บทที่ 14
รุ่งเช้ายามเฉิน ชายชราผู้หนึ่งเดินนำหน้าเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลเนี่ย สองข้างทางล้วนแล้วแต่มีชาวบ้านออกมามุงดูด้วยความสนใจ เนื่องจากว่าเมื่อหลายปีก่อน ชายชราเนี่ยกังถูกลอบทำร้ายจนล้มป่วย อีกทั้งยังแทบจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเพราะหลานชายผู้ได้รับฉายาว่าคุณชายขยะ แต่มาวันนี้ชายชรานามว่าเนี่ยกังมีความแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมานัก ดูเหมือนจะหายจากอาการบาดเจ็บทั้งหมดแล้วเช่นกัน แต่ที่ชาวบ้านให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเด็กหนุ่มที่เดิมตามมาด้านหลังไม่นานก็มีร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“นั่นมันเจ้าขยะเนี่ยฟงไม่ใช่รึ เหตุใดมันถึงดูเหมือนผู้ฝึกยุทธกัน”
“ใช่จริงๆด้วย เจ้าขยะเนี่ยฟง”
“เป็นมันจริงๆด้วย ไหนว่ามันตกตายไปแล้ว เหตุใดมันจึงมาอยู่ที่นี่”
“เจ้าขยะเนี่ยฟง”
เสียงตะโกนด่าทอและเสียงเอ่ยถามด้วยความสงสัยถึงตัวเด็กหนุ่มนามว่าเนี่ยฟง ดังสนั่นไปทั่วบริเวณไม่นานเสียงก็ดังมาถึงบ้านตระกูลเนี่ย ชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมชุดสีเขียวขลิบขาวนั่งจิบน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ไม้ มือซ้ายอ่านหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม ชั่วน้ำเดือดก็มีคนรับใช้ผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เรียนหัวหน้าตระกูลขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”
ชายหนุ่มที่นั่งจิบชาหันไปมองคนรับใช้ด้วยความสนใจ
“เกิดเรื่องใหญ่อันใด เจ้ารีบกล่าวมาเถอะ”
“ท่านเนี่ยกัง พาเจ้าขยะเนี่ยฟงมาที่ประตูใหญ่ขอรับ ท่านเนี่ยกังอยากพบท่านเพื่อกล่าวบางอย่างขอรับ”
ชายหนุ่มพอได้ยินชื่อของบุคคลทั้งสอง ก็บีบถ้วยชาในมือขวาแตกละเอียด น้ำชาระเหยกลายเป็นหมอกหายไปในอากาศ
“บัดซบพวกมันยังไม่ตกตายไปอีกรึ ให้พวกมันรอไปก่อน บอกว่าข้าติดธุระสำคัญอยู่”
คนรับใช้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อออกไปรายงานเนี่ยกัง ไม่ถึงสิบลมหายใจ คนรับใช้ผู้นั้นก็กระเด็นเข้ามาในห้องโถง พร้อมกับสลบลงบนพื้น ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะไม้ด้วยอารมณ์โกรธ เปรี้ยง โต๊ะไม้แตกละเอียดร่วงลงพื้น กาน้ำชาและถ้วยน้ำชากระเด็นร่วงลงพื้นเช่นกัน
“บัดซบมันผู้ใดกันบังอาจทำร้ายคนในตระกูลข้า คงอยากตายมากใช่ไหม”
แทนที่จะมีเสียงกล่าวตอบกลับได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมาแทนที่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เจอกันหลายปี เจ้ายังคงยังปากดีเช่นเดิม มิเสียแรงที่ได้เป็นถึงเจ้าตระกูลเนี่ย”
ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถงถึงกับสบถเสียงดังลั่นออกมา
“บัดซบมันผู้ใดบังอาจกล่าววาจาเช่นนั้น”
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นก็มีแสงสีแดงพุ่งออกมาจากหัวไหล่ด้านขวา โฮกก ไม่นานก็ปรากฏเป็นพยัคฆ์สีขาวขนาดตัวที่ใหญ่ร้องคำรามอยู่กลางห้องโถง ชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่ด้านนอกห้องโถง พยัคฆ์สีขาวพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่ทว่าชายหนุ่มต้องตื่นตกใจนั่นเพราะ พยัคฆ์สีขาวตัวเดิมกระเด็นเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว ขนสีขาวเปลอะไปด้วยเลือดสีแดงฉาน นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น ไม่นานก็มีเสียงเดินเข้ามาในห้องโถง ทันทีที่ชายหนุ่มหัวหน้าตระกูลรับรู้ว่าเป็นผู้ใดก็ยืนนิ่งค้างด้วยความหวาดกลัว
“ปู่ต้องขอบใจเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้าปู่คงจมอยู่ในความโง่ของตัวเองจนตายแน่ เพราะไอ้พวกบัดซบพวกนั้น”
“ท่านปู่ เรื่องนี้ท่านตัดสินใจเองเถอะขอรับ”
“เรื่องนั้นปู่ตัดสินใจแล้ว อีกอย่างตอนนี้เจ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจ้าสามารถฝึกยุทธได้แล้ว เท่านี้ข้าก็วางใจ”
ชายหนุ่มหัวหน้าตระกูลยืนฟังด้วยความงุนงง ว่าเหตุใดเด็กขยะเนี่ยฟงที่ไม่สามารถแม้แต่รวบรวมปราณได้จะฝึกยุทธได้อย่างไร และแน่นอนต้องงุนงงมากกว่าเดิมก็คือ ตาแก่เนี่ยกังที่โดนยาพิษของตนใกล้ตายถึงได้ดูแข็งแรงยิ่งกว่าเป็นหนุ่ม อีกทั้งพลังปราณที่ปลดปล่อยออกมาก็สูงล้ำกว่าตนไปมากโข
“เนี่ยเหวินซุน ที่พวกข้าทั้งสองมาวันนี้ก็เพื่อจะมาแจ้งบางอย่างต่อเจ้า เอาละเจ้าตั้งใจฟังให้ดี พวกข้าทั้งสองปู่และหลานจะออกจากตระกูลเนี่ยของพวกเจ้า และพวกเราทั้งสองจะออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้”
เนี่ยเหวินซุนหัวหน้าตระกูลเนี่ยถึงกับมีอาการตื่นตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน ไม่นานเนี่ยเหวินซุนก็หัวเราะดังลั่น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดี เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็รีบออกไปจากตระกูลเนี่ยของข้าเสียที รีบออกไปได้แล้ว”
เนี่ยกังแสยะยิ้มก้าวเดินเข้าหาเนี่ยเหวินซุนที่กำลังชี้นิ้วไล่ตนและหลานชายออกไป เปรี้ยง โครม เนี่ยเหวินซุนถึงกับกระเด็นไปชนผนังห้องโถง นอนแน่นิ่งไร้สติ แก้มซ้ายปูดบวมเลือดไหลออกจากมุมปาก เนี่ยกังหันไปมองเนี่ยฟงหลานชาย
“ไปกันเถอะลูกฟง ที่นี่คงไม่มีอะไรให้พวกเราทั้งสองอีกแล้ว”
เนี่ยฟงพยักหน้าเดินตามเนี่ยกังออกไปจากบ้านตระกูลเนี่ย เมื่อออกมาถึงเนี่ยฟงก็หันหลังโบกสะบัดมือขวา ประกายไฟสีฟ้าก่อตัวขึ้นเป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์ ไม่นานเนี่ยฟงก็สะบัดมือขวาอีกครั้งอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งทะยานหายไปบนฟากฟ้า หลังจากนั้นทั้งสองเดินออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวดดังมาจากข้างในบ้านตระกูลเนี่ย