บทที่ 61: ทรมาน
บทที่ 61: ทรมาน
เอาเป็นว่า สำหรับตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจปัญหาเรื่องการเข้าเมือง
ทันทีที่วิลเลียมพัฒนาได้สำเร็จ เขาก็นำอเล็กซ์กลับมาที่เมืองและจับตัวสายลับคนนั้น!
นักฆ่าเลเวล 62 นั้นไม่ได้เป็นที่รู้จัก อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่านักฆ่าคนนี้มาจากไหน และใครที่นักฆ่าคนนี้ทำงานให้ ดังนั้น มันจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับสายลับที่จะต้องซ่อนตัวอีกต่อไป
แต่เมื่อพวกเขาจากไป เงาหนึ่งก็โผล่ออกมาและเดินออกจากโพลงหญ้าช้าๆ โดยที่อเล็กซ์ไม่รู้ตัว
เงานั้นคือลอทเนอร์ เขาเพียงแค่ทดสอบว่าอเล็กซ์มีความจงรักภักดีมากพอหรือไม่
คืนนั้นพวกเขากลับมาที่เมืองแห่งรุ่งอรุณ ร่างทั้งร่างของวิลเลียมที่เต็มไปด้วยคราบเลือดทำให้ผู้พิทักษ์ตรงประตูเมืองซึ่งกำลังหย่อนสะพานลงมาด้วยความเร่งรีบต้องตกใจเมื่อประตูเมืองเปิดออก
จากนั้น ทั้งคู่ก็เข้ามาถึงที่พักส่วนตัวแห่งหนึ่ง
วิลเลียมเตะประตู คนที่อยู่ด้านในบ้านดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างและพยายามที่จะหลบหนีไปทางหน้าต่าง แต่วิลเลียมกลับยิงธนูไปที่โคนขาของเขา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากผู้บุกรุกก่อนที่เขาจะล้มลง
“ท่านลอร์ด ท่านต้องการให้ข้าสอบปากคำเขาหรือไม่?” อเล็กซ์ถามในขณะที่เดินอยู่ข้างเขา
วิลเลียมหรี่ตาของเขาลง เขาจับผมและลากสายลับคนนั้นออกจากบ้าน “ไม่จำเป็น เราจะทำเอง”
“ม-ไม่ ท่านลอร์ด ท่านลอร์ด ปล่อยข้าไป… อ๊าก ไม่…” เสียงโอดครวญอันน่าสังเวชของสายลับไม่มีผลต่อวิลเลียม สายลับคนนั้นกระเสือกกระสนที่จะหลุดหนีด้วยแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ แต่มันก็เปล่าประโยชน์
วิลเลียมจ้องไปที่สายลับตรงหน้าของเขา ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว เขากระชากกลุ่มผมติดมือออกมาพร้อมกับหนังศีรษะทำให้เลือดเริ่มหยดออกมา
ความเจ็บปวดนั้นมากกว่าอะไรที่สายลับคนนั้นจะจินตนาการได้ และเขาก็ไม่อาจกลั้นเสียงร้องโอดครวญออกมาได้
แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ในเมืองแห่งรุ่งอรุณนี้ ไม่มีใครที่จะมาช่วยเขาได้หรอก…
“พูด! ใครส่งเจ้ามา?”
“ท่านลอร์ด ท่านกำลังพูดถึงอะไร? ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากจะเป็นคนของที่นี่…”
กรอบ!
วิลเลียมเตะสายลับและหักขาขวาของเขา ตอนนี้กระดูกขาของเขาโผล่ทะลุออกมาสูดอากาศแล้ว แต่ก่อนที่สายลับจะได้กอดขาและร้องออกมา วิลเลียมก็จับกระดูกขาท่อนล่างและดึงมันออกมาอย่างเลือดเย็น
“อ๊าก! อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า อ๊าก!!!”
