บทที่ 62 : เสียงแตรแห่งเสรีภาพ
ตกกลางคืน
ถึงเวลาแล้วที่วิลเลียมจะอาบน้ำและนอนบนเตียงอย่างสบายใจ
เขาเริ่มนึกถึงความทรงจำของเขา
อิสระเสรีภาพ
ไม่ว่าจะโลกไหนหรือยุคสมัยใดก็มักจะมีคนออกมาเรียกร้องอิสระภาพ พวกเขาใช้สิ่งนี้เพื่อต่อต้านสังคมที่พวกเขาอยู่…
พวกเขารู้สึกว่าชีวิตของตนในเวลานั้นไม่ยุติธรรมเมื่อเทียบกับคนอื่น
พวกเขารู้สึกว่าชีวิตแบบนั้นไม่ควรมีอยู่และควรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ทุกคนควรเท่าเทียมกันและพวกชนชั้นสูงไม่ควรดำรงอยู่เสียด้วยซ้ำ
ในเวอร์ชัน 1.0 โกธี นาซิสได้ออกมาเรียกร้องเสรีภาพ เขาไม่ได้มีเพียงทักษะในการพูดที่สามารถล้างสมองผู้คนได้เท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่ทรงพลังมากที่สุดในเวอร์ชันนี้อีกด้วย
อาณาจักรเหล็กและอาณาจักรลาวาดำ เช่นเดียวกับเมืองเล็กๆตามแนวชายแดนที่เป็นของเบื้องสูงนั้นต่างก็ตกต่ำและถูกทำลายภายใต้แผนการของเขาทั้งสิ้น ในที่สุด เขาก็กลายเป็นผู้ควบคุมพื้นที่แถบนั้น หากกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมก็จะได้ว่า เขาเป็นตัวละครหลักของเวอร์ 1.0 นั่นเอง
ราชาของอาณาจักรเหล็กเป็นได้เพียงหุ่นเชิดของเขา ภายใต้การควบคุมของเขา ขุนนางในอาณาจักรเหล็กต่างประสบเหตุการณ์ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อำนาจของเหล่าขุนนางต่างอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ขุนนางภายใน, แม่ทัพ และเจ้าหน้าที่ประจำหัวเมืองต่างๆได้โผล่ขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว พวกเขาแสร้งทำตัวเป็นผู้มีอำนาจและเปลี่ยนแปลงระบบไปไม่มากก็น้อย
แต่ว่า…
เมื่อชนชั้นสูงในอาณาจักรเหล็กล่มสลายไป และหลังจากนั้นอาณาจักรลาวาดำก็ถูกกำจัด เกิดอะไรขึ้นกัน? อิสระภาพนี้แสดงถึงอะไร?
อิสระภาพที่ไร้กฏเกณฑ์เช่นนี้ทำได้เพียงเปลี่ยนพลเมืองที่บ้าคลั่งให้เป็นทาสรับใช้อันธพานหัวรุนแรงเท่านั้นแหละ
ในเวอร์ชัน 1.0 ทวีปรีเจนดารีเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นผิดหวัง
พวกเขาปฏิรูประบบชนชั้นสูงเพื่อให้ได้รับอิสรภาพ พวกเขาได้ยกเลิกระบบทาสในอาณาจักรเหล็กและปลดชนชั้นของเหล่าขุนนาง เวลาไม่นาน พวกเขาก็ดึงดูดผู้เล่นมามากเกินไป
มันสามารถอธิบายได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะมันคือระบบของอิสระภาพ
ผู้เล่นเพิ่งเข้ามาในเกม พวกเขายังไม่คุ้นเคยกับระบบชนชั้นมากนัก พวกเขาจึงยินดีที่จะต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ผู้เล่นหลายคนที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมจึงกระจายผลประโยชน์ของเสรีภาพลงไปในฟอรั่ม
จากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของกองทัพผู้เล่นที่สามารถฟื้นคืนชีพได้นับไม่ถ้วน อาณาจักรเหล็กจึงสามารถเอาชนะอาณาจักรลาวาดำได้
