บทที่ 13
หลังจากที่วาดอักขระศักดิ์สิทธิ์ทำเป็นค่ายกลสำหรับปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของบ้านแล้ว ด้านในบ้านเด็กหนุ่มก็ตรวจดูอาการของชายชราที่นอนอยู่บนเตียงไม้ ไม่นานก็เด็กหนุ่มโบกสะบัดมือขวาอีกครั้ง มีขวดกระเบื้องสีขาวนวลสองขวดอยู่ในมือ เด็กหนุ่มเปิดจุกขวดยาทั้งสองออกมา กลิ่นของยาในขวดส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมา เด็กหนุ่มรีบเทเม็ดยาออกมาไว้ที่มือซ้ายอย่างละสองเม็ด เม็ดหนึ่งสีแดงอีกเม็ดสีเขียว เด็กหนุ่มรีบป้อนยาทั้งสองเม็ดให้กับชายชราอย่างรวดเร็วหลังจากป้อนยาเสร็จ เด็กหนุ่มก็รีบโบกสะบัดมือขวาอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็ลอยอยู่เหนือร่างของชายชรา มีประกายสายฟ้าป้องกันด้านนอก หลังจากนั้นก็เข้าครัวทำอาหารให้แก่ชายชรา แน่นอนว่าดีหมีที่ได้มาสามารถช่วยเหลืออาการที่ชายชราได้เป็นอย่างดี
เมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จสิ้น เด็กหนุ่มรับจัดสำรับเข้ามาในห้องของชายชรา ดีหมีเด็กหนุ่มนำไปจัดการปรุงเป็นยาเสียก่อน แล้วค่อยนำไปผสมในน้ำแกง น้ำแกงที่ได้จากการตุ๋นอุ้งตีนหมี พร้อมกับผัดผักที่ทำมาจากสมุนไพรหลากหลายชนิด พอยกสำรับอาหารเข้ามา ชายชราก็รู้สึกตัว
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับข้ากัน”
เด็กหนุ่มที่กำลังนำสำรับอาหารจัดวางไว้บนโต๊ะไม้ ก็หันมากล่าวตอบชายชราอย่างอารมณ์ขุ่นมัว
“ท่านปู่ ท่านพอจะกล่าวต่อข้าถึงความจริงได้หรือไม่ ว่าเหตุใดท่านถึงได้รับพิษ”
ชายชราจ้องมองดูเด็กหนุ่มด้านหน้าที่กล่าวเสียงแข็งกับตน ทำให้ชายชรานึกย้อนกลับไปถึงเมื่อครั้งอดีตที่บุตรชายของตนก็กระทำเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มด้านหน้านี้ ผ่านไปถึงสามลมหายใจ ชายชราก็ถอนหายใจยกยิ้มกับเด็กหนุ่มด้านหน้าที่เป็นหลานชายแท้ๆของตน
“เห้อ ลูกฟง เจ้าอย่าได้สงสัยสิ่งใด ขอเพียงเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้ารู้ตัวดีว่าตัวข้านั้นคงอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะพิษที่ได้รับมานั้น มันมากมายเหลือเกิน”
แน่นอนชายชรารู้อยู่แก่ใจว่า หากกล่าวบอกไปถึงตัวผู้วางยาตน เด็กหนุ่มด้านหน้าคงต้องใช้กำลังเป็นแน่ หากเป็นเมื่อครั้งอดีตมีรึว่าตนจะยอมให้เป็นเช่นนี้ หากไม่เพราะกลลวงมีรึที่ชายชราจะได้รับพิษ เด็กหนุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มเอ่ยกับชายชรา
“ท่านปู่ ตัวท่านในตอนนี้หาได้เป็นสิ่งใดแล้ว พิษที่ท่านได้รับถูกรักษาพร้อมกับอาการบาดเจ็บของท่านด้วย ไม่เชื่อท่านทดลองโคจรลมปราณสิขอรับ”
ชายชราเมื่อได้ยินเช่นนั้นถึงกับต้องขมวดคิ้วทั้งสองข้าง ไม่นานก็รีบนั่งโคจรลมปราณไม่ถึงหนึ่งเค่อ ชายชราก็ยกยิ้มอย่างดีใจพร้อมกับหันไปมองหลานชายของตนที่ยืนยกยิ้มอยู่ข้างโต๊ะไม้ ในมือถือถ้วยขนาดเล็กมีน้ำแกงอยู่
“ท่านปู่ ท่านอย่าได้กล่าวสิ่งใดให้มากความ ตอนนี้ท่านยังอ่อนแรงมากนัก ทานน้ำแกงสักหน่อยเถอะ”
เมื่อกล่าวจบเด็กหนุ่มก็เดินเข้าหาชายชราพร้อมกับยื่นถ้วยน้ำแกงให้ ไม่กล่าวสิ่งได้เพิ่มชายชรายกดื่มน้ำแกงในถ้วยจนหมด หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็พยุงชายชราลุกขึ้นมาทานอาหาร เมื่อทานอาหารจนอิ่ม ไม่ถึงห้าลมหายใจ ชายชราก็มีอาการตัวร้อน เด็กหนุ่มยกยิ้มแล้วเอ่ยกับชายชรา
“ท่านปู่ ตอนนี้ท่านรู้สึกร้อนไปทั้งตัวใช่หรือไม่ เช่นนั้นท่านรีบโคจรลมปราณเถอะ ระดับพลังของท่านคงใกล้ผ่านระดับแล้ว ข้าไม่คิดเลยว่าดีหมีกับสมุนไพรจะออกฤทธิ์ได้ดีเช่นนี้”
เมื่อกล่าวจบสิ้นเด็กหนุ่มรีบพยุงชายชราขึ้นไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง เด็กหนุ่มหาได้ยืนเฝ้ามอง เดินออกไปนั่งเก้าอี้ที่หน้าบ้านแทน ในระหว่างนั้นเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองมาที่บ้านของตน เด็กหนุ่มรีบโบกสะบัดมือขวาอีกครั้งอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็ปรากฏออกมาให้เห็นรางๆ ชายหนุ่มโบกสะบัดมืออีกครั้งอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าก็ล่องลอยออกไปยังจุดที่มีคนกำลังแอบดูอยู่ เวลาผ่านไปยาวนาน สุดท้ายแสงอรุณก็ลาลับขอบฟ้า เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านเหม่อมองท้องฟ้าก็รับรู้ถึงพลังของผู้ที่อยู่ด้านในบ้าน ไม่นานหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็เข้าไปในห้อง
“ยินดีด้วยขอรับท่านปู่ ที่ตัดผ่านระดับมาได้”
ชายชราเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่หลานชายกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง ก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต้องขอบใจเจ้านักลูกฟง หากไม่ได้เจ้าช่วยเหลือ ข้าคงไม่เป็นเช่นนี้”
“อย่ากล่าวสิ่งใดเลยท่านปู่ ท่านควรจะไปอาบน้ำได้แล้ว กลิ่นตัวท่านมันช่าง”