บทที่ 4 โลกแห่งความฝัน
บทที่ 4 โลกแห่งความฝัน
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างอิจฉาริษยา กุนจวินนั้นคิดว่าการนอนหลับของกุนไท่นั้นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะพลัง ทั้งที่หลายคนต้องเสี่ยงชีวิต ต้องฝึกอย่างยากลำบากเพื่อบ่มเพาะพลังให้ก้าวหน้าขึ้น แต่เด็กหนุ่มทำเพียงแค่นอนหลับ พร้อมกับพลังเพิ่มขึ้นกว่าคนอื่นที่เขาลำบาก และฝึกหนักกว่า
พวกเขาเหล่านั้นคงคิดว่าเด็กหนุ่มเพิ่มพลังอย่างง่ายดาย แต่ความเป็นจริงแล้ว เขาต้องฝึกอย่างหนักในโลกแห่งความฝัน!
ปึง! ปึง!
เสียงจากร่างกายราวกับจะระเบิดออกดังระงมไปทั่ว เด็กหนุ่มผิวขาว นัยน์ตาสีน้ำเงินเฉกเช่นเดียวกับสีผม ใบหน้าอ่อนวัยที่มุ่งมั่นแต่กลับเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เด็กหนุ่มผู้นี้คือ กุนไท่
รอบตัวของกุนไท่นั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้ร่างกาย ส่วนภายในร่างกายกลับรู้สึกหนาวเย็นจนหายใจไม่ออก วิสัยทัศน์โดยรอบนั้นมีภูเขาเรียงรายกันอยู่อย่างสวยงาม
แต่รอบตัวของกุนไท่กลับมีสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัว พวกมันพยายามที่จะดูดพลังชีวิตของเด็กหนุ่มตลอดเวลา ห่างออกไปไม่ไกลมีศาลากลางน้ำแห่งหนึ่ง ข้างในศาลาแห่งนั้นมีชายชราสองคนที่กำลังนั่งมองเด็กหนุ่มที่กำลังฝึกอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
ชายชราทางซ้ายมือสวมใส่อาภรณ์สีดำ ส่วนทางขวาสวมใส่อาภรณ์สีแดง ใบหน้าของชายชราทั้งสองนั้นเหมือนกันแทบทุกอย่าง จะเรียกว่าฝาแฝดก็ยังได้
“กุนไท่ เจ้าฝึกแบบนั้นไม่ต้องพัก ความรู้สึกเสี่ยงตายแบบนี้นั้นเจ้าจะต้องสัมผัสมันให้มาก เพราะมันจะทำให้เจ้าสามารถดึงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ และอีกอย่างฝึกในนี้เจ้าจะฝึกได้เร็วกว่าภายนอก 2 เท่า เจ้าได้เปรียบคนอื่นมากนัก”
ชายชราอาภรณ์ดำกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ในโลกแห่งความฝันนี้นั้นจะฝึกได้รวดเร็วกว่าภายนอก แต่ก็มีข้อเสียคือ จะทำให้กายหยาบที่อยู่ข้างนอกนั้นเสื่อมโทรมได้ ร่างกายจะผอมแห้ง และมีอาการของคนที่เหมือนคนง่วงตลอดเวลา
ในโลกแห่งนี้นั้นมีสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวกำลังรายล้อมอยู่ ถึงจะมีชายชราสองคนคอยเฝ้ามองอยู่ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแค่มองดู พูดคุย และสั่งสอนกุนไท่เท่านั้น
“ใช่แล้ว อีกแค่เพียงเล็กน้อยพลังของเจ้าจะไปถึงระดับพลังมนุษย์ ขั้น 6 แล้ว เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าจะต้องไปต่อสู้กับสัตว์อสูรที่มีระดับพลังเทียบเท่ากับเจ้าถึงสิบตัว ทุกครั้งที่เจ้าทำการเลื่อนขั้น เจ้าจะต้องทำแบบนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง!”
