ตอนที่แล้วบทที่ 46 เมืองชายแดน ‘หลิวเฉอ’
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 โจรขวางทาง

บทที่ 47 ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง


ณ มหาวิทยาลัยหนิงไห่

2-3 วันที่ผ่านมาหยุนปิงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้าง  เธอจงใจมองหาเย่โม่เป็นพิเศษแต่ก็ไม่เจอเขามานานมากแล้ว…ถึงแม้ตอนแรกเย่โม่จะเข้าชั้นเรียนไม่บ่อยก็จริง  แต่เธอก็เห็นเขาเข้าห้องสมุดอยู่บ่อยครั้ง  ทว่า 2-3 วันมานี้เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่เลย

เดิมทีหยุนปิงคิดว่าถ้าเย่โม่หายตัวไป...เธอจะสามารถสงบใจแล้วกลับมาใช้ชีวิตต่อไปตามปกติได้  แต่วันนั้นที่เจิ้งเหวินเฉียวและรุ่นพี่ของเธอถูกเล่นงานจนเสียสติไปนั้น  หยุนปิงรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเอง  เธอคิดจะถามเย่โม่แต่เขากลับมีท่าทีก้าวร้าวแบบนั้น ถึงกับจะโยนเธอลงทะเลสาบ  ไอ้คนบัดซบนั่น!  นอกจากมองดูเรือนร่างเธอแล้ว  หยุนปิงยังสงสัยว่าเขาอาจจะลูบคลำไปแล้วก็ได้เขาถึงได้มีท่าทีหยิ่งยโสแบบนั้น  พอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง  บางทีที่หนิงไห่นี้คงจะไม่เหมาะกับเธอแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็กลับปักกิ่งเถอะ

พอคิดถึงเรื่องที่จะต้องออกจากหนิงไห่  หยุนปิงกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก  เธอควรจะออกจากที่นี่ตั้งนานแล้ว

พอกลับมาถึงที่พักสิ่งแรกที่หยุนปิงทำไม่ใช่การทำกับข้าว  แต่เป็นการเก็บข้าวของ  เมื่อเก็บของเสร็จแล้วเธอก็ตั้งใจจะกวาดห้องสักรอบหนึ่ง

ทำไมภายในห้องเธอถึงมีเอสดีการ์ดได้?  หยุนปิงหยิบเอสดีการ์ดขนาด 8G ที่ตกอยู่ขึ้นมาดูอย่างสงสัย  เธอไม่เคยใช้เอสดีการ์ดมาก่อน  แต่ขณะนั้นเองเธอก็คิดถึงกล้องวิดีโอที่ถูกกระแทกจนพังอันนั้นขึ้นมาได้  วันนั้นหลังจากที่เย่โม่ไปแล้ว...เธอเห็นกล้องวิดีโออันหนึ่งตกแตกอยู่  เพียงแต่อุปกรณ์ข้างในพังจนใช้การไม่ได้แล้ว   ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิดต่อ

มาตอนนี้ได้เจอกับการ์ดเก็บข้อมูลอันนี้  หยุนปิงจึงคิดได้ทันทีว่าเอสดีการ์ดอันนี้คงจะเป็นส่วนหนึ่งของกล้องที่พังในห้องเธออันนั้น  คิดไม่ถึงว่าจะมาตกอยู่ตรงมุมห้องแบบนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนี้เธอทำความสะอาดห้องก็คงจะไม่มีทางได้เจอแน่นอน

หยุนปิงเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา  เสียบเอสดีการ์ดเข้าไป  ข้อมูลข้างในมีไฟล์วิดีโออยู่เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น   พอเธอกดเปิดไฟล์  เสียงพูดคุยและภาพก็ขึ้นบนหน้าจอของเธอทันที

“คุณชายเจิ้ง  ผมพร้อมเริ่มแล้ว”  นี่เป็นเสียงของรุ่นพี่ที่ยื่นเครื่องดื่มให้เธอคนนั้นนั่นเอง

