อารัมภบท: การเริ่มต้นของคู่แฝด
จักวรรดิอาเดรเซีย, จักรวรรดิที่ปกครองทั่วทั้งส่วนกลางของทวีปโฟเกล
ด้วยสัญลักษณ์อินทรีย์ทอง, มันคือหนึ่งในสามของประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดของทวีป ซึ่งเมืองหลวงของจักรวรรดินั้นก็ยังคงรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้
ที่กิลนักผจญภัยของเมืองหลวง, มีคนที่เป็นจุดสนใจผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้น
“โหห... นั่นตัวจริงใช่ไหม....”
“เห้ย, ดูเขานั่นสิ, นั่นมันเขาของราชามิโนทอร์ไม่ใช่หรอ......?”
“เอาจริงดิ..... พวกมันคือมอนส์เตอร์หายากคลาส AAA เลยนะ.... นี่เขาโค่นมันลงได้หรอ......?”
ไม่ว่าผู้ใดที่เห็นต่างก็พูดถึงเขาอย่างพิศวง
ผู้ที่กำลังดึงดูดความสนใจของทุกคนอยู่นั้นคือนักเวทย์ที่กำลังแบกเขาขนาดยักษ์อยู่ เขาถูกปกคลุมด้วยสีดำทะมึนตั้งแต่ผมไปจนถึงเสื้อคลุมยาวของเขา อย่างไรก็ตาม, มีแค่ใบหน้าของเขาเท่านั้นที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหน้ากากเงินที่ดูน่าสงสัย
พนักงานต้อนรับทักทายเขาเหมือนปกติเพราะเธอเคยชินกับการปรากฎตัวของเขาแล้ว
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะคะ ท่านซิลเวอร์, นี่คือรางวัลสำหรับครั้งนี้ค่ะ”
นักผจญภัยแรงค์ SS, ซิลเวอร์ นี่คือนามนามแฝงของเขา, พนักงานต้อนรับมอบรางวัลให้เขาด้วยรอยยิ้มเหมือนปกติ
เหรียญทองที่แสดงอยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้คือจำนวนเหรียญที่นักผจญภัยคนอื่นไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ การล่าราชามิโนทอร์นั้นคือภารกิจพิเศษจากกิลด์ ดังนั้นค่าหัวของมันจึงไม่ใช่ธรรมดาอยู่แล้ว
แต่เดิมนั้นมันไม่ได้อยู่ในดินแดนของจักวรรดิแต่เมื่อไม่นานมานี้เคยมีปาร์ตี้กลุ่มใหญ่ที่มีแต่นักผจญภัยแรงค์ A ไปทำภารกิจกำจัดมันล้มเหลว, ซึ่งผลก็คือ, ราชามิโนทอร์ได้ย้ายที่อยู่ใหม่มายังดินแดนของจักวรรดิ
ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ “ข้า” ต้องไปจัดการมัน
“ขอบใจนะ, ดูเหมือนข้าจะรบกวนเจ้าอยู่ตลอดเลย”
“มะ ไม่, ไม่ใช่หรอกค่ะ ท่านช่วยพวกเราได้มากเลย การมีหนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS อย่างท่านซิลเวอร์อยู่กับพวกเราที่สาขาเมืองหลวงจักวรรดินี้มันก็เป็นสิ่งที่พวกเราภูมิใจแล้วค่ะ!”
พนักงานต้อนรับผมสีน้ำตาลพูดด้วยรอยยิ้ม
พอเห็นเธอเป็นแบบนี้, เขาก็ฝืนยิ้มออกมาและมุ่งหน้าตรงไปยังทางเข้ากิลด์ในขณะที่ทิ้งกองเหรียญทองเอาไว้ข้างหลัง
“เอ่อออ.....? ท่านซิลเวอร์คะ นี่คือ?”
