ตอนที่ 58 บ้านรุ่งโรจน์ร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที
เหนือภพนิ่งเงียบไป เขายังคงคิดใคร่ครวญเสียดายเงิน 10,000 เหรียญทองอยู่ แต่เมื่อคิดถึงรางวัลตอบแทนที่จะได้มา เขาก็ถอนหายใจอย่างคนตัดสินใจเด็ดขาด จากนั้นก็หันมองไปหาว่าที่เพื่อนร่วมทีมของเขา เขาต้องการคนสนิทที่ไว้ใจได้
เหนือภพหันไปสบตากับไร้ชื่อ ไร้ชื่อก็มองมาด้วยดวงตาใสซื่อระคนตื่นเต้น
“เยี่ยม ครบทีมพอดี”
เฮงเฮงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นเช่นกัน แม้เขาจะไม่ชอบการต่อสู้ แต่ประสบการณ์พิเศษเช่นนี้มันทำคนหนุ่มอย่างเขาถึงกับเลือดร้อนขึ้นมาได้
เหนือภพหันกลับมามองเฮงเฮงด้วยความรู้สึกผิด การมีเฮงเฮงร่วมทีมนั้นเป็นอะไรที่เสี่ยงมากเกินไป แต่เขาก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของสหาย
ในขณะที่เหนือภพยังคงสองจิตสองใจอยู่นั้น พยัคฆ์คีรีก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าห้องรับรองของตึกลำธาร
“องค์รัชทายาทส่งข้ามาช่วยเจ้า”
พยัคฆ์คีรีพูดอย่างเย็นชา หากไม่ได้รับคำสั่งเขาก็ไม่อยากมาหรอก เหนือภพก็มองเขาด้วยความเย็นชาเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่เหนือภพจะได้เอ่ยปากอะไรก็มีคนมาหาอีกแล้ว
“ข้าน้อยได้รับคำสั่งมาจากตระกูลใต้ มาเรียนเชิญท่านเหนือภพเข้าร่วมประมูลในนามตระกูลใต้ เรื่องค่าตอบแทนล้วนคุยกันได้”
“ข้าน้อยมาจากสมาคมพ่อค้าเมืองสุพรรณิการ์ มาเรียนเชิญท่านเหนือภพเข้าร่วมประมูลในนามสมาคมพ่อค้าเมืองสุพรรณิการ์ เรื่องค่าตอบแทนล้วนคุยกันได้”
“ข้าน้อยมาจากบ้านเพชรการเวก มาเรียนเชิญท่านเหนือภพเข้าร่วมประมูลในนามบ้านเพชรการเวก บ้านฮันเตอร์ขององค์หญิงบุษย์น้ำเพชร เรื่องค่าตอบแทนล้วนคุยกันได้”
ชายคนที่สองและคนที่สามลอกคำพูดของคนแรกมาอย่างไม่ตกหล่น พวกเขาเหลือบมองหน้ากันอย่างเขม่นในที
เหนือภพรู้สึกแปลกใจที่เรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้ เมื่อเขามองสำรวจรอบก็พบว่าแต่ละฝ่ายกำลังวิ่งวุ่นจ้างวานฮันเตอร์มีฝีมือที่อยู่ในละแวกนี้อย่างบ้าคลั่ง และฮันเตอร์มากฝีมือที่มีอายุระหว่าง 18-20 ปีก็มีน้อยเสียด้วย แม้เหนือภพจะคิดอยากได้ค่าตอบแทนเหล่านั้น แต่เขาก็ไม่อยากแบ่งผลงานจากภารกิจให้ฝ่ายไหนทั้งนั้น
เหนือภพมองเมินทุกคนที่ยืนรออยู่ตรงนั้น ขณะเอ่ยอย่างไว้ไมตรีว่า
“ขอบคุณทุกท่านที่เห็นความสามารถในตัวข้า แต่ทีมของข้าครบแล้ว ข้าจะลงสมัครในนาม...”