ชายชราอาภรณ์สีแดงกล่าวเสริมอย่างเยือกเย็น แต่ผู้ที่ฟังจะรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ชายชราผู้นี้ให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงมาเกินไป
กุนไท่ตอบรับคำด้วยความเคารพ เนื่องจากชายชราทั้งสองเป็นคนฝึกให้เขาตั้งแต่จำความได้ ทำให้ความสัมพันธ์เสมือนศิษย์กับอาจารย์
หลังจากผ่านไปไม่นานเด็กหนุ่มก็หยุดฝึกฝน แล้วหันไปหาชายชราทั้งสองพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า
“ผู้อาวุโส ตอนนี้ก็ครบหนึ่งเดือนแล้ว ข้าจำเป็นต้องตื่นไปพบหน้าบิดาแล้ว”
“ตามใจเจ้าเถอะ”
ชายชราตอบรับคำอย่างว่าง่าย
กุนไท่ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมองไปโดยรอบ แล้วยืดเส้นยืดสาย ภายห้องนั้นมีแต่ของมีมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นแจกัน โต๊ะ เก้าอี้ หรือภาพวาดที่แสดงให้เห็นของที่ล้ำค่า
หลังจากออกจากห้องนอน เด็กหนุ่มเดินไปหาบิดาของตนทันทีที่ตำหนักเจ้าสำนัก เมื่อทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูเห็นกุนไท่เดินเข้ามา พวกเขาไม่ได้ขวางแต่อย่างใด แต่กลับทำความเคารพ และปล่อยผ่านให้เข้าไปข้างในอย่างง่ายดาย
“ท่านพ่อ!”
กุนไท่คำนับบิดาของตนที่กำลังอ่านตำราอยู่ภายในห้องที่หรูหรา
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?
กุนจวินปิดตำราพลางกล่าวถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอันหาได้ยาก
“ใช่แล้วท่านพ่อ ลูกตื่นมาก็รีบมาหาท่าน เผื่อท่านจะมีสิ่งใดที่ต้องการให้ลูกทำ เนื่องจากหลับไปเป็นเวลานาน”
เด็กหนุ่มตอบกลับไปด้วยดวงตาสะลึมสะลือ กุนจวินไม่แปลกใจแต่อย่างใด เมื่อเห็นตาของเด็กหนุ่มเป็นอย่างนั้นเขาคุ้นชินแล้ว ทุกคนในสำนักถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“ฮา ฮ่า ฮ่า ไม่มีสิ่งใดให้เจ้าทำหรอก เมื่อไหร่เจ้าจะบอกเกี่ยวกับการนอนหลับของเจ้าเสียที”
เจ้าสำนักกุนจวินตอบกลับ
“ข้ายังบอกท่านพ่อตอนนี้ไม่ได้ แต่ไม่มีผลเสียต่อข้าอย่างแน่นอน”
กุนไท่ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกผิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกแต่ชายชราทั้งสองในโลกแห่งความฝันของเขานั้น ห้ามไม่ให้บอกใครทั้งนั้น แม้จะเป็นบิดาของเขาก็ตาม เพราะนี่ถือเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้
เมื่อได้ยินคำตอบของบุตรชาย กุนจวินก็ไม่เอ่ยถามอะไรต่ออีก เขาคิดว่าเป็นความลับของกุนไท่ และเชื่อว่ามันเป็นประโยชน์ต่อบุตรชายของเขาเป็นอย่างมาก เพราะอายุเพียงแค่สิบสองขวบปี ก็มีระดับพลังมนุษย์ ขั้น 5 ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดมากแล้ว
อัจฉริยะที่เขาเจอ อายุ 12 นั้น แค่ระดับพลังมนุษย์ ขั้น 2-3 เท่านั้น และที่สำคัญบุตรของเขาไม่สามารถใช้จำพวกโอสถในการบ่มเพาะได้ การบ่มเพาะของเด็กหนุ่มนั้นอาศัยเพียงแค่การนอนหลับเท่านั้น
หลังจากที่กุนไท่พูดคุยกับกุนจวินเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกจากตำหนักเพื่อไปเดินเล่นภายในสำนัก ระหว่างทางนั้นก็พบเจอกับศิษย์ของสำนักลิขิตสวรรค์มากมาย เมื่อเหล่าศิษย์เห็นกุนไท่ก็ต่างรีบเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม เด็กหนุ่มก็ยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท
หลังจากกุนไท่กลับที่ตำหนักแล้ว ก็นอนหลับต่อเพื่อเข้าไปฝึกในโลกแห่งความฝันของเขา เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาก็เห็นโลกอีกใบหนึ่งที่คุ้นเคย และชายชราทั้งสองนั่งพูดคุยกันอยู่ในศาลา