MATOP ตอนที่ 10
ชาวบ้านหลายคนรีบปีนขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับไฟฉายเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น : ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ชื่อโรแลนด์กำลังนอนอยู่บนพื้นขณะที่ร่างกายของเขากำลังสว่างไสวท่ามกลางความมืดของต้นไม้ที่ไฟลุกท่วม ในสภาพเกือบจะตาย แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นกำลังยิ้มให้กับท้องฟ้า
ใบหน้าของเขาเป็นนั้นสีแดง และเปื้อนละอองสีดำ ๆ บาดแผลจำนวนมากอยู่บนใบหน้าของเขา ผมของเขาส่วนใหญ่นั้นถูกไฟไหม้ไปแล้ว
รอบ ๆ ตัวของชายหนุ่มมีเปลวไฟสีน้ำเงินจํานวนมากซึ่งยังคงลุกโชนอยู่แม้ว่ามันจะอยู่บนพื้นทรายก็ตาม
พวกชาวบ้านต่างรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้นั้นได้ช่วยชีวิตเด็กในเมืองไว้ 3 คน ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจจะไปเข้าไปช่วยเหลือ แต่ว่าฟอลเคนนั้นได้หยุดพวกเขาเอาไว้และพูดว่า “อย่าเข้าไปใกล้ เปลวไฟสีน้ำเงินนั้นเป็นเวทย์มนตร์และจะเผาไหม้ทุกสิ่งที่มันสัมผัส พวกนายจะถูกเผาให้เป็นเถ้าถ่านภายในสองนาทีถ้าพวกนายเหยียบมัน”
ฟอลเคนนั้นเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในเมืองเรดเมาน์เทน ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เคยสงสัยในคำพูดของเขา
นั่นทำให้พวกชาวบ้านนั้นไม่กล้าขยับเดินอีกต่อไป
ฟอลเคนโบกมือแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก กลับไปแล้วนอนพักผ่อนกันเถอะ ฉันจะขอความช่วยเหลือจากพวกนายเอง ถ้าหากว่าต้องการ”
ชาวบ้านต่างแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว ในฐานะคนทั่วไปพวกเขาหวาดกลัวต่อสิ่งต่าง ๆ เช่นเวทมนตร์หรือพวกผี ปีศาจ และพวกเขาจะมีความสุขที่ได้อยู่ห่าง ๆ จากพวกมัน
ในไม่ช้าฟอลเคนก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ในที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นมา
เมื่อมองไปที่เปลวไฟสีน้ำเงินที่กระจัดกระจาย เขาไม่ได้เร่งเดินเข้าไป แม้ว่าเขาจะเป็น Priest แต่เขาก็ไม่ประมาทเปลวไฟพวกนี้ ในสายตาของเขาเปลวไฟเหล่านี้สามารถที่จะเผาเขาให้เป็นจุลได้เช่นกัน
เขาเพ่งสายตาไปที่ชายหนุ่มที่ถูกไฟไหม้แต่ยังคงยิ้มอย่างมีความสุข เขาถอนหายใจออกมาอย่างอิจฉา ขณะที่ยืนรออย่างเงียบ ๆ เป็นเวลายี่สิบนาที จนกระทั่งเปลวไฟสีน้ำเงินสดใสพวกนั้นดับลงไป เพราะพลังของเวทมนตร์ที่หล่อเลี้ยงพวกมันนั้นหมดไปแล้ว
จากนั้นฟอลเคนก็เข้าไปใกล้โรแลนด์และ ร่ายคาถา Healing และความสามารถทางภาษาใส่เขา ต้นเสาแห่งแสงสว่างห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มและส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
“มันคุ้มค่าหรือเปล่า ?”
