ตอนที่แล้วบทที่ 8 อย่าคิดมากไปเลย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 จะอยู่ตรงนี้เสมอ

บทที่ 9 ไม่มีโอกาสอีกแล้ว


บทที่ 9 ไม่มีโอกาสอีกแล้ว

ตั้งแต่ที่ซิงเฉิงไม่มีอะไรจะทำ ชายหนุ่มเลยเดินสำรวจของตกแต่งในบริษัทไปเรื่อย ตาแก่คนนี้ชื่อเสียงไม่ค่อยที่จะดีเท่าไหร่ ชายวัยกลางคงนั่นหมดเงินไปกับการจ้างวานคนมาช่วยดูฮวงจุ้ยในบริษัทไปเยอะเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามตาแก่นี่ยังคงให้อารมณ์แบบเศรษฐีใหม่ ซึ่งสังเกตได้จากการตกแต่งที่ยิ่งใหญ่และสิ้นเปลือง ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วน่าจะทำเงินได้ไม่มากเท่าไหร่ในช่วงปีที่ผ่านมา

"โอ้ว เพื่อนตัวน้อย ๆ ของฉัน! ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ เป็นนายจริง ๆ ด้วย!" ชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นมาพร้อมเสียงตะโกน ผมของเขาถูกหวีเรียบ ตัวสูงไม่มากแต่หนักถึง 220 ปอนด์ ใบหน้าและหูของเขาเต็มไปด้วยความสมบูรณ์

นี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายต้อนรับทั้งสองคนเห็นเจ้านายใหญ่ของพวกเธอทำตัวแบบนี้ พวกเธออยากจะหัวเราะ แต่ก็ไม่กล้าทำเพราะกลัวว่าหัวหน้าจะไล่พวกเธอออก

ซิงเฉิงมองชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม เมื่อชายผู้นั้นเดินเข้ามาหาซิงเฉิง เขาก็ทำท่าที่จะกอดชายหนุ่มเป็นการทักทาย ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ซิงเฉิงนึกไปถึงภาพที่ชวนสะอิดสะเอียนจนอยากที่จะคายมื้ออาหารที่กินมาเมื่อคืนเลยทีเดียว ดังนั้นชายหนุ่มจึงยื่นมือออกมาห้ามอีกฝ่าย “หยุดนะ จิ้งจอกเฒ่า ผมรู้ว่าคุณดีใจที่ได้เจอผม แต่กรุณาใจเย็น ๆ ลงหน่อย”

"ไอ้หนู ก็แกเล่นหายไปนานมากเลยนี่หว่า กว่าที่จะกลับมาให้เจอหน้าอีกรอบ ฉันนึกว่าแกไปตายอยู่ที่ไหนแล้วซะอีก!" ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเสียงดัง

ซิงเฉิงกลอกตาของเขา จะพูดอะไรดี ๆ บ้างได้ไหม? นี่แช่งกันงั้นเหรอ? ถ้าฉันจะตาย คนแบบนายน่าจะตายก่อนฉันอีกนะ!

"มีอะไรจะถามฉันใช่ไหมถึงมาตั้งแต่หัววันแบบนี้? เข้ามา ๆ มาคุยกันข้างในดีกว่า!" ชายคนนั้นพูดแล้วก็ดึงซิงเฉิงเข้าไปด้านใน

ซิงเฉิงตอบพร้อมรอยยิ้ม "พนักงานต้อนรับทั้งสองคนสวยดีนะ!"

“จะให้แนะนำทั้ง 2 สาวให้รู้จักไหมล่ะ”

ซิงเฉิงส่ายหน้า "ไม่เอา ผมไม่ขอรับน้ำใจของคุณก็แล้วกัน"

“ไปไกล ๆ เลยไป๊!”

ชายวัยกลางคนผู้นี้ เขามีชื่อว่าเจียเซียนเป่า ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าเป็นหลัก แต่ในเวลาเดียวกันเจียเซียนเป่าก็เป็นนายหน้าที่มีอำนาจมาก ช่วยปีแรก ๆ เขาใช้ประโยคจากธุรกิจใต้ดินอย่างการปล้นสุสานหรือการนำเข้าวัตถุโบราณต่าง ๆ แต่ต่อมาเขาก็เลิกธุรกิจดังกล่าวและสร้างเครือข่ายส่วนตัวด้วยเงินที่มี ชายร่างอ้วนคนนี้ได้พบเข้ากับผู้สนับสนุนสองคนและประสบกับความล้มเหลวหลายครั้ง ซึ่งบางครั้งก็ถึงกับหมดตัวก็มี แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้รับชีวิตที่มั่นคงแล้ว

