บทที่ 59: การลอบสังหารและการเปลี่ยนอาชีพ
การจะเป็นคนที่แข็งแกร่งได้หรือไม่นั้น ให้เป็นปัญหาของเวอร์ชั่นเกม แต่การเป็นคนหล่อหรือไม่นั้นจะเป็นปัญหาตลอดชีวิต
วิลเลียมมองเรื่องเหล่านี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ถ้าคนๆ หนึ่งไม่ได้ดูดี หลังจากนั้นไม่สำคัญว่าเขาจะทำตัวโหดเหี้ยมแค่ไหน เขาก็จะไม่สามารถหารักแท้ได้สำเร็จ
พลังการต่อสู้แห่งแสงส่งผลกระทบไม่น้อยต่อสิ่งมีชีวิตจากความมืด
ไม่ใช่แค่คุณสมบัติแห่งแสงเท่านั้น
คุณสมบัติไฟและคุณสมบัติไฟฟ้าเองก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตจากความมืดเช่นกัน ดังนั้นมันจะไม่ส่งผลกระทบเมื่อเขารังแกสิ่งมีชีวิตจากความมืดในอนาคต…
กุญแจสำคัญคือระดับความเชี่ยวชาญ, ทักษะพลังการต่อสู้ และคำภีร์ลับของจิตวิญญาณ รวมถึงอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติ ถ้ามีแต่คุณสมบัติพลังการต่อสู้ มันก็จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวิลเลียมสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อเขาไม่มีความตั้งใจที่จะรวมวิหารเข้าด้วยกัน ก็เขาเป็นถึงลอร์ดคนหนึ่งนี่
อีกอย่าง พลังการต่อสู้ประเภทสายฟ้าไม่ได้มีดีแค่เท่เท่านั้น แต่มันยังใช้ได้จริง มันมีบลัฟที่ส่งผลลบมากมาย อย่างเช่น การทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วขณะ, การเผาไหม้, การลดแรงต่อต้าน, ฉีกกล้ามเนื้อ, ทำให้ตอบสนองช้าลงและยังสามารถสร้างสายฟ้าฟาดได้อีกด้วย
เมื่อวิลเลียมกำลังเลือกที่จะเปลี่ยนอาชีพ ร่างหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นกลางดึก เขาคลืบคลานผ่านศพที่เกลื่อนกลาดอย่างเงียบเชียบ เขามุ่งหน้าไปหาวิลเลียมช้าๆ ทีละก้าว
การแทงที่รุนแรงและทรงพลัง
เกราะพลังการต่อสู้ของวิลเลียมถูกตัดผ่านราวกับเต้าหู้
“มันอยู่ตรงนี้!” วิลเลียมผู้ที่เพิ่งสัมผัสได้ถึงผู้มาเยือนเปลี่ยนสีหน้า
“คลื่นโซลช็อค”
สวบ
เพียงแค่คมดาบแทงเจ้าที่หลังของวิลเลียม พลังงานที่มองไม่เห็นก็แผ่ขยายออกไปทั่วทุกทิศทาง!
นักฆ่าและศพถูกโยนออกไปโดยคลื่นช็อคพร้อมๆ กัน ด้วยซากศพที่ปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้าทำให้มันดูราวกับว่าฝนตกเป็นศพ
มือสังหารคนนั้นไม่ได้รับการโจมตีที่สาหัส เขาอยากจะดิ้นหนีไปกลางอากาศเพื่อซ่อนตัวอีกครั้ง แต่วิลเลียมผู้มีรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวประดับอยู่บนใบหน้าหันกลับมาช้าๆ พร้อมกับกำลังเลียเลือดที่มุมปากของเขา
เมื่อนักฆ่าเห็นภาพตรงหน้า เขารู้สึกเย็บวาบไปทั่วหัวใจ
แต่ก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบอะไร ร่างหนึ่งก็เหวี่ยงตัวออกมาจากท้องฟ้าและปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของเขา
สวบ
ด้วยการเหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียว…
ดวงตาของนักฆ่าผู้ไม่สามารถหลบหนีได้เบิกกว้างและมองไปยังปลายดาบที่ยื่นออกมาจากหน้าอกของเขาก่อนจะพึมพัม “มันเป็นไปได้ยังไง…”
สวบ
มีดอีกเล่มหนึ่งแทงทะลุคอของเขา เลือดมากมายพุ่งกระฉูดออกมา
อเล็กซ์หรี่ตาของเขาลงและผลักนักฆ่าออก ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เขาโยนร่างไร้วิญญาณลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ดวงตาที่เบิกค้างของร่างไร้วิญญาณจ้องเขา
นี่คือนักฆ่าเงา
มือสังหารตัวจริง
แม้แต่ความตายยังบอกไม่ได้ว่าใครเป็นคนฆ่าคุณ
วิลเลียมหอบหายใจ
เขาเคยบอกไว้เมื่อนานมาแล้วว่าเขาสามารถมองเห็นชื่อสีแดงหรือเครื่องหมายคำถามสีแดงสำหรับใครก็ตามที่มีความคิดหรือกำลังเป็นปรปักษ์กับเขา!
