ตอนที่ 14.นี่คงไม่ได้คิด ‘ขาย’ นางหรอกนะ
ตอนที่ 14.นี่คงไม่ได้คิด ‘ขาย’ นางหรอกนะ
มือเรียวลูบบนผ้าเนื้อหยาบ หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยครุ่นคิดหาทางแก้ไขปัญหาเบื้องหน้า หลินอวี้เจินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจหนักหน่วง
“คุณหนูดื่มน้ำชาก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หวังหมิ่นรินน้ำชาส่งให้ “คุณหนูยังไม่แข็งแรงไม่ควรมานั่งตาก ลมเช่นนี้นะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ได้อ่อนแอเสียหน่อย” หลินอวี้เจินเงยหน้าขึ้นจากผ้าในมือแล้วย่นจมูกใส่ แต่ก็ยื่นมือไปรับถ้วยน้ำชามาจิบ “นี่น้ำขิงมิใช่หรือ?”
“คุณหนูต้องลมเย็นจนไม่สบาย ต้องดื่มน้ำขิงไล่ไอเย็นเจ้าค่ะ”
หลินอวี้เจินจำใจดื่มน้ำขิงเผ็ดร้อนจนหมด แล้วส่งคืนให้หวังหมิ่น นางรู้ว่าหวังหมิ่นหวังดีกับนาง เรื่องนี้ต้องโทษกัวจื่อ หราน เขาทำให้นางบาดเจ็บกระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ นางคิดว่าตนเองเช็ดคราบเลือดหมดแล้วแท้ๆ แต่ผ้าเช็ดหน้าของเขานั้น นางตั้งใจแอบเอาไปซักด้วยตนเอง แต่บังเอิญทำตกในห้อง หวังหมิ่นเข้ามาดูแล นางตกใจจนหน้าซีดแล้วจะไปตามหมอแต่นางรั้งตัวไว้ได้ทัน และเพราะนางต้องลมหนาวจริงนั้นแหละ ทำให้ตอนที่ลุกขึ้นเพื่อแย่งชิงผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดคืนมา แต่ร่างกายกลับทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นราวเศษผ้า
คราวนี้หวังหมิ่นหวีดร้องด้วยความตกใจรีบเข้ามาประคอง นางขอร้องไม่ให้ตามหมอด้วยเกรงว่าถ้าถูกจับชีพจรจะรู้ว่าบอบช้ำภายใน แม้นางเองไม่รู้วรยุทธ์และไม่มั่นใจว่าที่ตนกระอักโลหิต เพราะเหตุใด เขาทำร้ายนางเช่นนั้น
‘ข้าไม่ได้ตั้งใจ’
เขาช่างไม่รู้จักประเมินพละกำลังตัวเองเสียเลย นางไร้วรยุทธ์ไร้ลมปราณจะเอาสิ่งใดป้องกันตนเองได้เล่า หลินอวี้เจินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หวังหมิ่นประคองนางขึ้นมานอนบนเตียงรีบวิ่งออกไปตามท่านลุงใหญ่ที่หน้าตาแตกตื่นไม่แพ้กัน และเพราะนางได้สงบจิตใจก่อนแล้วจึงรับมือกับคนตื่นตระหนกทั้งสองได้
“ไม่ต้องตามหมอ หลานแค่พักผ่อนน้อยเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
“แต่หวังหมิ่นเจอผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด หลานบาดเจ็บที่ใดหรือไม่”
“เลือดอะไรกันไม่มีเสียหน่อย อ้อ! แค่เลอะหมึกเจ้าค่ะ หลานจะเอาไปซักเองแต่พี่หวังหมิ่นมาเห็นเสียก่อน”
“หมึก?” ท่านลุงใหญ่ทำหน้าไม่เชื่อและขอดูผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
“หลานเอาไปแช่น้ำแล้วเจ้าค่ะ” นางยิ้มอ่อนหวาน “ท่านลุง หลานไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
“เจ้าควรมาพักผ่อนให้สบายใจ แต่กลับมาล้มป่วย หากพ่อของเจ้ารู้ ลุงจะทำเช่นไร”
“ก็อย่าให้รู้ซิเจ้าคะ” นางแลบลิ้นทำหน้าทะเล้น “ท่านลุงให้หลานพักผ่อนสักวันก็พอ ถ้าเห็นหลานไม่ดีขึ้นค่อยเรียกหมอมาดูอาการก็ได้”
เพราะนางดื้อดึง ท่านลุงใหญ่จึงยอมใจอ่อน นางจึงรอดพ้นจากการถูกท่านหมอตรวจชีพจร วันแรกนางหลับใหลไปเพราะความอ่อนเพลียจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้นางดูแลกิจการการค้าขายแทนท่านลุงใหญ่ เมื่อได้พักก็ดีขึ้น แต่ท่านลุงใหญ่ยังไม่วางใจนางจึงไม่ได้ช่วยงานใดๆ ประจวบกับหวังหมิ่นนำผ้าฝ้ายมาพับหนึ่ง อยู่ที่จู้หยางท่านลุงใหญ่ให้นางดูแลร้านผ้าเล็กๆ เมื่อเห็นหวังหมิ่นหอบผ้ามาหนึ่งพับนางจึงอดขอดูไม่ได้
“ผ้าเนื้อหยาบราคาถูก บ่าวจะเอามาตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ให้น้องชายน้องสาวใส่วันปีใหม่เจ้าค่ะ”
“ทำไมใช้เนื้อผ้าหยาบเช่นนี้” นางเบ้ปาก คลังสินค้าของท่านลุงใหญ่มีผ้าดีๆ หลายพับ หากนางขอซื้อก็ไม่ลำบากอะไร แต่หวังหมิ่นกลับส่ายหน้าไปมาแล้วเล่าที่มาที่ไปของผ้าพับนี้
“เป็นผ้าที่ผู้อพยพทอขึ้นเจ้าค่ะ พวกเขาอยู่เขตนอกกำแพงเมือง ข้าช่วยซื้อผ้าของพวกเขามา หาไม่แล้วพวกเขาคงไม่มีข้าวกิน”
“ผ้าของผู้อพยพรึ?” คราวนี้นางรับผ้ามาพิจารณาอย่างละเอียด ผู้อพยพจะขนข้าวของติดตัวได้ไม่มากนัก จะมีเครื่องปั่นด้ายหรือเครื่องทอผ้ายิ่งเป็นไปยากยิ่ง
“หลายวันก่อนบ่าวกลับไปเยี่ยมบ้าน จึงรู้ว่าครอบครัวผู้อพยพมาขอเช่าเครื่องทอผ้าเก่าๆ ของที่บ้าน นอกจากข้าแล้ว น้องสาวของข้าก็ทอผ้าไม่เป็น พวกนางจึงยอมให้เช่า ฝ้ายที่นำมาทอก็เป็นของราคาถูกคุณภาพออกมาไม่ดี เร่ขายลดราคาก็ยังไม่มีคนซื้อ บ่าวสงสารจึงซื้อไว้เจ้าค่ะ บ่าวอยู่รับใช้นายท่านและคุณหนู ชีวิตไม่ได้ลำบากอันใด พอมีเงินบ้างเล็กน้อยจึงอยากช่วยเหลือพวกเขา”
“เป็นเช่นนี้เอง” นางพยักหน้ารับ “ดูแล้วคนทอผ้ามีทักษะการทอผ้าที่ดีแต่คุณภาพของฝ้ายต่ำ หากได้ฝ้ายคุณภาพดีย่อมทอผ้าคุณภาพที่ดีขึ้นและจะได้ราคาที่สูงขึ้นด้วย”
“แต่พวกเขายากจนมาก นี่คงใช้เงินทุนทั้งหมดที่มีเพื่อซื้อฝ้ายมาทอผ้าแล้วเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ?” นางเคาะปลายนิ้วที่ริมฝีปากอย่างเคยชิน “แล้วถ้ามีคนนำฝ้ายอย่างดีไปให้พวกเขาล่ะ?”
“คุณหนูหมายความว่า...”
“ใกล้ฤดูหนาวแล้ว เพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้ ถ้าไม่รีบตุนเสบียงไว้เสียแต่ตอนนี้ต้องลำบากเป็นแน่” นางส่งยิ้มให้หวังหมิ่น “ทอผ้าออกมาแล้วก็ต้องขายผ้าให้ได้ด้วย”
นั้นคือจุดเริ่มต้นของผ้าหลายพับที่กองอยู่ตรงหน้า หลินอวี้เจินออกไปดูบ้านคนเหล่านั้นเองไม่ได้ ด้วยท่านลุงใหญ่ยังเกรงว่าสุขภาพนางยังไม่แข็งแรงเต็มที่ นางจึงให้หวังหมิ่นไปซื้อผ้ามาก่อน เพื่อให้พวกเขาได้มีเงินซื้อข้าวสารกินกัน รออีกสองสามวันให้ท่านลุงใหญ่ไว้ใจนาง นางจะออกไปดูด้วยตนเอง
หลินอวี้เจินถอนหายใจแผ่วเบา นางจะรับซื้อผ้าของพวกเขานั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ หากมันไม่ได้มีแค่ผ้าชุดนี้เท่านั้น หากนางจัดหาฝ้ายให้คนเหล่านั้นทอฝ้าย ย่อมหมายความว่านางต้องเป็นคนรับซื้อและหาหนทางขายต่อ และหากต้องการขายให้ได้กำไรเพิ่มก็ควรแปรรูปผ้าเหล่านี้ และหากนางอยากช่วยผู้อพยพเหล่านั้น คนที่ทอผ้าไม่เป็นก็มี นางควรหางานให้พวกเขาได้ทำ