ผู้สนับสนุนหนึ่งในนั้นก็คือปู่ของซิงเฉิงเอง ในปีนั้น เจียเซียนเป่าสูญเสียทุกอย่าง เขาได้ไปที่เขาซงนานเพื่อหาที่ปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาของเขา ก่อนจะได้พบเข้ากับปู่ของซิงเฉิง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใช่คนเลวและทำดีมาไม่มากก็น้อย ชายชราจึงได้แนะนำให้เขารู้จักกับลัทธิเต๋าอย่างสำนักเหลากวนซึ่งช่วยให้เขารอดจากวิกฤติและเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้ในที่สุด

เมื่อซิงเฉิงเดินทางมาเรียนที่เซี่ยงไฮ้ เขาก็ได้เจียเซียนเป่านี่แหละที่คอยช่วยเหลือ ซึ่งนั้นก็ทำให้ทั้ง 2 สนิทกันเป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะปู่ของซิงเฉิงสั่งให้เขาทำอะไรบางอย่าง นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเจียเซียนเป่าอีกเลย

ออฟฟิสของเจียเซียนเป่าดูหรูหราและยิ่งใหญ่ ภายในห้องนั้นมีหน้าต่างบานยักษ์ที่ใหญ่เสียจนสามารถเห็นย่านการค้าผู่ตงได้ทั้งหมด ภายในสำนักงานเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์สีม่วง ชายคนนี้ช่างไม่มีรสนิยมที่ดีเช่นเคย ด้านหลังโต๊ะมีชั้นหนังสือเรียงอัดกันอยู่แน่น มันเต็มไปด้วยบันทึกประวัติศาสตร์จีนคลาสสิกและชีวประวัติของผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก อย่างไรก็ตามหนังสือเหล่านี้เป็นเพียงของตกแต่ง เจ้าจิ้งจอกเฒ่านี้อาจไม่ได้อ่านมันเลยแม้แต่น้อย.

“เสี่ยวลี่ ขอชาผู่เอ้อที่ดีที่สุดจากต่งซิงหาว” เจียเซียนเป่าร้องสั่งให้เลขาหญิงเตรียมน้ำชา เลขาหญิงคนนี้ เธอหน้าตาน่ารักยิ่งกว่าสองคนที่แผนกต้อนรับเสียอีก เวลาเธอเดิน ก้นของหญิงสาวก็จะบิดไปมาตามการเคลื่อนไหว เจียเซียนเป่าไม่ได้เห็นแก่ซิงเฉิงที่นั่งอยู่ด้วยเลย ชายวัยกลางคนตบอย่างแรงเข้าที่ก้นของเลขาหญิงในขณะที่เธอตอบโต้ด้วยการทำหน้ามุ่ยใส่

ซิงเฉิงรู้ว่าชายผู้นี้ยังมีความต้องการทางเพศกับผู้หญิงอยู่มาก ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังไม่ได้แต่งงานหรือมีลูก เขาบอกว่าเขาทำสิ่งเลวร้ายมามาก และไม่ต้องการให้มีผลกระทบกับภรรยาหรือลูกของเขา ดังนั้นเขาจึงยังคงโสดอยู่จนถึงตอนนี้

“เอาหล่ะเล่ามาสิว่าทำไมถึงกลับมาที่เซี่ยงไฮ้? และทำไมถึงมาหาเศรษฐีแบบฉันกันละ?” เจียเซียนเป่าไม่เคยปฎิบัติกับซิงเฉิงเหมือนกับคนธรรมดา ชายผู้นี้ได้พบกับผู้คนมามากมาย แต่ครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับซิงเฉิง เขาก็รู้สึกได้เลยทันทีว่าเด็กคนนี่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ นอกจากนั้นเด็กคนนี้เองก็ยังมีชายชราอยู่ข้างหลังเขา ดังนั้นเจียเซียนเป่าจึงไม่กล้าที่จะประเมินชายหนุ่มตรงหน้าต่ำไป

“ผมพึ่งกลับมาได้แค่สองสามวัน แล้วก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วดังนั้นก็เลยแวะมาหา กะว่าจะมาฝากท้องกินด้วยซักสองสามมื้อ” ซิงเฉิงกลั้วหัวเราะ