“งั้นเริ่มเลย  จำไว้ว่าตอนกูขึ้นขย่มนังนี่ก็ถ่ายให้มันชัดๆ ล่ะ  เก็บรายละเอียดให้ดี  โดยเฉพาะตอนที่นังนี่คราง  ถ่ายไว้ให้หมด  กูไม่เชื่อว่าถ้ามีวิดีโอนี้อยู่มันจะไม่ยอมอีก!”  ภาพที่ปรากฏออกมาบนหน้าจอก็คือเจิ้งเหวินเฉียวนั่นเอง

หยุนปิงโกรธจนตัวสั่น  สิ่งที่ทำให้เธอโกรธยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ...เธอเป็นคนฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเองออก  หยุนปิงรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่  คงเพราะวันนั้นเธอดื่มเครื่องดื่มที่มียาปลุกเซ็กส์ผสมอยู่เข้าไปถึงได้กลายเป็นแบบนั้น  ใบหน้าของเธอบนหน้าจอดูเปล่งปลั่งแดงก่ำ  แววตาเลื่อนลอย  เสื้อผ้าตรงหน้าอกถูกเธอดึงออกจนหมด  เห็นได้ชัดว่ายานี้แรงขนาดไหน

ขณะที่หยุนปิงไม่รู้จะทำยังไงต่อไปอยู่นั้นเอง  ภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนไป  ประตูห้องขอเธอถูกถีบเปิดออก  เย่โม่ที่ปิดหน้าปิดตาเดินเข้ามาข้างใน  หยุนปิงเห็นถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก  เธอพอจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“เฮ้ยเพื่อน!  นายคิดจะทำอะไร?  ถ้านายอยากได้เงินล่ะก็...พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมาขัดแย้งกัน  อีกอย่างพวกเราเล่นกับนังนี่เสร็จก็อาจเหลือไว้ให้นายเล่นด้วยก็ได้  เกรดดีเลยล่ะ...”  เจิ้งเหวินเฉียวในหน้าจอพูดพลางจ้องมองเย่โม่อย่างระแวดระวัง  ขณะเดียวกันเขาก็สวมเสื้อที่ยังถอดไม่เสร็จขึ้นอย่างช้าๆ

“เศษสวะ!”  เย่โม่พูดแค่ 2 คำนี้แล้วยกเท้าขึ้นถีบเจิ้งเหวินเฉียว

ภาพถัดมานั้นวูบวาบไปมาจนมองไม่ชัดเจน  จากนั้นเธอก็เห็นเย่โม่กับรุ่นพี่ของเธอคนนั้นต่อสู้กันเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้น  แล้ววิดีโอก็หยุดลงอย่างกะทันหัน  หน้าจอโน๊ตบุ๊คของเธอเปลี่ยนเป็นสีดำ  ไม่มีอะไรต่อจากนั้นแล้ว

ถึงแม้จะไม่มีวิดีโอต่อแล้ว  แต่หยุนปิงก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น  เย่โม่คงจะเห็นชาย 2 คนนั้นลักพาตัวเธอเขาจึงตามมาถึงที่นี่แล้วจัดการพวกเขาในบ้านของเธอ  ประตูที่พังที่แท้ก็เป็นฝีมือของเย่โม่นั่นเอง  เขาพังประตูเข้ามาช่วยเธอ  ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจัดการกับฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ในร่างเธอยังไงนั้น  หยุนปิงเองก็ไม่อาจรู้ได้  แต่สิ่งที่เธอรู้แน่ชัดก็คือ...เย่โม่ไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอแน่นอน

มิน่าวันถัดมาเจิ้งเหวินเฉียวและรุ่นพี่ของเธอถึงได้กลายเป็นคนเสียสติไป  แถมยังถูกจับแก้ผ้าทิ้งไว้หน้าเซ็นจูรี่สแควร์อีก  ที่แท้เย่โม่ก็เป็นคนลงมือนี่เอง

หยุนปิงผุดลุกขึ้นทันที  นี่ก็หมายความว่าเธอเข้าใจเย่โม่ผิดไปแล้ว  ‘เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้’  หากไม่ได้เขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน?  หยุนปิงไม่กล้าจินตนาการต่อ  บางทีนอกจากการฆ่าตัวตายแล้วเธอคงไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว  เจิ้งเหวินเฉียวคนนี้จิตใจชั่วช้าโหดเหี้ยม  แต่เธอไปขัดใจเขาตอนไหนกัน?