เขาสืบรู้มาว่าใครบางคนแอบลอบเข้ามาในเมืองแห่งรุ่งอรุณเพื่อสังเกตการณ์เขาในความมืด
นี่ก็มากพอที่จะสั่นกระดิ่งเตือนภัยให้วิลเลียม
เขาสงสัยว่าคนที่ต้องการฆ่าเขาจะปรากฏตัวอีกครั้ง หรือไม่ใครคนนั้นก็อยากเลือกแผนการลอบสังหารที่รุนแรงกว่าเดิม
ดังนั้น
เขาจึงสร้างโอกาสขึ้นมา
เพื่อให้ใครคนนั้นเห็นว่าเขาไปยังทุ่งหญ้าตัวคนเดียว!
วิลเลียมปล่อยให้อเล็กซ์ติดตามเขามาเท่านั้น และบอกอเล็กซ์ว่าอย่าปรากฏตัวออกมาไม่ว่าเขาจะเจอกับสถานการณ์อะไรก็ตาม นอกจากว่านักฆ่าจะปรากฏตัวออกมาแล้ว
“ท่านลอร์ด อาการบาดเจ็บของท่าน?” อเล็กซ์มองไปยังบาดแผลบนหลังของวิลเลียม เลือดไหลทะลักราวกับว่าแผลนั้นลึกไปถึงหัวใจของวิลเลียม อเล็กซ์อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เขาคนนี้เป็นลอร์ดตัวจริง เขาไม่อยากตายเพราะเรื่องนี้…
วิลเลียมสำรอกออกมาเป็นเลือดอยู่หลายลิตร ก่อนจะยกหัวของเขาขึ้นพร้อมโบกปัดมืด “เราสบายดี เจ้าเจอนักฆ่าคนอื่นอีกหรือไม่?”
“ไม่ครับ เพราะในตอนที่ท่านลอร์ดตอบโต้นักฆ่ากลับ นั่นเป็นโอกาสดีที่นักฆ่าคนที่สองจะเริ่มโจมตี แต่ไม่มีใครปรากฏตัวออกมา ดังนั้นมันหมายความว่าไม่มีนักฆ่าคนอื่นอีก”
วิลเลียมถอนหายใจ “ดีแล้ว”
เขาเดินไปยังร่างของนักฆ่าและมองไปยังร่างนั้นด้วยสายตาเย้ยหยัน “เมื่อเรารู้ว่าใครส่งเจ้ามา เราก็เลยยอมเล่นกับเจ้าเสียหน่อย การทำลับๆล่อๆนั่นมันมีอะไรดีงั้นหรอ? เราก็แค่เริ่มสงครามซะสำหรับในกรณีที่เลวร้ายที่สุด”
อเล็กซ์ยืนเงียบ
ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร เมื่ออยู่ต่อหน้านักฆ่าที่สังหารคนไปมากมาย ไม่ว่าใครก็อดไม่ได้ที่จะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไป
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือลอร์ดผู้หล่อเหล่าและทรงเกียรติแห่งเมืองแห่งรุ่งอรุณ!
มันมากพอสำหรับอเล็กซ์ที่จะจงรักภักดีต่อท่านลอร์ดผู้ชาญฉลาดคนนี้ ส่วนสำหรับว่าจะเริ่มสงครามหรือจะลอบสังหารนั้น เขาก็แค่รอทำตามคำสั่ง
อเล็กซ์รู้สึกซาบซึ้งมากที่ท่านลอร์ดเลือกเขามาในสถานการณ์ที่เป็นตายเช่นนี้ นั่นหมายความว่าท่านลอร์ดเชื่อในตัวเขา
ความภักดี +300!
วิลเลียมมองไปที่อเล็กซ์ซึ่งค่าความภักดีเกือบจะถึง 800 หน่วยแล้ว
ไม่มีคำถามใดๆ
สิ่งที่เขาต้องการคือสุนัขที่เพิ่มค่าความประทับใจหลังจากที่ช่วยชีวิตเขาไว้
“ปกป้องเราได้ดีเยี่ยม ตอนนี้เราไปกันได้แล้ว!”