“ขอโทษทีนะ ฉันไม่มีอะไรนอกจากเงิน ฉันไม่สามารถนำเงินเหล่านี้ไปกับฉันได้หลังจากที่ตายไปแล้ว ลูกที่จะได้รับมรดกฉันก็ไม่มี ดังนั้นฉันจึงต้องใช้เงิน อย่างอื่นฉันไม่มีหรอก” เจียเซียนเป่าจุดบุหรี่และหัวเราะเสียงดัง วิถีการดำเนินชีวิตและทัศนคติของเขาเปิดกว้างอย่างมาก ชายผู้นี้เคยเห็นทุกอย่างมาหมดแล้ว

"แต่ถ้ายิมเรียกฉันว่าพ่อล่ะก็ บางทีฉันอาจจะรับไว้พิจารณาก็ได้นะ?" ดวงตาของเจียเซียนเป่าวาววับในระหว่างที่ถาม

ซิงเฉิงเงียบไปซักพักก่อนที่จะตอบ "ฮ่าฮ่าฮ่า คิดว่าจะทำให้ผมยอมลงให้อย่างนั้นเหรอ? อย่าหวังเลยครับ!”

เมื่อพิจารณาถึงการปฏิเสธของซิงเฉิง เจียเซียนเป่าก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมาย เขาเพียงแค่แสดงออกอย่างเศร้า ๆ แน่นอนว่าชายวัยกลางคนไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะเรียกเขาว่าพ่ออยู่แล้ว

"แล้วตาเฒ่านั่นเป็นไงบ้างล่ะ? ฉันไม่ได้เห็นเขามาตั้งหลายปีแล้ว เพราะว่าเขาไม่ยอมให้ฉันไปเยี่ยม" เจียเซียนเป่าถอนหายใจ ชายร่างอ้วนเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

ซิงเฉิงผิดหวังเล็กน้อยก่อนที่จะพูดอย่างช้า ๆ “เขาเสียไป 2 ปีแล้ว!”

เจียเซียนเป่าตกใจไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เขาจ้องซิงเฉิงอย่างนิ่ง ๆ บุหรี่ในมือของเขาเกือบจะดับแล้ว ชายร่างอ้วนสั่นเทาเล็กน้อยและถามว่า “เธอว่าเขาเสียอย่างนั้นเหรอ?”

ซิงเฉิงพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ชายหนุ่มโตมากับปู่ของเขาและได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากคำพูดของปู่ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดี ทุกอย่างเมื่อถึงวาระแล้ว มันก็ย่อมจะตายไม่ช้าก็เร็ว

"ถ้าตาเฒ่าตายไปแล้ว แล้วนายจะเอายังไงต่อ?" เจียเซียนเป่าเป็นหนี้บุญคุณชายชราหลังจากทั้งหมด ดังนั้นเขากจึงต้องการใช้มันคืนให้กับซิงเฉิง

"ผมจะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ มันอาจเป็นการรบกวนกันมากเกินไป แต่ผมอยากให้คุณช่วยจัดการปัญหานี้เพราะว่ามันจำเป็นจริง ๆ" ซิงเฉิงพูดทีเล่นทีจริง

เจียเซียนเป่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ “อย่าทำเป็นสุภาพนักเลย มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะช่วยแกอยู่แล้ว งั้นเอาอย่างนี้ มาทำงานกับฉันซะเลยไหมล่ะ? จะให้มาเป็นผู้บริหารทั่วไป แล้วจะแนะนำสาว ๆ น่ารัก ๆ ให้ด้วย ฉันจะไม่ทำให้ตาเฒ่าผิดหวังอย่างแน่นอน”

หลงัจากที่เลขขาเสิร์ฟชา ซิงเฉิงหยิบถ้วยชาขึ้นมาดมกลิ่น มันหอมน่าปะทับใจก็จริง แต่น่าเสียดายที่คนชงมือไม่ถึงเท่าไหร่ นี่จึงทำให้ชาด่างพร้อยเล็กน้อย

"เคยได้ยินเรื่องของชาโบราณจากต่งซิงหาวมาบ้าง มูลค่าของมันน่าจะหลายพันไม่ก็หลายล้าน น่าประทับใจซะจริง ๆ" ซิงเฉิงจงใจเปลี่ยนหัวข้อ

เจียเซียนเป่าทุบโต๊ะก่อนตวาดออกมา "ไอ้เด็กนี่ ฉันคุยกับแกอยู่นะ"

“ไม่เป็นไรขอบคุณ ผมกลัวว่าบริษัทจะด่างพร้อยเพราะผม นอกจากนี้ผมเองก็มีงานอีกอย่างที่ต้องทำอยู่แล้ว แบบนั้นมันคงจะดีกว่าอยู่ที่นี่กับคุณ” ซิงเฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา

"งานอะไร? บอกมา!"