“เงินสำหรับเลี้ยงทุกคนที่อยู่ที่นี่ เจ้าช่วยสั่งเหล้าหรืออะไรซักอย่างให้พวกเขาหน่อยได้ไหม? และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน, ถ้ามีภารกิจยากๆเข้ามาอีกข้าอยากให้เจ้ายกภารกิจนั้นให้ข้าเป็นคนแรกนะ”
“อ้ะ, เอ่อ... ได้ค่ะ! เข้าใจแล้วค่ะ”
พนักงานต้อนรับเก็บเหรียญทองด้วยความดีใจในขณะที่นักผจญภัยที่อยู่ข้างในต่างก็ส่งเสียงเอะอะอย่างมีความสุข
เขารับแค่ภารกิจระดับสูง, นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมในตอนที่มีภารกิจแบบนั้นกิลด์ถึงให้สิทธิเขาก่อนเสมอ อย่างไรก็ตาม, มันก็มีนักผจญภัยบางคนที่ไม่ชอบใจกับเรื่องนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมการปล่อยให้พวกเขาได้ระบายด้วยวิธีแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกัน
แถมเขาก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระด้วย
ด้วยความคิดนี้ในหัว, เขาจึงเดินออกจากกิลด์และมุ่งหน้าไปยังที่พักของเขา
ที่นั่น, เขาถอดหน้ากากและเสื้อคลุมสีดำออกจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเครื่องแบบชนชั้นสูงในขณะที่สอดส่องรอบตัวอย่างระมัดระวัง
“ถึงมันจะดูเป็นเรื่องจุกจิก, แต่ถ้าเกิดมีคนรู้ว่าเจ้าชายกำลังทำตัวเป็นนักผจญภัยขึ้นมามันก็คงจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรงหล่ะนะ”
“ถ้าท่านรู้ตัวดีอยู่แล้วก็ช่วยดูแลตัวเองให้ดีหน่อยเถอะครับ, เจ้าชายอาร์โนลด์”
คนที่ปรากฏตัวออกมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงและทักเขาขึ้นมาอย่างกระทันหันนั้นก็คือพ่อบ้านที่คอยรับใช้มาตั้งแต่รุ่นแม่ของเขา, เซบาสเตียน เขาคือชายแก่ผมทองที่ถึงแม้จะอายุห้าสิบปีแล้ว, แต่ก็ยังคงยืนหลังตรงในขณะที่สวมเครื่องแบบพ่อบ้านที่ดูเรียบร้อย
อย่างที่คุณเห็นจากความจริงที่ว่าเขาสามารถปรากฎตัวขึ้นโดยไม่มีเสียงได้นั้น, มันไม่ใช่ทักษะอื่นใดนอกจากความสามารถของเขาในฐานะพ่อบ้าน, ซึ่งความสามารถที่แท้จริงของเขานั้นไม่ได้เสื่อมถอยไปตามอายุเลย, เขาคือชายแก่ที่มากด้วยความสามารถ
และตามที่พ่อบ้านคนนี้พูด, ชื่อจริงของเขาคืออาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ เจ้าชายลำดับเจ็ดของจักวรรดิแห่งนี้
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าท่านไม่ควรปรากฎตัวขึ้นมาเงียบๆแบบนี้? ลุงเซบาส”
“โปรดอภัยให้ข้าด้วยพอดีมันเป็นนิสัยของข้า”
“แล้วก็ข้าไม่อยากจะฟังท่านบ่นหรอกนะ เจ้าชายไร้ค่าอย่างข้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ, ถูกไหม?”