"คุ้มค่าครับ" คาถา Healing นั้นไม่ได้แสดงผลในทันที แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเร็วกว่าการฟื้นฟูตามธรรมชาติ ร่างกายของโรแลนด์นั้นบาดเจ็บและอ่อนแอ แต่เนื่องจากเขารู้สึกได้แค่ 1 ใน 10 ของความเจ็บปวด มันจึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากมายนัก และเมื่อได้ยินคำถามของฟอลเคนเขาก็ตอบโดยไม่ลังเลหรือบ่นอะไรเลย “การเปิดเผยจุดต่าง ๆ ของวงเวทมนตร์ให้ความรู้สึกเหมือนการเปิดกระโปรงเทพธิดาแห่งโชคชะตาขึ้นทีละนิด ทีละนิด มันช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ”
แค่ก...แค่ก ฟอลเคนไออย่างหนัก แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่ศรัทธาในเทพธิดาแห่งชีวิต แต่เขาก็ยังเคารพในเทพเจ้าอื่น ๆ คำพูดของโรแลนด์นั้นฟังเหมือนดูหมิ่นในทุก ๆ ทาง เขาจึงทำได้เพียงแค่แกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยินมัน
แต่แน่นอนถ้าโรแลนด์เปรียบเทียบประสบการณ์ของเขากับการเปิดกระโปรงของเทพธิดาแห่งชีวิต ฟอลเคนจะไม่ตอบสนองอย่างเงียบ ๆ แบบนี้แน่นอน
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมระเบิดกำแพงวิหารของคุณ” โรแลนด์ที่นอนอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมอง ฟอลเคน ไม่ใช่เพราะเขาชอบนอนมองคนอื่น แต่เพราะเขาอ่อนแอเกินกว่าจะกลับไปยืนได้ “ไว้ใจได้เลยว่าผมจะชดเชยความสูญเสียครั้งนี้ของคุณอย่างแน่นอน แม้ว่าผมจะยังไม่มีเงินมากพอในตอนนี้ก็ตาม”
“มันก็เป็นแค่กำแพง…และวิหารมันก็เก่ามากแล้ว แล้วฉันก็วางแผนไว้นานแล้วว่าจะซ่อมแซมมันอยู่แล้ว” ฟอลเคนหันกลับมามองกำแพงที่ถล่มพังลงมา ขณะที่เปลือกตาของเขากระตุกเล็กน้อย เขาไม่ได้เสียใจกับเรื่องกำแพง แต่แค่ตกใจกับพลังของคาถา เขาสามารถบอกได้เลยว่าวิหารของเขานั้นไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตีนั่น มันแค่พลาดโดนส่วนหนึ่งของพลังโดยบังเอิญเท่านั้น แต่กำแพงก็ยังพังทลายลงมา มันไม่ยากที่จะอนุมานได้ว่าตอนนี้คาถานั่นทรงพลังมากแค่ไหน
โรแลนด์เรียนรู้ที่จะควบคุมเวทย์มนตร์ได้ใน 2 ชั่วโมง วาดแบบจำลองวงเวทย์มนตร์ได้ในครึ่งวันและยังสามารถทำให้คาถาทรงพลังมากขึ้นโดยการจำลองรูปแบบของเวทย์มนตร์ได้ คำว่า “อัจฉริยะ” คงไม่เพียงพอที่จะอธิบายตัวเขาได้ ความรู้ของเขามันช่างไม่น่าเชื่อและเขาก็ยังคงเด็กมาก ๆ
โรแลนด์รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าฟอลเคนนั้นไม่ได้โกรธหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะฟอลเคนนั้นได้ช่วยเหลือเขาไว้มากมาย และถ้าเขาทำให้ฟอลเคนโกรธ มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าละอายใจอย่างมาก…โรแลนด์จึงคิดว่า เขาน่าจะหาที่ว่าง ๆ สำหรับการทดลองใช้เวทมนต์ในครั้งต่อ ๆ ไป
ฟอลเคนนั่งลงถัดจากโรแลนด์และพูดช้าๆ “ลูกชาย ร่างกายของนายนั้นคงยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเร็ว ๆ นี้ ทำไมเราไม่มาคุยกันต่อซักพักหนึ่งก่อนล่ะ”
“นั่นเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย” โรแลนด์เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เพราะการนอนราบนิ่ง ๆ กับพื้นนั้นน่าเบื่อเกินไป “เราจะพูดคุยเรื่องอะไรกันดี ?”