แต่ชัยชนะในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เหล่าผู้เล่นรู้สึกยินดีเท่าไหร่นัก พวกเขาไม่คิดว่าระบบใหม่ที่มาแทนระบบเก่านั้นนั้นยอดเยี่ยม
แต่จิตใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจแทน
เมื่อระบบชนชั้นถูกยกเลิก ทาสและชาวเมืองที่ไม่มีมาตรฐานก็เข้าไปในป่า พวกเขาทำตัวราวกับปีศาจและโหดร้าย พวกเขาตามล่าสังหารคนที่มีอำนาจมาก่อน
เด็กสาวจากครอบครัวชนชั้นสูงถูกเหยียบย่ำจนตายโดยคนนับไม่ถ้วน
หากย้อนกลับไปตอนนั้น อาณาจักรลาวาดำกลายเป็นนรกบนดิน มีทั้งการสังหารหมู่ การข่มขืน การปล้นฆ่า…
โดยเฉพาะคฤหาสน์ของเหล่าชนชั้นสูงที่เป็นที่หมายตาของพวกทาสทั้งหลาย ที่แห่งนั้นล้วนเต็มไปด้วยทาส และทุกที่ที่เหล่าทาสไป สิ่งที่ตามมากมักจะเป็นเสียงกรีดร้องที่น่าสงสารและความโศกเศร้าเสียใจ…
ไพร่ทาสจำนวนนับไม่ถ้วนพรั่งพรูขึ้นดั่งดอกเห็ด หญิงสาวต่างป้องกันชะตากรรมที่โหดร้ายด้วยการฆ่าตัวตาย
หากพวกเธอไม่ทำเช่นนั้น พวกเธอก็อาจจะถูกทรมานอีกครั้งและอีกครั้ง พวกเธออาจจะถูกจองจำเอาไว้
แม้กระทั่งหญิงสาวสวยบางคนที่ถูกทรมานจนตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีทาสที่ต่อแถวเพื่อทรมานพวกเธออยู่…
การกระทำเช่นนี้คืออะไร? แล้วใครเป็นกันที่เป็นฝ่ายผิด?
พวกเขาเป็นชาวเมืองที่ถูกบังคับมาโดยตลอดงั้นหรือ?
พวกเขาเป็นทาสที่ถูกกดขี่มาโดยตลอดงั้นหรือ?
ไม่ใช่ ตามหลักปฏิบัติของชนชั้นสูงในโลกใบนี้ ดูเหมือนว่าการปลดปล่อยพลเมืองและเหล่าทาสทั้งหลายจะไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไร
ข้อผิดพลาดเพียงข้อเดียวคือ โกธี นาซิส
เขาสามารถเลือกที่จะหยุดและปล่อยให้ขุนนางทั้งหลายนั้นจากไปอย่างสงบ!
แต่เขากลับไม่สนอะไรทั้งนั้น
เขารอให้เหล่าทาสและพลเมืองได้รับการปลดปล่อย
หลังจากที่ระบบชนชั้นสูงนั้นถูกทำลายลงโดยเหล่าทาสและพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ขุนนางภายในที่ทำหน้าที่บัญชาการกองทัพได้เข้าควบคุมกลุ่มผู้ประท้วง
ชาวเมืองก็ยังเป็นแค่ชาวเมือง
ระบบของทาสงั้นหรือ?
โกธีได้กล่าวว่ามันจะไม่มีอีกแล้ว แต่เขาได้เปลี่ยนเหล่าคนที่ข่มขืนและฆ่าขุนนางให้เป็นทาสโดยอ้างว่าพวกเขาก่ออาชญากรรม
นี่คืออิสระภาพที่แท้จริงและความเท่าเทียมงั้นหรือ?
ไม่ใช่
มันเป็นแผนง่ายๆที่จะทำให้เขามีอำนาจ เขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์โดยรวมและปลุกเปลวไฟแห่งสงครามให้ลุกโชนขึ้น
แต่ความจริงแล้ว ชาวเมืองพูดว่าอย่างไรกันแน่?
พวกเขาไม่ได้ออกเสียงด้วยซ้ำ
โกธีได้ล้มระบบชนชั้นและให้ ‘เสรีภาพ’ แก่พวกเขา แต่คนที่ก่ออาชญากรรมอย่างการข่มขืนและการลักขโมยนั้น พวกเขาก็ควรกลายเป็นทาส ถูกไหม?