"ปกป้องลูกสาวเจ้าพ่อ เธอคนนั้นเป็นโฉมงามด้วยนะ!"

“เจ้าพ่อ? บอกได้ไหมว่าเป็นใคร ถ้าเป็นคนที่ฉันรู้จักฉันอาจที่จะช่วยแกได้” เจียเสียนปางถามอย่างสงสัย

“ชื่อของเขาคือหาน เกาผิง” ซิงเฉิงพูดอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะจ้องไปทางเจียเซียนเป่า

แน่นอนว่าหลังจากที่เจียเซียนเป่าได้ยินชื่อนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนในทันที นัยตาของชายวัยกลางคนส่อแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เขาทิ้งรอยยิ้มแล้วพูดอย่างสง่าผ่าเผย "ซิงเฉิง แกมาที่นี่เพื่อเรื่องนี้ใช่ไหม?"

เจียเสียนปางเจ้าเล่ห์มาก คนคนนี้ถือได้ว่าเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ซิงเฉิงยังถือว่าด้อยประสบการณ์มากถ้าเทียบกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ว่าซิงเฉิงเป็นคนยังไง ดังนั้นมันจึงไม่ง่ายเลยที่ชายหนุ่มจะรับมือกับเขาได้

ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างเปิดเผยแล้ว ซิงเฉิงก็ไม่ปิดเรื่องทุกอย่างอีกต่อไป "ผมติดหนี้เขาอยู่ เลยต้องช่วยปกป้องลูกสาวของเขา"

"ซิงเฉิงอยู่ให้ห่างจากหาน เกาผิงซะ ครั้งนี้ชายคนนั้นเจอเข้ากับก้างชิ้นโตเข้าให้แล้ว เขาประมาทเกินไป ถ้าเกิดว่ามีคนต้องการที่จะจัดการเขาจริง ๆ เขาจะต้องเจอเข้ากับหายนะแน่ ๆ เพราะงั้นอย่าสร้างปัญหาให้ตัวเองเลย" เจียเซียนเป่าพูดอย่างจริงใจ

ซิงเฉิงกระดกชาจนหมดถ้วยก่อนที่จะตอบ "ก็อาจจะใช่นะ จิ้งจอกเฒ่า แต่ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าเขากำลังเจอกับใครหรืออะไรอยู่เท่านั้น?"

เจียเซียนเป่าครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะตอบกลับ “มันเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่ในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีมานานหลายปีแล้ว เขาคนนั้นมีอำนาจมากในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมันก็บังเอิญว่าหาน เกาผิงดันเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เป็นเพราะเรื่องนั้นจึงทำให้คนผู้นั้นคิดที่จะจัดการกับหาน เกาผิง ถ้าแกสนใจ อยากจะรู้เรื่องพวกนี้มากกว่านี้ละก็ งั้นก็ให้ไปถามท่านอวู๋ที่ 3 เอา แต่ฉันแนะนำให้แกอยู่ห่างจากเขาโดยเร็วที่สุด”

"คิดว่าผมจะทำได้อย่างนั้นเหรอ?" ซิงเฉิงหัวเราะออกมา

เจียเซียนเป่าถอนหายใจอย่างหมดหนทางก่อนจะพูดต่อ "ลืมมันไปเถอะ เด็กเวรอย่างแกนี่จริง ๆ เล๊ย ฉันเองก็พอที่จะรู้จักกับมันอยู่บ้างน่ะนะ ถ้าเกิดว่าเจอปัญหาล่ะก็ ลองอ้างชื่อของฉันออกไป มันอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง"

เมื่อได้ยินอย่างนั้น มันก็ทำให้ซิงเฉิงมีความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นชายหนุ่มจึงถามต่อไป "เรื่องของหาน เกาผิงหมดหนทางแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ?"