“ขา ข-ขาของข้า…” ดวงตาของสายลับเบิกกว้าง เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าเอลฟ์ตรงหน้าผู้ที่ร่างกายโชกไปด้วยเลือดจะเป็นลอร์ดที่แสนใจดีและมีเมตตาคนนั้นที่เขารู้มา
แล้วก็อีกอย่าง นี่มันเป็นการสอบปากคำประเภทไหนกัน?
เขาจำเป็นที่จะต้องโหดร้ายขนาดนี้ด้วยหรอ?
ในจังหวะที่เขาเห็นวิลเลียมเตะประตูออก เขาก็รู้ว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว แต่นี่มันเป็นการสอบปากคำประเภทไหนกัน? มันควรจะเริ่มด้วยความสุภาพก่อนที่จะโหดร้ายสิ ใช่มั้ย?
นี่ นี่มันไม่ได้อยู่ในสคริปต์…
วิลเลียมยกกระดูกขาขึ้น ชิ้นเนื้อสดบางส่วนยังคงเผยให้เห็น เขาย่อตัวลงตรงหน้าสายสืบช้าๆ เสียงของเขานั้นเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “พูด! เปิดปากเล่าทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมา ถ้าเจ้าไม่พูด เราจะทำให้เจ้าต้องกินเนื้อตัวเอง จากนั้น เราจะขังเจ้าไว้ในที่คุมขังจนกว่าเจ้าจะกินเนื้อของตัวเองจนหมดและตาย”
สายสืบเริ่มตัวสั่นและเย็นวาบไปถึงสันหลัง ในตอนนั้นเอง ที่เขาเชื่อว่าวิลเลียมจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
ปีศาจตรงหน้าเขาจะทำเรื่องป่าเถื่อนอย่างว่านั้นแน่นอน
ความใจดีและมีเมตตาในอดีตทั้งหมดนั้นเป็นแค่การแสดง
ไม่สงสัยเลยที่หัวหน้าของเขาต้องการสังหารวิลเลียม
ไม่สงสัยเลยที่หัวหน้าของเขารู้สึกว่าเอลฟ์ตนนี้เป็นอุปสรรคในการแสวงหาอิสระภาพของพวกเขา
ลอร์ดของเมืองแห่งรุ่งอรุณต้องตาย!
“ท่านหัวหน้าพูดถูก ถ้าพวกเราครอบครองเมืองแห่งรุ่งอรุณ ศัตรูจากพันธมิตรอิสระจะสามารถเคลื่อนไหวได้ตามสะดวก ข้อมูลที่ข้าส่งออกไปถูกต้องแล้ว เขาควรตาย” สายสืบคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาลืมว่ายังมีบอสระดับรีเจนดารีที่ความอดทนต่ำอยู่ตรงหน้าเขา
วิลเลียมโหดร้ายไปรึเปล่าหรอ?
ไม่เลย เขาแค่กลัวความตาย
ใครจะไปคิดว่านักท่องเที่ยวคนหนึ่งผู้มีความชื่นชอบในสิ่งที่เขากลัวจะกลัวโลกนี้หลังจากที่เขาได้เดินทางจริงๆ แล้ว?
ใครจะไปคิดว่าผู้เล่นคนหนึ่งที่สามารถเกิดใหม่ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งจะรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเขามีชีวิตเหลืออีกแค่ชีวิตเดียวในเกม
วิลเลียมกลัวขนาดไหน?
เขาต้องมีลอทเนอร์อยู่ที่ส้นรองเท้าตลอดเวลาไม่ว่าจะเมื่อไหร่และที่ไหน นี่รวมด้วยรึเปล่า?
อันที่จริงแล้วเขากลัวมากๆ!
เขากลัวตาย
มันก็แค่ว่าเขานั้นปกปิดความรู้สึกได้ดีก็เท่านั้น เขาแสดงบรรยากาศที่ใจดีและผ่อนคลาย และเขาก็ไม่ได้สนใจ
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่กลัวตาย
เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาหลีกเลี่ยงการติดต่อกับอาณาจักรมนุษย์ และข่มขู่ผู้คนมากมาย
แต่ก่อนที่เขาจะย้ายมาที่ร่างนี้ ใครบางคนก็ต้องการที่จะฆ่าเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง และจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลย…
ปีศาจในหัวใจของเขาได้ถูกทำให้ใหญ่ขึ้นอย่างไม่จำกัดตลอดเวลา เขาเก็บซ่อนความเกลียดชังขนาดมหึมาเอาไว้สำหรับคนที่ต้องการจะฆ่าเขา
เมื่อเขารู้ว่าใครคือคนๆนั้น เค้าเองก็มั่นใจว่าจะไม่มีใคร แม้แต่ครอบครัวและเพื่อนทุกคนในโลกนี้จะไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับคนๆนี้อีก แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น คนๆนี้ก็ต้องการจะฆ่าเขา
ดังนั้น
เขาก็จะไม่ลังเลที่จะใช้วิธีที่โหดร้ายทารุณที่สุดในการจัดการกับคนๆ นั้น หรือแม้แต่กับคนใต้บังคับบัญชาของเขา
วิลเลียมเหยียบลงบนขาที่หักอยู่ด้วยความโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ พรวด เลือดกระฉูดลงบนพื้น
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก อ๊าก..” ดวงตาของสายสืบกลายเป็นสีแดง และเส้นเลือดดำตรงคอของเขาก็ผุดขึ้นมา เขากำหมัดแน่นและมองไปที่วิลเลียมด้วยความโกรธเคือง แต่เขายังคงปิดปากแน่น
ขาที่หักของเขาถูกลดระดับกลายเป็นเนื้อเน่า แม้แต่กระดูกขาของเขาก็ถูกดึงออกมา แต่นี่แค่ทำให้ความเกลียดชังของเขาเพิ่มขึ้นเท่านั้น
สายสืบคนนั้นกำลังใช้ความเกลียดชังเพื่อตั้งมั่นต่อต้านการทรมานของวิลเลียม
แต่ในขณะที่ผู้เล่นมากประสบการณ์คนหนึ่งมีประสบการณ์กว่าสิบปีในการเล่นเกม ด้วยความสามารถในการทนทานความเจ็บปวดได้กว่า 50% วิลเลียมชินชากับการเห็นความตายและการทรมาน โดยเฉพาะรุ่นพี่ของเขาที่ชอบความสมจริงนี้ โลกที่อิสระ
เขาเคยเป็นตำนานมาแล้วครั้งหนึ่ง
เขายังคงเป็นตำนานอยู่
วิลเลียมหัวเราะอย่างผู้อยู่เหนือกว่า จากนั้น เขาก็ค่อยๆ ยืดมือยาวๆ ของเขาออกมา…
เสียงโอดครวญร้องขึ้นและเบาลง มันก็เป็นเหมือนจังหวะ ราวกับเสียงสะท้อนที่งดงามตลอดคืน
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียงอ้อนวอนขอความเมตตาดังกึกก้องไปทั่วระยะ 100 เมตร
อเล็กซ์กำลังยืนคุ้มกันอยู่ด้านนอก เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินเสียงโอดครวญเหล่านั้น เขาสามารถจินตนาการได้ถึงความหวาดกลัวที่มือสังหารรู้สึก คนในระแวกนั้นเองก็คงจะได้รับความกระทบกระเทือนในจิตใจเช่นกัน
โชคดีที่มีทหารยามหลายคนคอยตรวจตราพื้นที่อยู่ พลเมืองจึงสามารถรออยู่ในบ้านอย่างปลอดภัย เมื่อเหล่าทหารยามแจ้งให้พวกเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น มือสังหารที่พยายามจะฆ่าท่านลอร์ดของพวกเขาถูกจับตัวได้แล้ว