เหนือภพหันซ้ายหันขวามองหน้าไร้ชื่อและเฮงเฮง ก่อนจะคิดชื่อทีมด้วยตัวเอง
“บ้านรุ่งโรจน์ร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที”
แม้พวกเขาจะยังไม่มีบ้านจริง ๆ แต่เหนือภพก็คิดว่าชื่อทีมแบบนี้เป็นชื่อที่ดี เมื่อไร้ชื่อและเฮงเฮงไม่คัดค้านอะไร เหนือภพก็เดินนำเพื่อนร่วมทีมไปลงทะเบียนรออยู่ที่ข้างเวที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เหนือภพ ไร้ชื่อ และเฮงเฮงยืนมองเวทีอย่างตื่นตะลึง ตอนนี้ข้างบนเวทีมีพื้นที่สำหรับยืนเพียงน้อยนิด เพราะถูกครอบแก้วใสรูปครึ่งวงกลมคว่ำอยู่ มันใหญ่มากจนเกือบเต็มเวที ข้างในครอบแก้วมีป่าไม้จำลองขนาดเล็ก มันคือครอบแก้ววสันต์ เป็นครอบแก้วที่ใช้ย่อพื้นที่ขนาดใหญ่มาจำลองไว้ในพื้นที่ที่จำกัด หากมีการต่อสู้ภายใน คนภายนอกก็จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน และความเสียหายใดใดที่เกิดขึ้นในครอบแก้วจะไม่ทะลุ ไม่สะเทือนออกมาภายนอก นี่เป็นมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่เฉียบขาดของคณะผู้จัดงาน
เหนือภพจ้องมองต้นไม้ที่มีขนาดประมาณหนึ่งศอกอย่างฉงน มันเหมือนจริงมาก ๆ แต่ยังไงมันก็เล็กอยู่ดี ทุกคนจะเข้าไปสู้กันในนั้นได้อย่างไร เขาคิดกับตัวเองเช่นนั้นพลางเงยหน้ามองคู่แข่งที่ต่างก็มาลงทะเบียนกันครบหมดแล้ว ท้ายที่สุดก็มีคนรวมทีมกันได้เพียงแค่ 11 ทีมเท่านั้น เท่ากับว่าจะมีคนเข้าไปในครอบแก้วทั้งหมด 33 คน
“ขอต้อนรับทุกท่านกลับเข้ามาสู่ช่วงเวลาสำคัญ ช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะมีผู้ร่วมประมูลทั้งหมด 11 ทีม”
พิธีกรสาวคนเดิมยืนอยู่ริมขอบเวทีพร้อมกับกระดาษใบน้อยในมือเธอ
“ทีมแรกคือ ทีมบ้านเพชรการเวก เป็นทีมที่มาจากบ้านมีชื่อเสียงมากในเมืองอมตะนคร ข้าน้อยไม่แปลกใจเลยที่องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรจะสามารถคัดสรรฮันเตอร์ผู้มีฝีมือมาได้ทันเวลา”
“ทีมที่ 2 คือ ทีมตระกูลขาล ทีมนี้ก็เก่งไม่น้อยไปกว่ากัน ทุกท่านก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลขาลแห่งเมืองปัญจรีย์ คราวนี้เรามาลุ้นไปด้วยกันว่าปราณพยัคฆ์จะเด็ดเดี่ยวสมคำร่ำลือแค่ไหน”
เมื่อพิธีกรพูดมาถึงทีมนี้ เหนือภพก็เหลือบมองพยัคฆ์คีรีด้วยความหมั่นไส้ แค่เขาไม่ให้ร่วมทีมด้วยก็ถึงกับต้องไปซบอกทีมที่ใช้ปราณอาคมพยัคฆ์เลยหรือนี่ ส่วนพยัคฆ์คีรีก็จ้องเหนือภพกลับอย่างไม่ยอมกัน ในเมื่อตระกูลขาลเชิญเขาเข้าร่วมอย่างให้เกียรติ เขาก็ยินดีเสียยิ่งกว่าต้องไปร่วมทีมกับเหนือภพก็แล้วกัน
“ทีมที่ 3 คือ ทีมเทพเจ้า เป็นทีมที่รวบรวมยอดฝีมือของตระกูลสุบรรณเวนไตย ตัวแทนจากสำนักงานฮันเตอร์ และหนุ่มน้อยจากตระกูลชวดสีขาว พวกเขาจะเทพสมชื่อหรือไม่ เราก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะเจ้าคะ”
“ทีมที่ 4 คือ ทีมนิรันดร์กาลนคร …….”
“ทีมที่ 5 คือ ทีมตระกูลใต้ …….”
“ทีมที่ 6 คือ ทีมตระกูลนาคราช …….”
“ทีมที่ 7 คือ ทีมแม่ทัพหลวง …….”
“ทีมที่ 8 คือ ทีมมือปราบหลวง …….”
“ทีมที่ 9 คือ ทีมบ้านลานเงิน …….”
“ทีมที่ 10 คือ ทีมบ้านปักษาหงส์ทอง …….”