เขานั้นมีน้องชายที่เป็นฝาแฝดอยู่ด้วย
น้องคนนั้นเก่งศิลปะการต่อสู้, หัวไว, และมีนิสัยดี เขาคืออัจฉริยะที่สามารถกลายเป็นมือหนึ่งในเรื่องใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีใบหน้าเหมือนกัน, แต่เขาก็ชื่นชมในความฉลาดและความสง่างามของน้องชาย ในอีกด้านนึง, ตัวเขานั้นต่างก็ถูกหลายๆคนบอกว่าไม่มีความทะเยอทะยานและขาดความกล้าหาญ มีคำขอแต่งงานเข้ามาหาน้องชายของเขาอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนจนมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเลยหล่ะ
เมื่อเทียบกันแล้ว, เขาคือเจ้าชายเฉื่อยชาและไร้ความสามารถ ตั้งแต่ยังเด็ก, เขามักจะเที่ยวเล่นไปทั่ว, พอเห็นว่าเขากำลังเอาพรสวรรค์ของตัวเองไปทิ้งเปล่าๆ, บุคคลผู้มีพรสวรรค์มากมายจึงถูกจ้างมาเป็นอาจารย์ของเขาแต่พวกเขาต่างก็ถอดใจกันหมด ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงของจักวรรดิอย่างรวดเร็วและในภายหลัง, มันก็กระจายไปทั่วทั้งจักวรรดิ ชื่อที่เขาถูกตีตราก็คือเจ้าชายที่ถูกน้องชายดูดส่วนดีๆไปทั้งหมด, ‘เจ้าชายไร้ค่า’ แม้กระทั่งตอนนี้, ผู้คนในปราสาทก็มักจะดูถูกเขาและชอบซุบซิบนินทาเขา
ชายผู้มีชื่อเสียงไม่ดีที่ถึงแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์แต่ก็ไม่มีใครมาคาดหวังในตัวเขา นี่แหล่ะคือตัวเขา, เจ้าชายผู้ไร้ค่า
“อย่าเก็บความคิดเห็นจิ๊บจ๊อยพวกนั้นมาใส่ใจเลยครับ ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้ถึงพลังที่แท้จริงของท่านอยู่แล้ว”
“ข้าก็ไม่ได้สนใจหรอก ข้าชินกับการถูกปฏิบัติเช่นนี้แล้ว การเอาหน้าที่ของเจ้าชายมาใช้กับข้ามันไม่มีประโยชน์อะไรท่านก็รู้นี่”
ถึงแม้เขาจะพูดแบบนั้น, แต่ข้ออ้างเก่าๆก็ยังคงเป็นข้ออ้างเก่าๆ อย่างไรก็ตาม, มันก็ต้องขอบคุณข้ออ้างนี้, ที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระเช่นนี้ได้
“ข้าเข้าใจประเด็นของท่านนะครับแต่สถานการณ์มันคืบหน้าไปถึงจุดที่ข้ออ้างแบบนั้นใช้ไม่ได้ผลอีกแล้วหล่ะครับ ดังนั้นท่านช่วยรีบกลับไปที่ปราสาทด้วยเถอะครับ”
“.......เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
“นายพลโดมินิคเสียชีวิตแล้วครับ”
“ตาแก่นายพลนั่นอะนะ?”
เขาเป็นนายพลผู้ทรงเกียรติที่คอยปกป้องเมืองหลวงของจักวรรดิ ซึ่งในท้ายที่สุดเขาก็ได้เกษียณจากสนามรบไปโดยที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่เอาตัวรอดจากแนวหน้ามาได้เป็นเวลากว่าห้าสิบปี
และจากผลความสำเร็จนี้ของเขาเอง, เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นนายพลผู้ทรงเกียรติที่คอยปกป้องเมืองหลวงของจักวรรดิ, ตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับที่ปรึกษา(กุนซือ)
เขาแก่และมีโรคเกี่ยวกับหัวใจ แต่มันก็ยังไม่น่าเป็นไปได้ที่จู่ๆเขาจะเสียชีวิตไปเองตามธรรมชาติ
กลิ่นการลอบสังหารโชยมาเลยแฮะ
“ใช่หนึ่งในพวกสามคนนั้นรึเปล่านะ.....”