เสียงของวิลเลียมฟังดูเย็นยะเยือก
อเล็กซ์มองไปที่วิลเลียมด้วยความแปลกใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าความเร็วในการไปต่อของท่านลอร์ดจะเร็วมากขนาดนี้ และความรู้สึกยกย่องชื่นชมในหัวใจของอเล็กซ์ก็ยิ่งพุ่งพล่าน…
พูดสั้นๆ ว่าลอร์ดเจ้าเมืองนั้นเต็มไปด้วยรังสีของการเข่นฆ่า โดยเห็นได้จากกองศพโชกเลือดที่กองกันเป็นภูเขาว่าท่านลอร์ดนั้นกำลังโกรธและไม่พึงพอใจอย่างมาก ดังนั้นมันจึงเพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่เห็นหุบปากเงียบ
[ใช่/ไม่ : โปรดเลือกสำหรับการเปลี่ยนอาชีพ]
วิลเลียมเลือก ใช่
ในพริบตาเดียว
ท้องของเขารู้สึกราวกับว่ามีไฟเผาไหม้อยู่ การเปลี่ยนคุณสมบัติของพลังการต่อสู้วิ่งผ่านร่างทั้งร่างของเขา อันดับแรก เขาต้องให้ร่างของเขาพัฒนาเพื่อรองรับพลังการต่อสู้ธาตุสายฟ้า และจากนั้นจึงเปลี่ยนคุณภาพของพลังการต่อสู้
นี่สร้างความเจ็บปวดอย่างสุดจะพรรณนาได้ให้แก่วิลเลียม
ลองคิดดูสิ
การเปลี่ยนร่างกายทั้งร่างแค่เพื่อปรับให้รับพลังการต่อสู้สายฟ้าได้
มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งคลอดลูกเสียอีก และนี่ทำให้เขาอยากจะหลีกเลี่ยงมัน
ดังนั้น
วิลเลียมจึงทำได้เพียงนอนแผ่อยู่กลางซากศพของมนุษย์เงือก ร่างของเขาเปล่งแสงด้วยประกายไฟ, ชักกระตุก, ดวงตาของเขาเหลือกไปด้านหลัง และมีฟองฟูมออกมาที่ปากของเขา…
มันไม่มีทางเลือก ผู้เล่นสามารถตั้งลิมิตความเจ็บปวดได้ แต่ NPC ไม่สามารถเปลี่ยนฐานข้อมูลประเภทนี้ได้เลยจริงๆ
วิลเลียมรู้สึกสบายขึ้นทีละน้อยๆ ทำไมถึงพูดอย่างนั้นน่ะหรือ?
ถ้าคุณไม่สามารถต่อต้านได้ ก็นอนลงและทำตัวให้สบายซะ…
มันจะมีความเจ็บปวดอย่างหนักหน่วงในระยะแรกของการเปลี่ยนร่าง ตามมาด้วยความรู้สึกสบาย และจะยิ่งสบายมากขึ้นๆ ความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าอเล็กซ์ไม่ได้อยู่แถวนี้ เขาก็อยากจะครางออกมาดังๆ
เขาแค่รู้สึกว่ามันมีความรู้สึกดีสุดยอดภายในร่างกายของเขา
เป็นโชคดีที่ความรู้สึกนั้นไม่ได้อยู่นานนัก
วิลเลียมผู้กำลังได้รับการควบคุมร่างกายของตัวเองกลับมาอีกครั้งยืนขึ้นและกำหมัดแน่น “เรารู้สึกเหมือนว่าเราสามารถฆ่าออร์คสักตัวได้ในหมัดเดียว”
จากนั้น พลังการต่อสู้สายฟ้าก็กระจายออกจากร่างของเขาและสร้างเกราะพลังการต่อสู้อันใหม่
นอกเหนือไปจากนี้แล้ว มันยังคงมีพลังการต่อสู้บางส่วนวิ่งเข้าใกล้กลับพื้นผิวของร่างกายเขาซึ่งกระจายหายไปบนฟ้าราวกับเปลวไฟ
มันเหมือนกับว่ามีเปลวไฟสีฟ้าเผาไหม้อยู่บนพื้นผิวของร่างกายเขา
คำเดียวสั้นๆ
เจ๋ง
ด้วยการผสานการอย่างสมบูรณ์ของสายฟ้าและพลังการต่อสู้ วิลเลียมก็ขึ้นไปที่เลเวล 40 ได้สำเร็จและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางคนหนึ่งแล้ว
สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพสายเลือดที่แข็งแกร่ง ความต่างระหว่างระดับกลางและระดับเริ่มต้นนั้นเรียกได้ว่าเทียบกันไม่ติด!
คุณต้องจำเอาไว้…
สำหรับ NPC โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ที่เฉลียวฉลาดอย่างมนุษย์ที่มีสายเลือดในระดับสูง ส่วนใหญ่แล้วจะหมายความว่าเขามีพื้นเพที่ดีและสามารถเรียนรู้ทักษะที่ดีกว่าและมีอุปกรณ์ที่ดีกว่าได้
คนที่มีศักยภาพทางสายเลือดในระดับล่างจะน่าเกลียดและจน นอกจากว่าจะมีค่าความโชคดีสูง พวกเขาก็แทบไม่มีอนาคตและถูกพิจารณาให้เป็นหน่วยกล้าตาย
ในระดับเดียวกันนั้น ระยะห่างระหว่างทั้งสองนั้นช่างแตกต่างอย่างมาก
เมื่อถัดขึ้นไปอีกระดับ ระยะห่างก็จะยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นๆ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นเลือกที่จะสู้ในกลุ่มของ NPC ระดับอีปิคและรีเจนดารีเท่านั้น
มันเป็นเพราะพวกเขารู้ว่ามันยากเกินไปที่จะใช้ทักษะต่างๆกับ NPC ประเภทนี้ นอกจากว่าทักษะจะถูกใช้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อผิดพลาดเลย…
“และในที่สุดฉันก็เริ่มทำอะไรได้สักที เข้าสู่ระดับกลาง…” วิลเลียมทอดสายตาออกไปไกล
“เกมนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง…”