บทที่ 47 ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง
ณ มหาวิทยาลัยหนิงไห่
2-3 วันที่ผ่านมาหยุนปิงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้าง เธอจงใจมองหาเย่โม่เป็นพิเศษแต่ก็ไม่เจอเขามานานมากแล้ว…ถึงแม้ตอนแรกเย่โม่จะเข้าชั้นเรียนไม่บ่อยก็จริง แต่เธอก็เห็นเขาเข้าห้องสมุดอยู่บ่อยครั้ง ทว่า 2-3 วันมานี้เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่เลย
เดิมทีหยุนปิงคิดว่าถ้าเย่โม่หายตัวไป...เธอจะสามารถสงบใจแล้วกลับมาใช้ชีวิตต่อไปตามปกติได้ แต่วันนั้นที่เจิ้งเหวินเฉียวและรุ่นพี่ของเธอถูกเล่นงานจนเสียสติไปนั้น หยุนปิงรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเอง เธอคิดจะถามเย่โม่แต่เขากลับมีท่าทีก้าวร้าวแบบนั้น ถึงกับจะโยนเธอลงทะเลสาบ ไอ้คนบัดซบนั่น! นอกจากมองดูเรือนร่างเธอแล้ว หยุนปิงยังสงสัยว่าเขาอาจจะลูบคลำไปแล้วก็ได้เขาถึงได้มีท่าทีหยิ่งยโสแบบนั้น พอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง บางทีที่หนิงไห่นี้คงจะไม่เหมาะกับเธอแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กลับปักกิ่งเถอะ
พอคิดถึงเรื่องที่จะต้องออกจากหนิงไห่ หยุนปิงกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอควรจะออกจากที่นี่ตั้งนานแล้ว
พอกลับมาถึงที่พักสิ่งแรกที่หยุนปิงทำไม่ใช่การทำกับข้าว แต่เป็นการเก็บข้าวของ เมื่อเก็บของเสร็จแล้วเธอก็ตั้งใจจะกวาดห้องสักรอบหนึ่ง
ทำไมภายในห้องเธอถึงมีเอสดีการ์ดได้? หยุนปิงหยิบเอสดีการ์ดขนาด 8G ที่ตกอยู่ขึ้นมาดูอย่างสงสัย เธอไม่เคยใช้เอสดีการ์ดมาก่อน แต่ขณะนั้นเองเธอก็คิดถึงกล้องวิดีโอที่ถูกกระแทกจนพังอันนั้นขึ้นมาได้ วันนั้นหลังจากที่เย่โม่ไปแล้ว...เธอเห็นกล้องวิดีโออันหนึ่งตกแตกอยู่ เพียงแต่อุปกรณ์ข้างในพังจนใช้การไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิดต่อ
มาตอนนี้ได้เจอกับการ์ดเก็บข้อมูลอันนี้ หยุนปิงจึงคิดได้ทันทีว่าเอสดีการ์ดอันนี้คงจะเป็นส่วนหนึ่งของกล้องที่พังในห้องเธออันนั้น คิดไม่ถึงว่าจะมาตกอยู่ตรงมุมห้องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนี้เธอทำความสะอาดห้องก็คงจะไม่มีทางได้เจอแน่นอน
หยุนปิงเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา เสียบเอสดีการ์ดเข้าไป ข้อมูลข้างในมีไฟล์วิดีโออยู่เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น พอเธอกดเปิดไฟล์ เสียงพูดคุยและภาพก็ขึ้นบนหน้าจอของเธอทันที
“คุณชายเจิ้ง ผมพร้อมเริ่มแล้ว” นี่เป็นเสียงของรุ่นพี่ที่ยื่นเครื่องดื่มให้เธอคนนั้นนั่นเอง
“งั้นเริ่มเลย จำไว้ว่าตอนกูขึ้นขย่มนังนี่ก็ถ่ายให้มันชัดๆ ล่ะ เก็บรายละเอียดให้ดี โดยเฉพาะตอนที่นังนี่คราง ถ่ายไว้ให้หมด กูไม่เชื่อว่าถ้ามีวิดีโอนี้อยู่มันจะไม่ยอมอีก!” ภาพที่ปรากฏออกมาบนหน้าจอก็คือเจิ้งเหวินเฉียวนั่นเอง
หยุนปิงโกรธจนตัวสั่น สิ่งที่ทำให้เธอโกรธยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ...เธอเป็นคนฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเองออก หยุนปิงรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คงเพราะวันนั้นเธอดื่มเครื่องดื่มที่มียาปลุกเซ็กส์ผสมอยู่เข้าไปถึงได้กลายเป็นแบบนั้น ใบหน้าของเธอบนหน้าจอดูเปล่งปลั่งแดงก่ำ แววตาเลื่อนลอย เสื้อผ้าตรงหน้าอกถูกเธอดึงออกจนหมด เห็นได้ชัดว่ายานี้แรงขนาดไหน
ขณะที่หยุนปิงไม่รู้จะทำยังไงต่อไปอยู่นั้นเอง ภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนไป ประตูห้องขอเธอถูกถีบเปิดออก เย่โม่ที่ปิดหน้าปิดตาเดินเข้ามาข้างใน หยุนปิงเห็นถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอพอจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เฮ้ยเพื่อน! นายคิดจะทำอะไร? ถ้านายอยากได้เงินล่ะก็...พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมาขัดแย้งกัน อีกอย่างพวกเราเล่นกับนังนี่เสร็จก็อาจเหลือไว้ให้นายเล่นด้วยก็ได้ เกรดดีเลยล่ะ...” เจิ้งเหวินเฉียวในหน้าจอพูดพลางจ้องมองเย่โม่อย่างระแวดระวัง ขณะเดียวกันเขาก็สวมเสื้อที่ยังถอดไม่เสร็จขึ้นอย่างช้าๆ
“เศษสวะ!” เย่โม่พูดแค่ 2 คำนี้แล้วยกเท้าขึ้นถีบเจิ้งเหวินเฉียว
ภาพถัดมานั้นวูบวาบไปมาจนมองไม่ชัดเจน จากนั้นเธอก็เห็นเย่โม่กับรุ่นพี่ของเธอคนนั้นต่อสู้กันเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แล้ววิดีโอก็หยุดลงอย่างกะทันหัน หน้าจอโน๊ตบุ๊คของเธอเปลี่ยนเป็นสีดำ ไม่มีอะไรต่อจากนั้นแล้ว
ถึงแม้จะไม่มีวิดีโอต่อแล้ว แต่หยุนปิงก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เย่โม่คงจะเห็นชาย 2 คนนั้นลักพาตัวเธอเขาจึงตามมาถึงที่นี่แล้วจัดการพวกเขาในบ้านของเธอ ประตูที่พังที่แท้ก็เป็นฝีมือของเย่โม่นั่นเอง เขาพังประตูเข้ามาช่วยเธอ ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจัดการกับฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ในร่างเธอยังไงนั้น หยุนปิงเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งที่เธอรู้แน่ชัดก็คือ...เย่โม่ไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอแน่นอน
มิน่าวันถัดมาเจิ้งเหวินเฉียวและรุ่นพี่ของเธอถึงได้กลายเป็นคนเสียสติไป แถมยังถูกจับแก้ผ้าทิ้งไว้หน้าเซ็นจูรี่สแควร์อีก ที่แท้เย่โม่ก็เป็นคนลงมือนี่เอง
หยุนปิงผุดลุกขึ้นทันที นี่ก็หมายความว่าเธอเข้าใจเย่โม่ผิดไปแล้ว ‘เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้’ หากไม่ได้เขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน? หยุนปิงไม่กล้าจินตนาการต่อ บางทีนอกจากการฆ่าตัวตายแล้วเธอคงไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว เจิ้งเหวินเฉียวคนนี้จิตใจชั่วช้าโหดเหี้ยม แต่เธอไปขัดใจเขาตอนไหนกัน?
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปสนใจเรื่องอื่นแล้ว เธอควรจะติดต่อเย่โม่ให้ได้ เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้แต่กลับถูกตอบแทนความมีน้ำใจด้วยความเกลียดชังเสียอย่างนั้น เธอรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที ถ้ามีหมาป่าตาขาว (ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่ตาบอดไม่เห็นบุญคุณคน เสร็จศึกฆ่าขุนผล เหมือนหมาป่าที่มีนิสัยดุร้ายอำมหิตเหนือมนุษย์) จริงๆ ล่ะก็ เธอก็คงเป็นหนึ่งในนั้นไปเสียแล้ว หยุนปิงเป็นผู้หญิงที่แยกแยะบุญคุณความแค้นได้อย่างชัดเจน ในเมื่อครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายผิด…ก็ควรจะรีบตามหาตัวเย่โม่เพื่อขอโทษเขาซะ แล้วขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
แต่เพราะอะไรเย่โม่ถึงไม่บอกความจริงกับเธอล่ะ? หยุนปิงตระหนักขึ้นมาได้ทันที วันนั้นตอนที่เย่โม่เช็ดหน้าเช็ดตานั้น…เธอตื่นขึ้นมาครู่เดียวแล้วก็สลบไปอีกครั้ง บางทีเย่โม่อาจไม่รู้ว่าเธอตื่นมาเห็นเขาแล้ว อีกทั้งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับลูกชายของรองนายกเทศมนตรี เย่โม่คงกลัวว่าเธออาจจะรู้สึกผิด...หรือไม่ก็อาจจะเปิดโปงข้อมูลอะไรออกไป แล้วสุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็จะตกมาอยู่ที่เธอ
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง…จากมุมมองของเธอแล้ว ถ้าเย่โม่พูดความจริงออกมาแล้วเธอจะเชื่อหรือเปล่า?
ขอบคุณนะเย่โม่ หยุนปิงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าจริงๆ แล้วเย่โม่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น ใจคนเปลี่ยนง่ายเสียจริง ทัศนคติต่อคนๆ หนึ่งเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ก่อนที่จะเก็บกวาดห้องในวันนี้ เธอยังรู้สึกเลยว่าเย่โม่คือคนที่น่ารังเกียจและหน้าด้านที่สุด มาตอนนี้หยุนปิงกลับรู้สึกว่าที่จริงเขาก็ดูเท่ห์ไม่เบาเลย
ไม่ได้การ เธอต้องไปขอโทษเย่โม่ต่อหน้าให้ได้ เขาช่วยชีวิตเธอไว้ เรื่องบางอย่างต่อให้ตายไปก็ไม่อาจแก้ไขได้ กับเรื่องนี้ถ้าเจิ้งเหวินเฉียวทำสำเร็จแล้วต่อให้เธอฆ่าตัวตายล่ะก็ นั่นมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของเธอด่างพร้อยเท่านั้น
ตามหาเย่โม่? แต่เธอเองก็ไม่ได้พบเขานานแล้ว พรุ่งนี้ไปถามที่ชั้นเรียนจะมีใครรู้ที่อยู่ของเย่โม่หรือเปล่านะ?
……….
ในคาบเรียนภาษาอังกฤษวันนี้ สิ่งที่ทำให้เด็กนักศึกษาทั้งคาบตกใจจนแว่นแทบร่วงก็คือ อาจารย์เย็นชาอย่างหยุนปิงกลับถามถึงเย่โม่แบบนี้
หยุนปิงสอนเสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่ออกจากห้อง เธอกลับยืนถามขึ้นตรงหน้าโพเดียม “เย่โม่ไม่ได้เข้าเรียนนานแล้ว ในหมู่พวกเธอมีใครรู้ไหมว่าเขาไปอยู่ที่ไหน? หรือมีใครที่พอจะติดต่อเขาได้บ้าง?”
เงียบกริบ... เป็นความเงียบที่ยาวนาน
ขณะที่หยุนปิงไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่ออยู่นั่นเอง สุดท้ายก็มีนักศึกษาคนหนึ่งตอบกลับมา “เย่โม่สนิทกับชือซิวมากที่สุด แต่ชือซิวเองก็ไม่ได้เข้าเรียนนานแล้วเหมือนกัน ซูเหมยก็รู้จักเย่โม่ ครั้งที่แล้วเห็นพวกเขาพูดคุยกันตรงหน้าห้องสมุด”
หลังจากหยุนปิงเดินออกไป ภายในห้องเรียนก็เกิดเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ เย่โม่ไม่เพียงแต่รู้จักหญิงสาวสุดสวยอย่างซูจิ้งเหวิน ทั้งหญิงสาวคนนั้นยังมาหาเขาอยู่ 2-3 ครั้งด้วย มาตอนนี้อาจารย์เย็นชาอย่างหยุนปิงยังถามถึงเขา เย่โม่คนนี้นี่สุดยอดจริงๆ
ซูเหมยถือว่ามีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยหนิงไห่ อีกทั้งยังเป็นนักเรียนของหยุนปิงเองด้วย แน่นอนว่าเธอต้องรู้จักซูเหมยอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินหยุนปิงถามเรื่องของเย่โม่กับตัวเอง ความรู้สึกแรกของซูเหมยคือประหลาดใจ แต่ก็กลับมาสงบนิ่งตามเดิมทันที “อาจารย์หยุนปิง…เย่โม่โดยสันดานแล้วเป็นคนไม่ดี อาจารย์ไม่ต้องไปถือโทษโกรธคนแบบนี้หรอก แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของหนูก็เกือบจะตกหลุมพรางของเขาแล้ว ช่างเป็นคนที่เสแสร้งเก่งจริงๆ”
หยุนปิงนิ่งงันไปพักหนึ่ง เธอคิดในใจว่าตัวเองยังรู้สึกขอบคุณเขาอยู่เลย ทำไมเธอจะต้องไปโกรธเขากัน? แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของซูเหมย สุดท้ายยังไงซูเหมยก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ตัวเธอเองตอนแรกก็เกลียดเย่โม่เข้ากระดูกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?
“ซูเหมย…ที่จริงแล้วอาจารย์มีเรื่องด่วนเลยต้องตามหาเย่โม่น่ะ” หยุนปิงพูดขึ้นอย่างจนใจ
มีเรื่องด่วน? ดูท่าทางแล้วอาจารย์หยุนปิงจะรีบร้อนอยู่บ้างจริงๆ ตอนนั้นเองที่ซูเหมยคิดถึงเรื่องวันนั้น ที่อาจารย์หยุนปิงโกรธจนอยากจะตบหน้าเย่โม่ ซูเหมยเผลอเหลือบไปมองบริเวณท้องของหยุนปิงโดยไม่ตั้งใจ ไม่ใช่ว่าเย่โม่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือไง? หรือว่าเข้า ‘สร้าง’ ปัญหาขึ้นมาแล้ว?
แน่นอนว่าหยุนปิงไม่รู้ถึงความคิดที่ค่อนข้างสกปรกของซูเหมย เธอถามขึ้นอีกครั้งอย่างร้อนใจ “เธอรู้ไหมว่าเย่โม่อยู่ที่ไหน?”
ซูเหมยได้สติกลับมา เธอส่ายหัว “หนูไม่รู้…แต่ลูกพี่ลูกน้องของหนูที่ชื่อซูจิ้งเหวินอาจจะรู้ก็ได้ อาจารย์หยุนปิงก็ลองไปถามเธอดู”