“พวกเรายังไม่รู้รายละเอียดครับแต่ข้าคิดว่าน่าจะยังไม่มีใครทำการสืบสวนในเรื่องนี้”
เขาเป็นคนที่พูดทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมาและสร้างศัตรูได้ง่ายดังนั้นการลอบสังหารจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่น่าจะเป็นไปได้นะ
แถมช่วงนี้, นายพลโดมินิคก็เข้าไปข้องเกี่ยวกับศึกชิงบัลลังก์ด้วย ทั้งๆที่เขามักจะพูดอยู่เสมอว่าไม่มีเจ้าชายกับเจ้าหญิงองค์ไหนที่เหมาะสม แต่จู่ๆก็มีเจ้าชายองค์นึงที่เขาเริ่มชอบขึ้นมา
จากนั้นเขาก็คงถูกพวกที่มองว่าเขาเป็นคนอันตรายลอบสังหารสินะ, พูดอีกนัยนึงก็คือ, พวกแกนนำทั้งหลายในศึกต่อสู้ชิงบัลลังก์นี้ เขาคิด
เนื่องจากเขาเป็นนายพลผู้ทรงเกียรติ, การตายของเขาจึงไม่ได้สร้างความเสียหายให้อาณาจักรมากนักและการตายของเขาก็คงจะถูกมองว่าเป็นเพราะอาการป่วยของเขาแน่ๆ
ดังนั้นฝ่ายที่จะได้รับความเสียหายนั้นก็คงจะมีแค่พันธมิตรของเขา
และพันธมิตรที่ว่านั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่แปด, ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์ น้องชายฝาแฝดของเขาเอง
“ถึงยังไงไอ้เจ้าลีโอมันก็เป็นคนที่ดึงดูดคนอื่นให้มาเป็นพรรคพวกได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว....ถึงแม้มันจะดูไม่เหมือนกับว่าเจ้านั่นกำลังรวบรวมอำนาจเพื่อหวังชิงบัลลังก์ก็เถอะนะ.....”
“ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาถูกคนอื่นเข้าใจว่ากำลังรวบรวมอำนาจเนี่ยแหล่ะครับ ด้วยเหตุนี้, เจ้าชายลีโอนาร์ดจะต้องถูกคนที่กำลังหวังชิงบัลลังก์มองเป็นศัตรูแน่ๆ”
พอได้ฟังเซบาส, เขาก็ถอนหายใจออกมา
ในบรรดาผู้มีสิทธิขึ้นครองบัลลังก์นั้น, มีสามคนที่มีอิทธิพลในการต่อสู้ชิงบัลลังก์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ นั่นก็คือเจ้าชายลำดับสอง, เจ้าหญิงลำดับสอง, และเจ้าชายลำดับสาม
พวกเขาแต่ละคนนั้นมีฐานอำนาจของตัวเองดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ปกครองคนต่อไปจะเป็นหนึ่งในสามคนนี้
สำหรับผู้สืบทอดคนอื่นๆนั้นพวกเขามีอยู่สองทางเลือก ทางแรกคือเลือกที่จะถอยจากศึกนี้หรืออย่างน้อยก็ทำตัวให้เป็นกลางที่สุด ส่วนอีกทางก็คือเลือกที่จะเป็นศัตรูกับพวกเขาและหวังชิงบัลลังก์
ถ้าเลือกอย่างหลังแล้วแพ้ขึ้นมา, และหากนำไปประกอบกับลักษณะนิสัยของทั้งสามคนนี้, การถูกเนรเทศก็คงจะถือว่าโชคดีที่สุดและการถูกฆ่าตายก็ถือว่าโชคร้ายที่สุด ซึ่งการลงโทษนั้นจะเกิดขึ้นกับพวกที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วย โดยในกรณีของลีโอก็คงจะเป็นแม่กับเขา
ดังนั้นในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปแล้วถึงเขาจะยังไม่ได้ปรึกษากับลีโอ, เขาก็ขอเลือกอย่างหลัง
ตอนนี้การไปเข้าพวกกับพวกเขาหรืออยู่อย่างเป็นกลางมันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ถ้าสถานการณ์ยังคงคืบหน้าไปทางนี้มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ถ้างั้นก็คงเหลือแค่การทำให้ลีโอได้เป็นจักพรรดิสินะ......”
“มันไม่มีทางท่านจะคิดเป็นจักพรรดิซะเองหรอครับ.............?”