“และทีมสุดท้ายคือทีม เอ่อ ทีมบ้านรุ่งโรจน์ร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาที แม้ชื่อบ้านของพวกเขาจะไม่เป็นที่คุ้นหูนัก แต่พวกเขาก็เป็นหนุ่มน้อยไฟแรง แรงมากเสียด้วย”
พิธีการสาวเกือบจะหลุดปากพูดไปแล้วว่าเหนือภพนี่เองที่เป็นคนช่วยจุดไฟในวันเปิดงาน แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เธอก็หยุดตัวเองได้ทันเวลา ไม่พูดตอกย้ำความอับอายของราชวงศ์ในวันนั้นอีก
“ในเมื่อทุกท่านได้รู้จักกับทีมทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้รับสร้อยคอภารกิจ ณ บัดนี้”
สิ้นเสียงของเธอ สร้อยคอทั้ง 11 เส้นก็ค่อย ๆ ลอยลงมาจากเบื้องบน ลอยลงมาวางกองอยู่บนครอบแก้วอย่างสงบ จากนั้นก็ปรากฏพายุหมุนขนาดย่อมพัดหมุนกองสร้อยคอนั้นอย่างรุนแรง แล้วสร้อยคอแต่ละเส้นก็ถูกเหวี่ยงออกไปหาแต่ละทีมแบบสุ่ม
“โอ๊ย !”
สร้อยคอโลหะหนักที่มีวงคล้องต่อกันคล้ายโซ่ถูกเหวี่ยงมากระแทกกับหัวของเฮงเฮงอย่างแรง เหนือภพสังเกตเห็นว่าหัวหน้าของแต่ละทีมจะคล้องสร้อยคอไว้อย่างหวงแหน บางคนก็ถึงกับเอายัดเข้าไปในอกเสื้ออีกที เหนือภพจึงหยิบสร้อยโลหะมาคล้องคอไว้เช่นกัน หากใครคิดจะมาแย่ง ก็เอาชนะเขาให้ได้ก่อนก็แล้วกัน
“ทุกท่านเป็นประจักษ์พยานร่วมกันนะคะ ทีมบ้านเพชรการเวกได้สร้อยคอขนนก ทีมตระกูลขาลได้สร้อยคอพลอยสี ทีม…”
แล้วเธอก็อธิบายไปอีกยืดยาวจนกระทั่งถึงทีมสุดท้าย
“และทีมบ้านรุ่งโรจน์ร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมาทุก ๆ วินาทีได้สร้อยคอโลหะ และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสร้อยในสนามต่อสู้ และป้องกันการถูกคู่ต่อสู้ทำลายทิ้ง สร้อยทุกเส้นจึงมีการเคลือบแร่สองสีเอาไว้ พวกท่านทั้งหมดมีเวลาภายในครอบแก้วป่าวสันต์เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น จะมีเสียงสัญญาณเตือนในเวลา 10 นาทีสุดท้าย หากหมดเวลาเมื่อไหร่ทุกคนจะถูกดีดออกมาจากครอบแก้วทันที และถือว่าจบสิ้นการแข่งขันนะเจ้าคะ”
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 33 คนที่ยืนคนละมุมล้อมครอบแก้วอยู่ มองหน้ากันและกัน พวกเขาต่างจดจำใบหน้าของแต่ละทีมเอาไว้ ในใจก็คิดมาดหมายแตกต่างกันไป ส่วนผู้ชมรอบข้างต่างส่งเสียงเชียร์ด้วยความลุ้นระทึก การแข่งขันในครั้งนี้นอกจากจะแย่งชิงภารกิจระดับสูงกันแล้ว ยังเป็นการประกาศศักดาด้วยว่าคนหนุ่มรุ่นใหม่ของตระกูลหรือบ้านใดเก่งกาจสามารถกว่ากัน
“ขอให้ทุกทีมวางมือขวาบนครอบแก้วเบื้องหน้าท่าน ข้าน้อยจะนับถอยหลังเพื่อเริ่มการแข่งขัน ณ บัดนี้”
“5 4”
เหนือภพหันมองไร้ชื่อและเฮงเฮงอย่างให้กำลังใจ ทั้งสองคนยืนประกบเหนือภพไว้ตรงกลางอย่างปกป้อง แน่นอนว่าใครก็ตามที่คิดจะเข้าถึงตัวเหนือภพ ก็ต้องผ่านพวกเขาเสียก่อน
“3 2”
ชายหนุ่มจากตระกูลสุบรรณเวนไตยเงยหน้ามองเหนือภพ พลางใช้นิ้วชี้ซ้ายปาดผ่านลำคอของเขาเป็นเชิงขู่เหนือภพ เหนือภพไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตระกูลนี้ถึงจ้องจะจองล้างจองผลาญเขานัก
ในขณะที่เหนือภพคิดสงสัย พญานาคก็แลบลิ้นออกมา พลางพูดอย่างตื่นเต้น
“เดี๋ยวจัดมันเลยไอ้หนู”
“1 เริ่ม !”