เจียเซียนเป่าจุดบุหรี่อีกครั้งก่อนที่จะส่ายหัวแล้วพูดต่อ "ไม่มีคนหนุนหลังแบบนี้ ไม่มีโอกาสสำหรับเขาแล้วล่ะ"

“เข้าใจแล้ว!” ซิงเฉิงพูดด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

หลังจากคุยกันกว่าครึ่งวัน พวกเขาก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ ๆ เดิมทีเจียเซียนเป่าอยากที่จะเลี้ยงอาหารเย็นซิงเฉิง แต่ว่าชายหนุ่มปฎิเสธ และบอกว่าให้เอาไว้วันหลัง ชายร่างอ้วนรู้ดีว่าซิงเฉิงมีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้รั้งซิงเฉิงเอาไว้

หลังจากที่ซิงเฉิงกลับไป เจียเซียนเป่าก็กดโทรศัพท์ในทันที "พี่ใหญ่หวินช่วยฉันนัด ท่านอวู๋ที่ 3 ที ฉันมีสิ่งที่เขาน่าจะต้องสนใจสุด ๆ เลยละ"

เจียเซียนเป่าต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับซิงเฉิง ต่อหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แบบเขา ซิงเฉิงก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวกที่สามารถตายได้ทุกเมื่อ

สิ่งที่ทำให้เจียเซียนเป่ากังวลมากที่สุดก็คือการที่ซิงเฉิงขอให้เขาช่วยหาน เกาผิง ไม่ใช่ว่าชายร่างอ้วนไม่มีความสามารถ แต่เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้ตังหาก!

เมื่อซิงเฉิงกลับมาที่บริษัทของหานปิง มันก็เป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว จากอาการบาดเจ็บของเขาเมื่อคืน หานปิงจึงไม่ได้สร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเขาอีก หญิงสาวบอกให้ซิงเฉิงพักอยู่ในออฟฟิสของเธอ เพราะตอนนี้เธอมีประชุมติดพันอยู่

เพราะว่าชายหนุ่มไม่มีอะไรให้ทำ ดังนั้นซิงเฉิงจึงเปิดหนังสืออ่านอย่างว่าง่าย ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเรื่องของหาน เกาผิงที่มีต่อเขา ชายหนุ่มยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะช่วยหาน เกาผิงฝ่าวิกฤตตรงหน้าไปได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือปกป้องหานปิงให้ดีที่สุดเท่านั้น

หรือว่าเขาควรที่จะบอกหานปิง?

"นายฝันกลางวันอะไรอยู่?" หานปิงขำเมื่อเห็นซิงเฉิงเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้ามึน ๆ

ชายหนุ่มที่ได้สติ เขาก็หัวเราะหึ ๆ ออกมาก็จะพูดว่า "คิดเรื่องที่โฉมงามกำลังจะทำอะไรให้ฉันต่อจากนี้น่ะ"

“มันก็ขึ้นอยู่กับนาย ส่วนฉันจะเป็นคนออกเงินให้เอง” หานปิงอารมณ์ดีมาก หญิงสาวเม้มริมฝีปากและหัวเราะ “แต่ว่านายยังไม่ได้ทานยาของวันนี้ใช่ไหม? ฉันขอให้คนซื้อมาให้ มันอยู่บนโต๊ะแล้ว รีบกินซะ!”

ซิงเฉิงจ้องไปทางหานปิงด้วยสายตาที่ดูไม่เชื่อใจเท่าไหร่

"มีอะไรรึไง?"หานปิงถามด้วยความสงสัย

ซิงเฉิงยิ้มแหย ๆ "นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกไหมเนี่ย? อยู่ดี ๆ มาทำตัวเอาอกเอาใจแบบบนี้? ฉันไม่ชินกับมันเลย เป็นไปได้ไหมที่พอฉันช่วยคุณไว้ ดังนั้นคุณวางแผนที่จะตอบแทนฉันด้วยร่างกายของคุณ? "

“เมื่อฮีโร่ช่วยสาวงาม พวกเธอก็มันจะแต่งงานกับเขา ถ้าเขาคนนั้นดูดีฉันก็อาจจะคิดเกี่ยวกับมันบ้าง แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงทำแค่พูดขอบคุณเขาคนนั้น ซึ่งนายก็เป็นคนประเภทหลัง” หานปิงกลอกตา หญิงสาวเริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกครั้ง

ซิงเฉิงขบฟัน "เธอนี่น๊า!"

“สรุปนายจะกินยาไหมห๊ะ?” ใบหน้าของหานปิงเริ่มเปลี่ยนไปทันทีที่เธอพูด

ซิงเฉิงที่เห็นแบบนั้น เขาก็ได้แต่ตอบกลับด้วยท่าทางร่าเริง “เอาสิ!”

อย่างไรก็ตามดูท่าว่าเขาจะโดนล้อเลียนอีกฝ่ายมากเกินไปหน่อย..