“ข้าหรอ? จะให้เป็นจักพรรดิเนี่ยนะ? ข้าหน่ะมันคนที่ชอบโยนเรื่องยุ่งยากทุกอย่างให้น้องชายเจ้าก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอ? ครั้งนี้มันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ”
เขาอยากจะรักษาชีวิตในฐานะนักผจญภัยเอาไว้แบบนี้แต่ถ้าเหตุการณ์ยังไปทางนี้อยู่เขาจะถูกฆ่าได้
มันเป็นปัญหาก็จริงแต่ไม่มีทางเลือกแล้ว
เขาตั้งใจจะเคลื่อนไหวอยู่หลังฉากเพื่อให้น้องชายของเขาได้เป็นจักพรรดิ
ที่ใจกลางเมืองหลวงของจักวรรดิมีปราสาทที่มีรูปร่างเหมือนกับดาบอยู่ เขามุ่งหน้าไปยังห้องของลีโอนาร์ดในทันทีที่กลับมาถึงปราสาท
อย่างไรก็ตาม, เขาได้เจอกับรัฐมนตรีและขุนนางกลุ่มนึงในระหว่างทาง
“อ้าวเจ้าชายอาร์โนลด์นี่หน่า วันนี้ท่านก็ดูสบายๆเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“ขอบใจนะ”
“ครับ, ข้าหล่ะรู้สึกอิจฉาจริงๆที่ท่านสามารถเริงร่าได้ทุกวันแบบนี้ ไม่เหมือนกับเจ้าชายลีโอนาร์ดที่เอาแต่ทุ่มเทกับการฝึกฝนอยู่ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“ถึงยังไง, เขากับข้ามันก็เลือกเดินคนละเส้นทางกันหล่ะนะ”
“นี่ท่านพูดจริงหรอครับ! เห็นว่าองค์ชายลีโอนาร์ดจะเข้าร่วมศึกชิงบัลลังก์เหมือนกับพี่ๆต่างแม่ทั้งสามคนของท่าน เจ้าชายอาร์โนลด์เองก็ต้องไม่ยอมแพ้เหมือนกันนะครับ”
“นี่เจ้า, เอาองค์ชายไปเปรียบเทียบกับเจ้าชายลีโอนาร์ดแบบนี้ก็ดูน่าสงสารแย่เลยไม่ใช่หรอ!? ต่อให้เจ้าชายอาร์โนลด์กับเจ้าชายลีโอนาร์ดจะเป็นฝาแฝดกัน, แต่พรสวรรค์ที่มีแตกต่างกันเลยนะเจ้าก็รู้นี่!”
“อ้ะ! นั่นสินะครับ นั่นสินะ โปรดอภัยให้กับการเสียมารยาทของข้าด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ถึงยังไงมันก็เป็นความจริง”
พอเขาพูดจบเขาก็เดินผ่านคนพวกนี้ไป
พวกเขาทุกคนโค้งคำนับเขาด้วยความเคารพแต่ถึงอย่างนั้นคนพวกนี้ก็กำลังล้อเลียนเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม, เขาคงไม่เอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้ององค์จักพรรดิ, เพราะต่อให้เขาทำแบบนั้นไปองค์จักรพรรดิก็ไม่ฟังเขาอยู่ดี
ในตระกูลราชวงศ์นั้น, มีแค่เขาที่ไม่ได้รับการปฏิบัติในฐานะคนในราชวงศ์ ไม่ต้องพูดถึงการเป็นเจ้าของดินแดนเลย, แม้กระทั่งพวกรัฐมนตรีและพวกขุนนางในเมืองหลวงทุกคนต่างก็ดูถูกดูแคลนเขา
เอาเถอะ, ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเราทำตัวแบบนี้เองหล่ะนะ
ที่เขาไม่อยากปรับปรุงนิสัยก็เพราะเขาคิดว่าที่เป็นอยู่นี้มันดีสำหรับเขาแล้ว ในเมื่อไม่มีใครมาคอยสนใจเขา, เขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบในฐานะซิลเวอร์
ถ้าเขาทำสิ่งที่เหมือนกับเจ้าชายทั่วๆไปทำเขาก็คงต้องคำนึงถึงจุดยืนของตัวเองตลอดเวลา
ในขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้นเองเขาก็มาถึงห้องของลีโอพอดี
“ข้ามาแล้ว”
“ท่านพี่......”
