแล้วถอยออกไปร้อยเมตร”
นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาจะเอาสร้อยจากเธอได้ อยู่ห่าง ๆ เข้าไว้ถึงจะปลอดภัย สางลำไพรไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจึงทำตามที่เหนือภพว่า จากนั้นก็ถอยหลังไปไกล
“แล้วเพื่อนข้าล่ะ”
เธอตะโกนกลับมาเมื่อเห็นทศพลยังถูกพญานาคใช้หางรัดพันเอาไว้แน่น องค์ชายเตชินท์จะเป็นอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เขาไม่ใช่คนของเมืองนิรันดร์กาลจะเป็นจะตายอย่างไรก็ช่าง แต่สำหรับทศพลนั้นต่างออกไป เขาและเธอถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่อาจละทิ้งเขา
“เดี๋ยวก่อนสิ ข้าต้องตรวจดูก่อน”
เหนือภพพูดขัดเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าหาสร้อยคออย่างระมัดระวัง
“ลำไพร เจ้าเอาให้มันไปทำไม ไม่ต้องห่วงข้า แย่งมันกลับมา โอ๊ย”
เมื่อเตชินท์ถูกพญานาครัดแน่นขึ้น เขาก็เงียบสงบไปทันใด ไม่รู้ว่าเขาแกล้งทำตัวสงบเสงี่ยมหรือเขาหมดสติไปแล้วจริง ๆ
เหนือภพมานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ สร้อยทั้งสามเส้น เขาดึงมีดหมอออกมาแล้วก็จิ้มไปที่สร้อยทั้งสามเส้น
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
“นั่นไง”
เป็นอย่างที่เหนือภพคิดไม่มีผิด หากสร้อยมีอาคมหรือคำสาปกำกับไว้มันจะเกิดปฏิกิริยากับมีดหมอที่จิ้มลงไป สร้อยทั้งสามเส้นคงถูกสางลำไพรใช้อาคมกำกับวิญญาณร้ายเอาไว้เพื่อป้องกันคนขโมย แต่มันถูกมีดหมอจัดการเรียบร้อยแล้ว
เหนือภพยิ้มกว้างขณะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมคอพญานาค เมื่อรวมกับสร้อยที่มีอยู่เดิม ตอนนี้พวกเขามีสร้อยถึงห้าเส้นแล้ว จะว่าไปก็เป็นเรื่องดีที่เธอแส่หาเรื่องอยากแกล้งลงอาคมใส่เขาเอง เขาไม่อยากจะรังแกผู้หญิงสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ถ้าผู้หญิงร้ายกาจมา เขาก็ต้องตอบแทนเธอให้สาสม
‘เจ้ามันงูพิษดี ๆ นี่เอง หากไม่เอาซะคืนบ้าง ความรู้สึกก่อนหน้าของข้าก็ยากที่จะระบายออก ห่วงมันมากนักใช่มั้ย’
“เจ้าหิวไม่ใช่หรอ รออะไรอยู่ล่ะ”
พญานาคได้ยินเหนือภพพูดเช่นนั้น มันก็รู้ทันทีว่าตัวเองควรจะทำอะไร
สางลำไพรหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่รู้ว่าเหนือภพกลับคำพูด ใจจริงเธอคิดอยากจะหยุดการสู้รบอันไม่เป็นธรรมนี้จริง ๆ แต่เมื่อเหนือภพไม่ยอมหยุดก็อย่าหาว่าเธอใจร้าย
“คัจฉาหิ มหาภูโต สมนุสโส …. ประสิทธิยา”
สางลำไพรบริกรรมคาถาด้วยความเร็ว แต่ชัดถ้อยชัดคำ ก่อนตบท้ายไปด้วยประโยคคำสั่งว่า
“เจ้าแดง ไปช่วยทศพลให้แม่”
“จ้าแม่”
เสียงของเด็กน้อยแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับร่างกายสีทองอร่ามที่ปรากฏกลางอากาศ เจ้าแดงเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว พอได้รับคำสั่งก็พุ่งเข้าหาเหนือภพด้วยความเร็วดุจสายฟ้า พลิ้วไหวดุจสายลม
แต่เหนือภพลอบเกร็งกล้ามเนื้อรอต้อนรับตั้งแต่ได้ยินเสียงบริกรรมคาถาแล้ว และเป้าหมายของเขาก็ไม่ใช่เด็กสีทองนั่น แต่เป็นสางลำไพร
กำปั้นระดับ 8 ชกออกไปด้านหน้าไถหน้าดินเป็นร่องลึก คลื่นอัดอากาศแผ่กระจายออกไปทางสางลำไพรในทันที