เมื่อมองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า ฟอลเคนก็พูดออกมาว่า “มาพูดถึงโลกของนายกันเถอะ”
โรแลนด์ลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตอบไปว่า “ผมบอกอะไรคุณไม่ได้มาก พวกเราได้ลงนามในข้อตกลงก่อนที่จะมาที่นี่ พวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับโลกของเรา”
ณ จุดนี้โรแลนด์รู้ว่าไม่ได้มีเพียงแต่ข้อตกลงเท่านั่น แต่ยังมีระบบการเซ็นเซอร์ชื่อของสิ่งของที่มีอยู่จริง ซึ่งจะถูกระบุและปิดบังเอาไว้ เช่นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นต้น
ฟอลเคนยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างน่าอายซะเหลือเกิน แต่ฉันนั้นอยากรู้เกี่ยวกับโลกของนายจริง ๆ นะ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันบอกนายเกี่ยวกับการผจญภัยของฉันเอง ตอนที่ฉันยังหนุ่มกว่านี้ดีไหม ?”
“ผมจะตั้งใจฟังเลย”
โรแลนด์ไม่ทราบสาเหตุที่ฟอลเคนตัดสินใจจะพูดถึงวัยหนุ่มของเขา แต่ตัวโรแลนด์นั้นค่อนข้างจะสนใจ เพราะส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันสามารถฆ่าเวลาได้ และอีกส่วนหนึ่งเพราะประสบการณ์ของฟอลเคนอาจมีประโยชน์หลังจากเขาออกไปจากเมืองนี้
ด้วยเสียงที่ช้าและมั่นคงของชายชรา ฟอลเคนพูดคุยเกี่ยวกับวัยเด็ก ความชื่นชอบของเขา ความทะเยอทะยาน ความสิ้นหวัง การยอมรับในตนเองและความพยายามของเขา…ชีวิตของเขาถูกถ่ายทอดออกมาให้โรแลนด์ได้ฟัง
ทุกคนมักจะสงสัยเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น ๆ และตัวโรแลนด์ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น แม้ว่าชีวิตของเขานั้นจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็มีเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจ
คนหนึ่งกำลังเล่าเรื่องของตัวเองไปเรื่อย ๆ และอีกคนก็ตั้งใจฟัง คืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วและในไม่ช้ามันก็จะเริ่มที่จะเช้าแล้ว ต้องขอบคุณ คาถา Healing ที่ทำให้โรแลนด์ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว เขาจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอีกครั้งในไม่ช้า ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความเร็วในการฟื้นฟูร่างกาย
“ดังนั้นฉันเลยกลายมาเป็นผู้ศรัทธาในเทพธิดาแห่งชีวิตและมาที่เมืองเรดเมาน์เทน”
ดวงอาทิตย์ขึ้นครึ่งดวงแล้ว แสงสีส้มเป็นประกายมาจากทางทิศตะวันออก และวิหารนั้นก็หันหน้าไปในทิศทางนั้น ทำให้ตอนนี้แสงอาทิตย์ยามเช้าจึงอาบแสงสีทองลงมาที่ตัววิหารโดยตรง
ฟอลเคนกำลังจะลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นเขาก็หยุดราวกับว่าเวลาถูกแช่แข็ง โรแลนด์ตกตะลึงไปในทันที จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไปเช่นกัน ไม่ใช่แค่พวกเขาทั้งโลกเปลี่ยนเป็นสีขาวดำ
“เกมได้จบลงแล้วในตอนนี้ โปรดรอการเปิดอีกครั้งในเวลาต่อไป”
เมื่ออ่านการแจ้งเตือนของระบบที่ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา โรแลนด์ก็ออกจากเกมแม้ว่าเขาจะยังไม่เต็มใจก็ตาม