เขาเข้ามาในห้องโดยไม่ได้เคาะประตูและเห็นว่าลีโอกำลังนั่งอยู่ข้างใน เขามีอายุสิบแปดปี, และก็แน่นอนว่า, น้องชายของเขาก็มีอายุเท่ากัน แต่เนื่องจากนิสัยที่สงบเยือกเย็นของเขา, ผู้คนจึงมักจะเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆว่าลีโอเป็นพี่ชาย
หน้าตาของพวกเขานั้นแทบจะไม่ต่างกันเลย, มันต่างกันก็แค่ผมของลีโอถูกจัดเอาไว้อย่างเรียบร้อยในขณะที่ผมของเขากระเซอะกระเซิงอยู่เสมอ ในด้านของเสื้อผ้าเอง, ของลีโอก็มักจะเป็นระเบียบในขณะที่ของเขามักจะหลุดรุ่ย แถมหลังของน้องชายของเขานั้นมักตรงอยู่ตลอดในขณะที่เขาชอบทำหลังค่อม พอยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ, ก็ไม่มีใครจำพวกเขาสลับกันอีกต่อไป
บนใบหน้าของน้องชายของเขานั้นมีร่อยรอยของความเซื่องซึมอยู่
ถ้ามองดูสีหน้าดีๆจะเห็นว่ามันเศร้าสลดมาก, ซึ่งนี่ก็ทำให้เขาพลอยเครียดตามไปด้วย
“ข้าฟังเรื่องราวมาแล้ว ตาแก่นั่นตายไปแล้วใช่ไหม?”
“ครับ.....”
“เป็นไปได้ว่าจะเป็นการลอบสังหารใช่ไหม?”
“....อาจจะใช่ครับ”
เขายังไม่ถึงวัยพอที่จะพูดออกมาง่ายๆว่ามันอาจจะเป็นฝีมือของพี่ชายหรือน้องสาวของพวกเขา
อย่างไรก็ตามถ้าดูจากสถานการณ์แล้ว, ความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเป็นการลอบสังหารนั้นมีสูงมาก
“แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อ?”
“...ข้าไม่อยากจะสู้กับพี่น้องของตัวเองครับ”
“ข้าก็กะเอาไว้แล้วแหล่ะว่าเจ้าจะพูดแบบนี้”
ลีโอนั้นไม่เคยอยากครองบัลลังก์เลย
ผู้คนแค่ถูกลักษณะนิสัยของเขาดึงดูดและกลายมาเป็นพันธมิตรของเขาเท่านั้นเอง และพันธมิตรที่ว่านั้นก็คือนายพลโดมินิค
เหมือนที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้, ลีโอไม่ได้อยากครองบัลลังก์
อย่างไรก็ตาม, เนื่องจากลีโอได้รับพรสวรรค์และอุปนิสัยอันโดดเด่นมา, เขาจึงกลายเป็นคู่แข่งคนที่สี่ที่ต้องไปแข่งกับเจ้าชายลำดับสอง, เจ้าหญิงลำดับสอง, และเจ้าชายลำดับสามโดยไม่สนว่าเขาจะอยากได้ตำแหน่งนี้หรือไม่
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงเลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยการลอบสังหาร
อย่างไรก็ตาม, มันไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ลีโอจะปลอดภัยแล้ว ไม่ว่าจักพรรดิจะเป็นใครในสามคนนั้น, มันก็มีแต่ชะตากรรมอันมืดมิดเท่านั้นที่รอเขาอยู่
“เจ้าถูกมองเป็นศัตรูแล้ว ถ้าเจ้าไม่แข่งชิงบัลลังก์มันก็จะมีแค่สิ่งเดียวที่รอเจ้าอยู่และนั่นก็คือความตายของเจ้า ซึ่งมันก็จะเป็นแบบเดียวกันทั้งกับข้าแล้วก็ท่านแม่ด้วย”
“ครับ....ข้ารู้แล้ว......ขอโทษนะครับ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกหน่า ข้าอยากฟังว่าเจ้าจะเอายังไงต่อไปมากกว่า”
“...ข้าต้องชิงบัลลังก์มาให้ได้ครับ”
ลีโอพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
ถ้าลีโออยู่ตัวคนเดียวในโลกนี้เขาก็คงจะไม่สนใจมันต่อให้นั่นหมายถึงชีวิตของเขาก็ตาม อย่างไรก็ตาม, ถ้ามีความเป็นไปได้ว่ามันจะนำพาความอันตรายมาหาคนรอบตัวเขา, เขาก็พร้อมที่จะชิงบัลลังก์
ถึงยังไง, ด้วยนิสัยเช่นนี้ของเขา, เขาก็สามารถขอความร่วมมือจากคนอื่นเพื่อให้กลายเป็นจักพรรดิได้อยู่แล้ว
เขาคิดว่าน้องชายของเขานั้นใจดีเกินกว่าที่จะเป็นจักพรรดิ....แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเตือนไป, น้องชายของเขาก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอยู่ดี
และในเมื่อเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว, เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้น้องชายของเขาได้เป็นที่หนึ่ง
“มันอาจจะไม่มากอะไรแต่ข้าจะช่วยเจ้าเอง สำหรับตอนนี้, เจ้าเน้นไปที่การหาพันธมิตรและสร้างฐานอำนาจของตัวเองขึ้นมาก่อน ถ้าเจ้าสร้างกลุ่มอำนาจของตัวเองให้ใหญ่ขึ้นมาได้พวกนั้นก็จะแตะต้องเจ้าได้ยาก”
“ได้ครับ....แล้วท่านพี่หล่ะ?”
“ข้าเองก็จะหาพันธมิตรเหมือนกัน แต่อย่าคาดหวังมากนักหล่ะ, เพราะถึงยังไงพวกรัฐมนตรีและขุนนางที่มีอิทธิพลก็เป็นของท็อปสามคนนั้นหมดแล้ว”
“ข้ารู้ครับ...แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณนะครับ ว่าแต่ท่านพี่, แทนที่จะเป็นข้า, ข้าคิดว่าท่านพี่เหมาะกับตำแหน่งจักพรรดิมากกว่านะครับ......”
“อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิ ถ้าข้ากลายเป็นจักพรรดิข้าก็จะอดเที่ยวเล่นถูกไหม? ข้ามีแผนชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว, ข้าจะหาภรรยาสวยๆซักคนและจะเที่ยวเล่นไปตลอดชีวิตเลย และเพื่อการนั้น, ข้าจะทำให้เจ้าได้กลายเป็นจักพรรดิเพื่อแผนชีวิตของข้าเอง”
เขาตบไหล่ของลีโอในขณะที่พูดเห็นแก่ตัวออกมา
ในตอนนี้ร่างกายของเขากำลังสั่งเล็กน้อย
เอาเถอะ, มันช่วยไม่ได้นี่นะ จากมุมมองของยอดคนลีโอ, เจ้าสามคนนั้นมันสัตว์ประหลาดชัดๆ
ในแง่ของความสามารถเอง, อาณาจักรจะปลอดภัยอย่างแน่นอนไม่ว่าใครจะได้เป็นจักพรรดิก็ตาม และแน่นอนว่าอำนาจที่จะตามมาด้วยนั้นก็ยิ่งใหญ่พอกัน
อย่างไรก็ตาม, ไม่ว่าพวกเขาจะยอดเยี่ยมขนาดไหนมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นอมตะ ในเมื่อพวกเขากำลังต่อสู้กันเองอยู่, มันก็พอมีโอกาสให้ลีโอเหมือนกัน
“มาเริ่มกันที่การเพิ่มพันธมิตรของเจ้าและทำให้ท่านพ่อจดจำเจ้าได้มากขึ้นกันก่อนเถอะ”
“นั่นสินะครับ สุดท้ายแล้ว, คนที่จะตัดสินว่าใครจะชนะก็ไม่พ้นท่านพ่ออยู่ดี”
“ตอนนี้, เรามาเริ่มกันที่การสร้างความพึงพอใจให้องค์จักพรรดิกันดีไหม”
ด้วยเหตุนี้เอง, คู่แฝดทั้งสองคนจึงเริ่มมุ่งหน้าไปยังห้องบัลลังก์