เมื่อกุมารทองเห็นเช่นนั้นก็เคลื่อนตัวกลับด้วยความเร็วที่เหนือภพคาดไม่ถึง จับไม่ได้ด้วยสายตา แม้คำสั่งของผู้เป็นแม่จะสำคัญ แต่ไม่สำคัญไปกว่าความปลอดภัยของแม่ กุมารทองหอบพาร่างของสางลำไพรออกจากรัศมีการทำลายได้อย่างทันท่วงที ความเร็วนี้อาจเรียกได้ว่าเร็วกว่าการวิ่งของแมวราตรีเสียอีก
เหนือภพเห็นดังนั้นก็รีบกระชากร่างของทศพลออกจากปากพญานาค แล้วโยนออกไป
“อาหารข้า”
“ยังจะห่วงกินอีก ความตายจะมาเยือนแล้ว หนีเร็ว”
เหนือภพร้องบอกอย่างร้อนรนก่อนจะพุ่งเข้าหาไร้ชื่อที่ดูท่าจะสู้เตชินท์ไม่ได้แต่ก็ยังจะสู้อีก เหนือภพคว้าคอไร้ชื่อออกมาจากการต่อสู้ ขณะเหลือบมองเตชินท์ที่ดูแปลก ๆ เขาบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ คือเตชินท์พยายามเก็บงำฝีมือตัวเองเอาไว้ เขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้
“เจอกันคราวหน้าหวังว่าเจ้าจะไม่เก็บงำความสามารถนะ”
เหนือภพยิ้มตามมารยาท ก่อนจะพาไร้ชื่อจากไปพร้อมกับพญานาคที่ยังคงเสียดายอาหารมื้อนั้นอยู่ มันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องร้อนรน รีบหลบหนีทั้งที่พวกนั้นตกอยู่ในกำมือของเราแท้ ๆ
“เห้อ จะหนีทำไม”
“ก็เจ้ามัวแต่สนใจที่จะกิน เจ้าไม่ได้เจออย่างข้านี่ และที่สำคัญข้าไม่ได้มีเกราะเกล็ดหนาอย่างเจ้า”
สิ่งที่เหนือภพกังวลก็คือวิชาไสยเวทย์ของเธอ นี่ขนาดเธอยังเก็บงำวิชาเอาไว้บ้าง แต่ก็ยังมีวิชาใหม่ ๆ ใช้ออกมาได้เรื่อย ๆ แถมยังเป็นวิชาที่เขาไม่อาจใช้กำลังปะทะได้ และเขาก็ไม่อยากแสดงพลังยักษ์กับพลังเหล็กไหลออกมาพร่ำเพรื่อ ดังนั้นทางที่ดีอย่าได้ลงมือแตกหักกันเลย ไม่เช่นนั้นเธออาจจะเรียกอะไรที่น่ากลัวออกมามากกว่านี้
ยังไม่ทันคิดจบสิ้นแผ่นดินโดยรอบเส้นทางที่เหนือภพวิ่งอยู่ก็เกิดการสั่นไหว มีฝ่ามือซากศพจำนวนไม่น้อยพุ่งออกมาใต้พื้นดิน บางมือก็มีแต่โครงกระดูก บางมือก็ยังมีเศษเนื้อเน่าเปื่อยอยู่บ้าง ไม่กี่วินาทีต่อมามือเหล่านั้นก็ฝืนค้ำยันตัวเองแล้วค่อย ๆ ดึงร่างขึ้นมาจากดิน เพียงพริบตารอบด้านก็เต็มไปด้วยซากศพคนตายที่แสนดุร้ายพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มของเหนือภพตามคำสั่ง
ไร้ชื่อตวัดดาบใส่พวกมัน เหนือภพใช้เพลงมวยที่มีตวัดเตะให้พวกนั้นถอยห่าง ขณะที่พญานาค ใช้การสะบัดหางเหมือนปัดแมลงที่น่ารำคาญออก แต่ไม่ว่าซากศพเหล่านั้นจะล้มไปสักกี่ครั้ง พวกมันก็ฟื้นกลับมาได้อีกเสมอ
เหนือภพนิ่วหน้า สิ่งที่เขาคิดไว้จริงดังว่า นี่มันกองทัพทหารอมตะชัด ๆ ทำไมสางลำไพรถึงเล่นโหดขนาดนี้
“เจ้าไปทำอะไรกับเจ้าหนุ่มกันแน่ นางถึงโกรธเพียงนี้”
“ก็เจ้าให้ข้ากิน ข้าก็แค่กินแขนมัน ทำเป็นตื่นเต้นไปได้”
“ห๊า นี่เจ้า เจ้ารู้มั๊ยว่าทำอะไรอยู่ ข้าก็แค่พูดไปเพื่อขู่นางเท่านั้น”
“ใครจะไปรู้เล่า แค่กินแขนข้างเดียวทำเหมือนจะเป็นจะตายไปได้ รู้งี้ข้ากินขาด้วยก็ดี นางคงโกรธไม่ต่างกันหรอกมั้ง”
“โอ๊ย !”
เหนือภพกุมหัวตัวเอง นวดคลึงหนังหัวไปด้วย วิ่งหนีไป เขาเริ่มจะเข้าใจเฮงเฮงบ้างแล้วว่าเมื่อเหตุการณ์ซวย ๆ เกิดขึ้นกับเรา โดยที่เราควบคุมไม่ได้นั้นมันรู้สึกอย่างไร