ท้ายที่สุดแล้ว ตามกฏหมายที่พวกเขาใช้ ถ้าหากคนใดก่ออาชญากรรม คนนั้นก็ควรกลายเป็นทาส…
นั่นเป็นเรื่องดี ตราบใดที่ตัวพวกเขาเองไม่ได้กลายเป็นทาส…
อย่างน้อยมันก็ค่อนข้างแตกต่างจากระบบทาสระบบที่แล้วมา
แต่มีพลเมืองส่วนน้อยมากที่ตระหนักได้ว่าโกธีอนุญาตให้ทาสเหล่านี้ก่ออาชญากรรม
โกธีได้เข้าควบคุมและมีอำนาจสูงสุด ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่ติดตามมาตั้งแต่เริ่มแรกได้กลายเป็นขุนนางและผู้บัญชากองทัพ พวกเขาได้ก่อตั้งชนชั้นสูงรุ่นใหม่ อิสระเสรีภาพที่ได้มาเป็นเพียงในนามเท่านั้น…
ความเสมอภาคและเสรีภาพได้เปลี่ยนระบบชนชั้นสูงไปเป็นระบบอำนาจอย่างหนึ่งเท่านั้น ผู้คนไม่สามารถเท่าเทียมกันได้ และไม่อาจที่จะเป็นไปได้
“ระบบในปัจจุบันนั้นไม่ได้ดีมากนัก และชนชั้นสูงพวกนั้นไม่ได้มีเมตตามากเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะการมีอยู่ของระบบชนชั้น โลกใบนี้จึงสงบสุข มีผู้คนตายน้อยกว่าเหตุการณ์อื่นๆ”
“คุณต้องการเปลี่ยนระบบสังคมของทวีปนี้จริงหรือ?”
“มีกี่คนในทวีปรีเจนดารีที่ต้องตายจากการปฏิวัตินี้กัน?”
“นอกจากนี้ นี่คือโลกที่เคารพความแข็งแกร่ง...”
“ทำให้เกิดอิสระภาพไม่ได้หรอก แม้กระทั่งในศตวรรษที่ 23 บนโลกก็ตาม”
“อาจกล่าวได้ว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอิสระภาพเป็นลัทธิที่ชั่วร้าย” วิลเลียมแค่นหัวเราะ
หากใครสักคนต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบบ เขาต้องรอจนกว่าระบบจะถึงทางสิ้นสุดของมัน ระบบชนชั้นยังไม่ถึงจุดนั้น แล้วพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างไร?
มันดูเป็นไปไม่ได้
“ฉันแค่ต้องการรออย่างอดทนและดึงดูดผู้เล่นในฐานะลอร์ด ฉันเพียงต้องการพัฒนาไปอย่างช้าๆและต่อสู้กับอสูรขณะที่ชมสงครามระหว่างสองอาณาจักร แต่คุณได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตศีลธรรมของฉันเข้าให้แล้ว” วิลเลียมคิดในใจ จากนั้นเขาก็ผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้น เขามายังกระท่อมทำนายดวงชะตา
หาได้ยากที่จะได้เห็นว่ากระท่อมทำนายยังคงเปิดอยู่ในตอนบ่าย โมเสสกำลังลูบขนแมวดำของเขาขณะที่อุ้มมันไว้ในอ้อมแขน เขาใช้มือกางอุ้งเท้าของแมวออกก่อนจะจุ่มหน้าไปยังหน้าอกของแมวดำและสูดหายใจเข้าลึกๆ ความพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของเขา แต่แล้วก็เกิดรอยขีดข่วนขึ้น…
เหมียว!
แมวดำมองเห็นวิลเลียม มันดูเหมือนจะประหม่าและเขินอายขณะที่ร้องเหมียวออกมา
อย่างไรก็ตาม โมเสสไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักเขายังคงสูดกลิ่นของเจ้าแมวดำต่อไป เขาไม่ได้สนการมาถึงของท่านลอร์ดและไม่ได้ต้อนรับเสียด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดแล้ว วิลเลียมมาถึงนานพอควรและโมเสสก็ขี้เกียจเกินไปที่จะจัดการเขา
เหมียว…
เหมียว เหมียว…
เจ้าแมวดำเริ่มต่อสู้กลับ มันใช้ความพยายามและพลังงานไปมากโข และในที่สุดมันก็สามารถหลุดออกจากมือของโมเสสได้ มันกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะและจ้องมองโมเสส ก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความกรุ่นโกรธ
โมเสสเลียริมฝีปากของเขาเพื่อลิ้มรสที่ค้างอยู่ในคอ จากนั้นเขาก็ทำเพียงมองดูวิลเลียมเท่านั้น “ดูเหมือนว่าท่านลอร์ดจะทราบเกี่ยวโชคชะตาในเวลานี้?”
เห็นได้ชัดเจนว่าเขารับรู้ว่าวิลเลียมได้ก้าวเข้าสู่ผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง มันเร็วมาก แต่ความเร็วในการก้าวหน้าเช่นนี้เทียบไม่ได้กับโมเสสแม้แต่น้อย
เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
เขาเริ่มฝึกฝนเวทมนตร์ตอนอายุ 13 เขาใช้เวลาเพียงแปดปีในการฝึกฝนก่อนจะก้าวเข้าสู่ผู้วิเศษ (สถานะระดับอีปิค)
เขากลายเป็นผู้วิเศษด้วยอายุเพียง 21 ปี
ส่วนในปัจจุบัน
เขาอายุสามสิบหน่อยๆ ไม่ได้แตกต่างกับคนหนุ่มสาวมากนัก
หากเขาไม่ได้ถูกสาป ความเร็วในการก้าวหน้าของเขาคงไม่ล่าช้า และเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับรีเจนดารีที่แท้จริงภายในอายุ 25
วิลเลียมทำอะไรไม่ถูกและไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับอัตราการก้าวหน้านี้ได้…
มี NPC หลายคนที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารี อาจกล่าวได้ว่าสายเลือดระดับก็เหมือนกับสุนัข และสายเลือดระดับอีปิคก็สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
นี่เป็นแค่พรสวรรค์ตามธรรมชาติและไม่ได้แสดงถึงเลเวลของพวกเขา
NPC ส่วนใหญ่ที่มีสายเลือดระดับรีเจนดารีไม่มีโอกาสที่จะกลายเป็นรีระดับตำนาน คนมากมายต่างถอนตัวไปในช่วงต้นหรือช่วงกลาง แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นระดับตำนานได้ มันก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือหลายทศวรรษ
NPC ที่มีทั้งพรสวรรค์ที่พิเศษและสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วนั้นหาได้ยากยิ่ง
วิลเลียมสงสัยอยู่ตลอดว่าโมเสส โฮลีย์เวนนั้นมีความสามารถติดตัว ‘ผู้วิเศษศักดิ์สิทธิ์’ อยู่หรือไม่
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อนแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าโมเสสมีอะไรบางอย่าง
“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำนาย แต่เรามาเพื่อถามบางสิ่ง”
“งั้นก็เข้าเรื่องเลยสิ!”
“ท่านช่วยร่ายมนต์...”
โมเสสเงยหน้าขึ้นก่อนจะบิดมันอย่างช่วยไม่ได้ “อาวุธหรืออุปกรณ์กันล่ะ? เอาออกมาให้หมด!”
แปะ แปะ!
วิลเลียมปรบมือสองสามครั้งก่อนจะหันไปส่งเสียงผ่านประตู “เอาเข้ามา มาเร็วๆ เอาอุปกรณ์ของพวกเจ้าออกมาให้หมด”
เอลฟ์ทั้ง 500 ตนเดินผ่านประตูเข้ามาและปิดกั้นทางเข้ากระท่อมทำนายโชคชะตาเอาไว้อย่างมีความสุข พวกเขาถือชุดเกราะและอาวุธระดับเงินเอาไว้ในมือ ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ที่ครบครันเลยทีเดียว
ชุดอุปกรณ์ที่สมบูรณ์มีประมาณห้าถึงแปดอย่าง
องครักษ์เอลฟ์ภายใต้ปีกของวิลเลียมทั้งหมดอยู่ในระดับกลาง พวกเขาเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่อยากเปลี่ยนอุปกรณ์ของตนเองให้ไวที่สุด
ชุดอุปกรณ์คุณภาพระดับเงิน และมีแม้แต่คุณสมบัติที่เซ็ตเอาไว้
อาจกล่าวได้ว่า
ชุดเหล่านี้ล้วนทำมาจากเงินทองทั้งสิ้น!
หากวิลเลียมไม่ได้มีวัตถุดิบหายาก…
เขาก็ไม่สามารถเอามาทำเล่นเช่นนี้ได้
แต่เป็นเพราะว่าเขามีมิทริลและช่างตีเหล็กระดับสูง เขาจึงสามารถผลิตชุดด้วยแร่เงินจำนวนมากเช่นนี้ได้
โมเสสตกอยู่ในอาการงุนงง เขาไม่ได้ระวังวิลเลียมเอาไว้เลย
เขาเหมือนเป็นคนที่โง่เง่าเพราะเมื่อมองไปยังวิลเลียม เขาทำได้เพียงยกมือขึ้นและชี้ไปทางวิลเลียมเท่านั้น แต่เขาไม่สามารถหาคำพูดออกมาได้
“โมโม เรารู้ว่าท่านเก่งกาจเป็นที่สุด ในขณะที่ท่านทำท่าทางเช่นนั้นก็ร่ายมนต์ให้อุปกรณ์ของเราด้วยสิ” วิลเลียมหัวเราะคิกคัก ก่อนจะรับอุปกรณ์ระดับทองของเขามาจากทหารนายหนึ่ง แล้วยื่นให้โมเสส
โมเสสตกอยู่ในภวังค์เป็นเวลาสองวิ “ท่านเป็นใคร? แล้วข้าเป็นใคร? ข้าอยากนอนแล้ว ช่วยปิดประตูให้ด้วย ขอบคุณ”