สิ้นเสียงของพิธีกรสาว ครอบแก้วขนาดใหญ่ก็เปล่งแสงสว่างจ้า จนทุกคนต้องหยีตา วินาทีต่อมาแสงสว่างก็วูบหายไปพร้อมกับผู้เข้าแข่งขันการประมูลทั้ง 33 คน
เหนือภพลืมตาอีกครั้งก็พบว่าเขาและทีมกำลังยืนอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบขนาดใหญ่ บรรยากาศรอบด้านค่อนข้างมืดครึ้ม มีแสงเพียงรำไร ให้ความรู้สึกเหมือนป่าเหนือหมู่บ้าน ที่หมู่บ้านแร่ห้าสีของเขาเหลือเกิน เฮงเฮงรู้สึกตื่นตัวและหวาดระแวงมากทวีคูณ เขาอยู่นิ่งไม่ได้เลยดวงตาล่อกแล่กตลอดเวลา ผิดกับไร้ชื่อที่กำลังยืนนิ่งดื่มด่ำบรรยากาศอย่างผ่อนคลาย
ตอนนี้แต่ละทีมถูกส่งกระจายตัวกันอยู่รอบ ๆ ป่าแห่งนี้ โดยมีจุดศูนย์กลางคือมหาวิหาร พวกเขายังมองไม่เห็นทีมอื่น ๆ ไม่รู้ว่าแต่ละทีมมีแผนจะเข้าไปตรวจสอบสร้อย หรือจะตีโอบมาแย่งชิงสร้อยของคนอื่น
พวกเขาไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกเลย ไม่รู้ว่าพิธีกรกำลังบรรยาย หรือพูดเกี่ยวกับอะไรอยู่ พวกเขาเพียงรู้สึกได้ถึงการจับจ้องจากคนข้างนอก
“เหนือภพเราจะทำอะไรต่อไป”
เฮงเฮงขยับกายเข้ามาใกล้เหนือภพมากยิ่งขึ้น แต่เหนือภพกลับดูนิ่งขรึมผิดปกติ เขาไม่ตอบเฮงเฮง แต่กลับคุยกับพญานาคที่รัดรอบกายพลางถอดสร้อยโลหะออกจากคอ
“เจ้ากลืนเข้าไปเลย ไม่ให้ใครหาเจอ”
“ถ้าข้ากลืนเข้าไปมันก็ถูกพิษละลายหมดน่ะสิ”
“อ้อ เช่นนั้นข้าฝากสร้อยไว้ที่คอเจ้าก็แล้วกัน ถ้าอยากมีเรื่องสนุก ๆ ทำอีก ก็ช่วยข้าให้ได้ภารกิจระดับสูงก็แล้วกัน”
“หึ เชื่อมือข้าเถอะน่า”
พญานาคพูดจบก็เลื้อยเศียรเข้ามาในสายสร้อยอย่างว่าง่าย จากนั้นมันก็ขยายร่างกายขึ้นอีกนิด จนร่างกายของมันมีขนาดคับพอดีกับสร้อย ยากที่สร้อยจะหลุดหาย หรือถูกดึงออกไปได้ เมื่อเฮงเฮงและไร้ชื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งอกในทันที
“ต่อไปเราจะไปล่าสร้อยที่เหลือกัน เฮงเฮงเจ้านำวิ่งออกไปเลย เดี๋ยวพวกข้าจะตามไป”
“ห๊ะ !”
เฮงเฮงร้องเสียงหลง เมื่อได้ยินคำสั่งแปลกประหลาดจากเหนือภพ
“ข้าไม่ใช่ซวยซวยนะ ที่จะพาเจ้าไปเจอสร้อยคอที่มีภารกิจได้น่ะ”
“ก็เพราะเจ้าคือเฮงเฮงน่ะสิ วิ่งไปเถอะน่า พวกข้าจะคอยช่วยอยู่ข้างหลัง”
เฮงเฮงถอนหายใจอย่างไร้ทางเลือก เขามุ่งหน้าวิ่งออกไปทางซ้ายของชายป่า เรื่องอะไรจะวิ่งเข้าไปสู่จุดศูนย์กลาง เหนือภพยืนนิ่งสักครู่ ส่วนไร้ชื่อก็ยืนนิ่งตามอย่างว่าง่าย
เหนือภพนับ 1-30 อยู่ในใจ จากนั้นเขาก็พาไร้ชื่อออกวิ่งตามเฮงเฮงไปทันที เฮงเฮงอาจจะไม่สามารถพาเขาไปสู่สร้อยที่ต้องการได้ แต่เฮงเฮงพาเขาไปเจอกับทีมคู่ต่อสู้ได้แน่นอน