บทที่ 2 กำเนิดบุตร
บทที่ 2 กำเนิดบุตร
อุแว้ อุแว้!
เสียงเด็กทารกร้องดังขึ้นจากภายในห้อง เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของเจ้าสำนักกุนจวินแปรเปลี่ยนเป็นทั้งยินดีทั้งตื่นเต้น หมอหลิงกับผู้ช่วยเดินออกมาจากห้อง พร้อมกับสีหน้าที่ซีดเซียว และหวาดกลัว ในอ้อมแขนของเขานั้นมีเด็กทารกหน้าตาน่าชั่งกำลังหลับตา พลางส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเอ็นดูอยู่
“ท่านหมอหลิง! เป็นอย่างไรบ้าง แล้วเสียงเด็กเมื่อครู่นี้...คือบุตรของข้าใช่หรือไม่?”
กุนจวิน รีบกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นหมอหลิงอุ้มเด็กที่คาดว่าจะเป็นบุตรของตน
“ถูกแล้วท่านเจ้าสำนัก ยินดีด้วยท่านได้บุตรชาย เพียงแต่...ข้ามีบางอย่างจะบอกกล่าวต่อท่าน!”
หมอหลิงตอบกลับไปด้วยร่างกายที่สั่นเทา พลางส่งเด็กน้อยเข้าไปในอ้อมกอดของกุนจวิน
“โปรดพูดตามตรงอย่าได้อ้อมค้อม!”
เมื่อเห็นสีหน้าของหมอหลิงนั้น กุนจวินจึงกล่าวขึ้นด้วยความเคร่งขรึม
“ฮูหยินของท่าน...ได้เสียชีวิตในระหว่างตลอดบุตร เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ข้า..”
หมอหลิงตอบกลับด้วยความหวาดกลัว ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน เหงื่อเย็นไหลอาบทั่วทั้งตัวด้วยความกลัวสุดพรรณนา เขาเป็นเพียงหมอแต่กลับทำให้ฮูหยินของเจ้าสำนักต้องตาย เพราะความไร้ความสามารถของตน แล้วเขาจะมีจุดจบเช่นไรล่ะ? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องน่าอนาถแค่ไหน เจ้าสำนักกุนจวินคงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตต่อไปแน่!
เจ้าสำนักกุนจวินนั้นรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากลายเป็นน่าเกลียด ร่างกายสั่นไปด้วยความโกธร นัยน์ตาเป็นสีแดงพร้อมกับน้ำตาคลอ
ไม่!
ตูม!
พลังปราณมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากร่างของเจ้าสำนักกุนจวินอย่างเกรี้ยวกราด เส้นผมสีน้ำเงินสยายไปตามสายลมที่อยู่โดยรอบ แรงกดดันนี้ทำให้หมอหลิงแทบสิ้นสติ แต่เจ้าสำนักกุนจวินก็ปรับอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่านี้ไม่ใช่ความผิดของหมอหลิง เขาคาดว่าสาเหตุที่อีกฝ่ายเข้าไปในห้องนานสองนาน เป็นเพราะกำลังหาทางช่วยฮูหยินของเขาอยู่เป็นแน่ และเมื่อหาทางไม่ได้ก็ต้องทำให้บุตรของเขามีชีวิตรอดมาให้ได้ อีกอย่างหมอหลิงกล้าบอกความจริงกับเขาโดยไม่ได้แอบหนีไป
เมื่อเห็นว่าแรงกดดันมหาศาลจากพลังปราณสลายหายไป หมอหลิง และเหล่าผู้ช่วยก็รีบคุกเข่าพร้อมกับกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า
“เป็นความผิดของผู้น้อยเองที่มิอาจช่วยเหลือฮูหยินของท่านได้ เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ หากท่านเจ้าสำนักจะลงโทษข้า ข้าจะไม่กล่าวโทษท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ได้โปรดปล่อยผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังข้าด้วย พวกนางไม่มีส่วนผิดใดในเรื่องนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกุนจวินเริ่มใจเย็นลง เพราะหมอหลิงทำผิดแต่ก็ยอมรับ ไม่แก้ตัว หรือหาข้ออ้างแต่อย่างใด และที่สำคัญความผิดก็ไม่ใช่ของเขา รวมถึงยังช่วยพูดให้กับผู้ช่วยของเขาอีกด้วย บุคคลเช่นนี้เป็นที่น่านับถือนัก
ด้วยนิสัยของหมอหลิงทำให้กุนจวินชื่นชมอยู่ในใจ พร้อมกับถอดถอนหายใจ เพราะเมื่อฮูหยินเขาตายไปแล้ว การที่เสียใจไปก็มิใช่เรื่องดี กับการที่บุตรชายของเขาเกิดนั้น เขาควรจะยินดี อีกอย่างฮูหยินที่เสียชีวิตเพราะให้กำเนิดบุตรนั้น อาจจะเป็นเพราะว่านางได้ยอมสละชีวิตเพื่อบุตรของนางและตน
“หมอหลิง ก่อนหน้านี้ข้าเสียมารยาทกับท่านแล้ว มันมิใช่ความผิดของท่าน ท่านทำสุดความสามารถแล้ว นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ฟ้าลิขิต ข้าเชื่อในสิ่งที่สวรรค์ลิขิต!”
เจ้าสำนักกุนจวินหันหลังให้หมอหลิง และกล่าวในเชิงเข้าใจในชะตากรรมของตนเอง
หมอหลิงซาบซึ้งในคำพูด และความคิดของกุนจวินเป็นอย่างมาก เขารีบคำนับอีกครั้งพร้อมกับกล่าวขึ้นมา
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาก ท่านช่างน่าเลื่อมใสนักที่เข้าใจในฟ้าลิขิตของความเป็นความตาย และความถูกต้อง หากท่านต้องการสิ่งใด โปรดบอกข้าน้อย ข้าน้อยยินดีชดใช้บาปนี้ หากไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ข้าน้อยขอตัวลา”
หมอหลิงกล่าวจบก็ก้าวออกจากตำหนักพร้อมผู้ช่วยของเขา เห็นผู้คนมากมายหน้าตำหนักกำลังนอนหลับตรงพื้นมากมาย ตั้งแต่หน้าตำหนัก จนมาถึงตามทางเดิน หมอหลิงรีบเหาะขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับมองซ้ายขวา แล้วเขาก็ตกตะลึง คนทั้งสำนักหลับกันหมด แต่แล้วทำไมคนในตำหนักถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
เจ้าสำนักกุนจวินที่ไม่ได้รู้เรื่องภายนอก เมื่อหมอหลิงจากไปเขาก็มองไปที่บุตรชายของตนที่มีผมสีน้ำเงินเฉกเช่นเดียวกับเขา พลันเปลือกตาของทารกก็ลืมตาขึ้นทำให้นัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับ อัญมณีที่ล้ำค่าฉายแววไร้เดียงสา ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองมาที่บิดาของตน พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่ารัก
กุนจวินก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เด็กที่เพิ่งร่ำไห้เมื่อครู่เมื่อยามลืมตาขึ้นมาดูโลก แต่ตอนนี้กลับยิ้มออกมาอย่างน่าแปลก เมื่อนึกถึงตอนที่บุตรของเขาเติบใหญ่มาแล้วต้องรู้ว่ามารดาของเขาได้จากไปแล้ว จะทำให้เขามีปมในใจหรือไม่
ในใจของกุนจวินสัญญากับตนเองว่าจะเลี้ยงดูบุตรของเขาอย่างดี และจะทำให้บุตรของตนดีกว่าตนให้ได้ ส่วนเรื่องที่ฮูหยินของเขาให้กำเนิดบุตรแล้วเสียชีวิต จะให้บุตรของตนรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้เขาต้องโทษตัวเอง และการบ่มเพาะอาจจะเกิดปัญหาในอนาคต