เหล่าพลเมืองเข้าใจและไม่ได้รู้สึกกลัวเสียงโอดครวญเหล่านั้น
ที่สุดแล้ว ท่านลอร์ดก็ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีเยี่ยมอย่างที่อาณาจักรมนุษย์อื่นๆ ทำไม่ได้ ถ้าหากว่ามีการพยายามลอบสังหารท่านลอร์ดผู้มีเมตตาของพวกเขาขึ้นจริง พวกเขาก็ไม่สนใจถ้าเจ้าคนชั่วนั่นจะถูกทรมานจนตาย
แต่พวกเขาคงไม่มีทางที่จะจินตนาการได้ว่าท่านลอร์ดนั้นเป็นคนที่ลงมือทรมานด้วยตัวเอง…
ดังนั้น
เหล่าพลเมืองจึงไม่ได้ใส่ใจและฟังเสียงร้องครวญครางไปตลอดทั้งคืน
วิลเลียมไม่ได้ถามต่อ
แม้ว่าสายสืบตรงหน้าจะยอมจำนน และต้องการที่จะเปิดปากพูด
เขาก็ไม่ต้องการที่จะทำการสอบปากคำต่อไป
ทุกความคับข้องใจเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่วิลเลียมสั่งสมไว้ตั้งแต่เขาย้ายเข้าร่างมานั้นถูกเขาระบายออกมาจนหมด การทรมานนั้นเลยเถิดไปถึงจุดที่ว่าไม่มีส่วนใดบนร่างของสายสืบที่ไม่ถูกทำร้าย ผิวของเขาถูกลอกออกและเส้นเอ็นทั้งหลายก็ถูกดึงออกมา!
ยามเช้ามาถึง
ประตูเปิดออกพร้อมวิลเลียมที่เดินออกมา
เมื่อทหารยามจำนวนหนึ่งเข้าไปทำความสะอาดศพและห้อง พวกเขาเห็นเศษเนื้อกระจายอยู่รอบบ้าน ศพหนึ่งนอนราบอยู่บนพื้นพร้อมกระดูกที่ทะลุออกมาจากร่าง พวกเขาอ้วกออกมาทันที และจากนั้นก็อ้วกออกมาอีกครั้ง…
“ใครคือทาสนั่น?” ลอทเนอร์ที่ยืนอยู่เคียงข้างวิลเลียมถามเบาๆ
วิลเลียมย่อตัวลงข้างแม่น้ำและทำความสะอาดใบหน้าของเขา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และถอนหายใจ “เขาเพียงแค่คอยจับตามองเราเท่านั้น และคอยส่งข้อมูลให้คนอื่นๆ”
“วิธีของท่านนั้นโหดร้ายเกิดไป มันไม่สมกับเป็นท่านเลย คนแข็งแกร่งไม่ควร—”
“ไม่” วิลเลียมพูดแทรกลอทเนอร์ “เมื่อคนที่อ่อนแอเลือกที่จะท้าทายคนที่แข็งแกร่ง พวกเขาควรจะเตรียมใจมาให้เรียบร้อย ถ้าพวกเขาต้องการฆ่าเรา ทำไมเราจึงควรปล่อยให้พวกเขาตายดีล่ะ? มันฟังไม่ขึ้นเลย พวกเขาไม่ควรไปเยือนนรกง่ายๆ โดยไร้ความทรมาน”
วิลเลียมยืนขึ้นช้าๆ และมองไปที่ลอทเนอร์ “ในตอนที่เราอ่อนแอ ศัตรูของเราปล่อยให้เรามีชีวิตรอดในขณะที่เราต้องสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว เราต้องฝืนอดทน ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม เราแกล้งทำเป็นว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวการลอบสังหารทั้งหลายก็ได้”
“แต่ในตอนที่เราได้รับอำนาจและพลัง การแก้แค้นของเราได้เริ่มขึ้นแล้ว”
ลอทเนอร์มีสีหน้าที่สับสน เขาไม่เคยคาดคิดว่าวิลเลียมจะเปลี่ยนไปมาขนาดนี้หลังจากที่กลับมาจากเมืองดาร์คไนท์
“ไม่สำคัญว่าจะยังไง ลอทเนอร์คนนี้จะเป็นผู้ดูแลเมืองให้ท่านเสมอ”
“ท่านลุง?”
“อ่า… ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าลุงหรอกท่านลอร์ด ตอนนี้ข้าต้องขอตัว ลาก่อน”