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาไปสนใจเรื่องอื่นแล้ว  เธอควรจะติดต่อเย่โม่ให้ได้  เขาช่วยชีวิตเธอเอาไว้แต่กลับถูกตอบแทนความมีน้ำใจด้วยความเกลียดชังเสียอย่างนั้น  เธอรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที  ถ้ามีหมาป่าตาขาว (ใช้เปรียบเทียบถึงคนที่ตาบอดไม่เห็นบุญคุณคน เสร็จศึกฆ่าขุนผล เหมือนหมาป่าที่มีนิสัยดุร้ายอำมหิตเหนือมนุษย์) จริงๆ ล่ะก็  เธอก็คงเป็นหนึ่งในนั้นไปเสียแล้ว  หยุนปิงเป็นผู้หญิงที่แยกแยะบุญคุณความแค้นได้อย่างชัดเจน  ในเมื่อครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายผิด…ก็ควรจะรีบตามหาตัวเย่โม่เพื่อขอโทษเขาซะ  แล้วขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้

แต่เพราะอะไรเย่โม่ถึงไม่บอกความจริงกับเธอล่ะ?  หยุนปิงตระหนักขึ้นมาได้ทันที  วันนั้นตอนที่เย่โม่เช็ดหน้าเช็ดตานั้น…เธอตื่นขึ้นมาครู่เดียวแล้วก็สลบไปอีกครั้ง  บางทีเย่โม่อาจไม่รู้ว่าเธอตื่นมาเห็นเขาแล้ว  อีกทั้งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับลูกชายของรองนายกเทศมนตรี  เย่โม่คงกลัวว่าเธออาจจะรู้สึกผิด...หรือไม่ก็อาจจะเปิดโปงข้อมูลอะไรออกไป  แล้วสุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็จะตกมาอยู่ที่เธอ

หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง…จากมุมมองของเธอแล้ว  ถ้าเย่โม่พูดความจริงออกมาแล้วเธอจะเชื่อหรือเปล่า?

ขอบคุณนะเย่โม่  หยุนปิงรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าจริงๆ แล้วเย่โม่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น  ใจคนเปลี่ยนง่ายเสียจริง  ทัศนคติต่อคนๆ หนึ่งเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้  ก่อนที่จะเก็บกวาดห้องในวันนี้  เธอยังรู้สึกเลยว่าเย่โม่คือคนที่น่ารังเกียจและหน้าด้านที่สุด  มาตอนนี้หยุนปิงกลับรู้สึกว่าที่จริงเขาก็ดูเท่ห์ไม่เบาเลย

ไม่ได้การ  เธอต้องไปขอโทษเย่โม่ต่อหน้าให้ได้  เขาช่วยชีวิตเธอไว้  เรื่องบางอย่างต่อให้ตายไปก็ไม่อาจแก้ไขได้  กับเรื่องนี้ถ้าเจิ้งเหวินเฉียวทำสำเร็จแล้วต่อให้เธอฆ่าตัวตายล่ะก็  นั่นมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของเธอด่างพร้อยเท่านั้น

ตามหาเย่โม่?  แต่เธอเองก็ไม่ได้พบเขานานแล้ว  พรุ่งนี้ไปถามที่ชั้นเรียนจะมีใครรู้ที่อยู่ของเย่โม่หรือเปล่านะ?

……….

ในคาบเรียนภาษาอังกฤษวันนี้  สิ่งที่ทำให้เด็กนักศึกษาทั้งคาบตกใจจนแว่นแทบร่วงก็คือ  อาจารย์เย็นชาอย่างหยุนปิงกลับถามถึงเย่โม่แบบนี้

หยุนปิงสอนเสร็จแล้วแต่ก็ยังไม่ออกจากห้อง  เธอกลับยืนถามขึ้นตรงหน้าโพเดียม  “เย่โม่ไม่ได้เข้าเรียนนานแล้ว  ในหมู่พวกเธอมีใครรู้ไหมว่าเขาไปอยู่ที่ไหน?  หรือมีใครที่พอจะติดต่อเขาได้บ้าง?”

เงียบกริบ... เป็นความเงียบที่ยาวนาน

ขณะที่หยุนปิงไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่ออยู่นั่นเอง  สุดท้ายก็มีนักศึกษาคนหนึ่งตอบกลับมา  “เย่โม่สนิทกับชือซิวมากที่สุด  แต่ชือซิวเองก็ไม่ได้เข้าเรียนนานแล้วเหมือนกัน  ซูเหมยก็รู้จักเย่โม่  ครั้งที่แล้วเห็นพวกเขาพูดคุยกันตรงหน้าห้องสมุด”

หลังจากหยุนปิงเดินออกไป  ภายในห้องเรียนก็เกิดเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่  เย่โม่ไม่เพียงแต่รู้จักหญิงสาวสุดสวยอย่างซูจิ้งเหวิน  ทั้งหญิงสาวคนนั้นยังมาหาเขาอยู่ 2-3 ครั้งด้วย  มาตอนนี้อาจารย์เย็นชาอย่างหยุนปิงยังถามถึงเขา  เย่โม่คนนี้นี่สุดยอดจริงๆ

ซูเหมยถือว่ามีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยหนิงไห่  อีกทั้งยังเป็นนักเรียนของหยุนปิงเองด้วย  แน่นอนว่าเธอต้องรู้จักซูเหมยอยู่แล้ว

เมื่อได้ยินหยุนปิงถามเรื่องของเย่โม่กับตัวเอง  ความรู้สึกแรกของซูเหมยคือประหลาดใจ  แต่ก็กลับมาสงบนิ่งตามเดิมทันที  “อาจารย์หยุนปิง…เย่โม่โดยสันดานแล้วเป็นคนไม่ดี  อาจารย์ไม่ต้องไปถือโทษโกรธคนแบบนี้หรอก  แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของหนูก็เกือบจะตกหลุมพรางของเขาแล้ว  ช่างเป็นคนที่เสแสร้งเก่งจริงๆ”

หยุนปิงนิ่งงันไปพักหนึ่ง  เธอคิดในใจว่าตัวเองยังรู้สึกขอบคุณเขาอยู่เลย  ทำไมเธอจะต้องไปโกรธเขากัน?  แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของซูเหมย  สุดท้ายยังไงซูเหมยก็มีความคิดเป็นของตัวเอง  ตัวเธอเองตอนแรกก็เกลียดเย่โม่เข้ากระดูกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?

“ซูเหมย…ที่จริงแล้วอาจารย์มีเรื่องด่วนเลยต้องตามหาเย่โม่น่ะ”  หยุนปิงพูดขึ้นอย่างจนใจ

มีเรื่องด่วน?  ดูท่าทางแล้วอาจารย์หยุนปิงจะรีบร้อนอยู่บ้างจริงๆ  ตอนนั้นเองที่ซูเหมยคิดถึงเรื่องวันนั้น  ที่อาจารย์หยุนปิงโกรธจนอยากจะตบหน้าเย่โม่  ซูเหมยเผลอเหลือบไปมองบริเวณท้องของหยุนปิงโดยไม่ตั้งใจ  ไม่ใช่ว่าเย่โม่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือไง?  หรือว่าเข้า ‘สร้าง’ ปัญหาขึ้นมาแล้ว?

แน่นอนว่าหยุนปิงไม่รู้ถึงความคิดที่ค่อนข้างสกปรกของซูเหมย  เธอถามขึ้นอีกครั้งอย่างร้อนใจ  “เธอรู้ไหมว่าเย่โม่อยู่ที่ไหน?”

ซูเหมยได้สติกลับมา  เธอส่ายหัว  “หนูไม่รู้…แต่ลูกพี่ลูกน้องของหนูที่ชื่อซูจิ้งเหวินอาจจะรู้ก็ได้   อาจารย์หยุนปิงก็ลองไปถามเธอดู”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด