ตอนที่ 57 กติกาใหม่
เมื่อไร้ชื่อเห็นเหนือภพก็ปรี่เข้ามาทันทีโดยไม่ลืมจูงแขนใบข้าวมาด้วย แต่จู่ ๆ ไร้ชื่อก็มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง สัญชาตญาณของเขาไม่ต่างจากสัตว์ป่า แถมยังมีสัมผัสที่หกที่เหนือกว่ามนุษย์ ดังนั้นเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณร้ายในตัวของเฮงเฮง ทำให้เขาเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน นี่คือภัยร้าย ไร้ชื่อชักดาบพุ่งเข้าหาเฮงเฮงในฉับพลัน
เหนือภพสังเกตท่าทีของไร้ชื่ออยู่ก่อนแล้ว เขาจึงถลาเข้ามากางแขนขวางเอาไว้ได้ทัน
“หยุด นี่คือสมาชิกในฝูงข้า”
ไร้ชื่อชะงักกึกพลางขมวดคิ้วจ้องมองไปยังเฮงเฮง เขาเป็นใครกันอยู่ ๆ ก็มาเข้าร่วมฝูง หรือจะเข้ามาแย่งตำแหน่งคนสนิทของเหนือภพไปจากเขา ไร้ชื่อจึงตะเบ็งเสียงออกไปทันที ราวกับว่ากำลังถูกแย่งความรัก
“มาสู้กัน ใครชนะได้เป็นรองจ่าฝูง”
เฮงเฮงที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ ๆ ก็ถูกท้าสู้ ฝูงอะไรกันเขาไม่เข้าใจสักนิด แต่เขาก็ใช้เวลาพิจารณาเพียงไม่นานก็พอจะคาดเดาเรื่องราวได้
“รองจ่าฝูง ? อ่อ เจ้าเอาไปเลย”
“ไม่ได้ มาสู้กัน”
สำหรับไร้ชื่อแล้วตำแหน่งที่ได้มาด้วยศักดิ์ศรีและความสามารถ นั่นถึงจะเรียกว่าตำแหน่งที่แท้จริง ส่วนเฮงเฮงหันไปมองเหนือภพด้วยสายตาละห้อย ไม่ใช่ว่าเขากลัวหรือไร้ความสามารถ แต่เขาเพียงเบื่อหน่ายกับการต่อสู้เต็มที ตลอดชีวิตของเขานับว่าได้ผ่านการต่อสู้มามากกว่าเด็กหนุ่มทั่วไปหลายเท่านัก
เหนือภพแสร้งถอนหายใจ พลางพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“พอเถอะไร้ชื่อ เจ้าเป็นรองหน้าฝูงก็ดีอยู่แล้ว เจ้านี่ชื่อเฮงเฮง ไม่ค่อยมีฝีมือหรอก เจ้าอย่าไปสนใจเลย ป่ะ ๆ พวกเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
ไร้ชื่อเชื่อเหนือภพอย่างสนิทใจ คำสั่งของหัวหน้าฝูงถือเป็นคำขาด
“ได้”
เหนือภพเดินนำเฮงเฮงและไร้ชื่อที่จูงมือใบข้าวผ่านประตูเข้าไป ทว่าฮันเตอร์เฝ้าประตูกลับคัดค้านสร้างความหงุดหงิดใจราวกับเจ้ากรรมนายเวรที่ตามไม่เลิก
“พวกท่านเข้าไม่ได้นะขอรับ”
“พวกเขามากับข้า”
เหนือภพยืดอกผึ่งผายพูดพลางชูป้ายคำเชิญให้ฮันเตอร์หนุ่มน้อยดู
“เอ่อ แต่หญิงนางนี้เข้าไม่ได้นะขอรับ เธอดู….”
ฮันเตอร์เฝ้าประตูไม่ได้เอ่ยจนจบ เขาคิดว่าเธอดูธรรมดา ไร้ฝีมือและยากจน แต่ชายหนุ่มที่จูงมือเธออยู่ทำตาเขม็งมองมา ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจชอบกล
“ไร้ชื่อ แสดงให้เขาดูหน่อยว่าเจ้ามีเงินเท่าไหร่”
เหนือภพไม่อยากอวดเบ่งถึงอิทธิพลเบื้องหลังที่เขามี เขาจึงคิดจะสอนให้ไร้ชื่อรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์แบบนี้
ไร้ชื่อดึงปึกตั๋วเงินออกมาอย่างไม่เข้าใจ ทว่าเมื่อฮันเตอร์เฝ้าประตูเห็นกระดาษปึกนั้น เขาก็เปลี่ยนท่าทีในทันใด แม้แต่ใบข้าวก็ยังตกใจด้วยความคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีเงินมากมายขนาดนั้น
“โอ้ ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ เชิญด้านในเลยขอรับ”
“ดูแล้วจำไว้”
เหนือภพพูดกับไร้ชื่อแล้วก็เดินนำทางพาทุกคนขึ้นไปที่ห้องรับรองของตึกลำธารโดยไม่รอช้า จนกระทั่งเดินผ่านชั้น 2 กำลังจะขึ้นบันไดไปชั้น 3 กลุ่มของเหนือภพก็ถูกคนแปลกหน้าขัดขวางไว้ เป้าหมายของพวกเขาหาใช่พวกเหนือภพ แต่เป็นใบข้าว
“ใบข้าว ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่”
สตรีนางหนึ่งในชุดกึ่งพร้อมรบเดินตรงเข้ามา แม้ใบหน้าเธอจะดูปกติ แต่ก็ปิดซ่อนความเป็นห่วงในดวงตาไว้ไม่มิด
“สไบ ข้าแค่มาส่งน้องชายคนนี้เอง เขาหลงทางน่ะ”
สไบเงินมองข้อมือของใบข้าวที่ถูกชายหนุ่มหน้าตาน่ารักจับกุมเอาไว้ เธออยู่ท่ามกลางชายหนุ่มอีกสองคนที่มีท่าทางไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะชายหนุ่มที่มีสายตาล่อกแล่กคล้ายกับระแวงอะไรอยู่ตลอดเวลา เขามีกลิ่นอายชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูก จนเธออยากจะเอาดาบฟันเสียตรงนี้เลย
สไบเงินคิดว่าใบข้าวน่าจะถูกจับกุมอยู่ การที่ใบข้าวตอบเช่นนั้นคงจะตอบเพื่อให้เธอจากไป ไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว ใบข้าวมักเป็นแบบนั้น เธอใจดีกับทุกคนไม่ว่ามิตรหรือศัตรู
สไบเงินเดินตรงเข้ามาใบข้าว หวังจะดึงเพื่อนรักออกมาจากวงล้อมของผู้ร้าย แม้เธอจะทำทีว่าเดินเป็นปกติ แต่เธอก็ไม่อาจซ่อนเร้นกลิ่นอายความเป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าไร้ชื่อได้ ไร้ชื่อไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่สนเด็ก คนแก่หรือผู้หญิง เขาตวัดดาบใส่เป้าหมายที่แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาทันที
เคล้ง !!
ประกายไฟแลบแปร๊บ คมดาบของไร้ชื่อต้านดาบสั้นของสไบเงิน ก่อนที่ไร้ชื่อจะลงดาบอีกครั้ง ใบข้าวก็เอาตัวมาขวางใบมีดเสียก่อน เธอหลับตาปี๋ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
ใบข้าวขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่พอใจ ใจอยากจะตำหนิไร้ชื่อ แต่สิ่งที่ไร้ชื่อทำกับเธอคือการดึงเธอไปด้านหลังตัวเองก่อนจะยืนขวางเธอกับสไบเงินเอาไว้ พลางแยกเขี้ยวยิงฟันขู่คำราม ราวกับสัตว์อสูรที่กำลังปกป้องลูกเมียจากผู้บุกรุก
“อันตราย”
ไร้ชื่อพูดแค่นั้น ก็ทำให้เฮงเฮงที่กำลังดับไฟบนหัวไหล่ที่เกิดจากสะเก็ดดาบ ตั้งท่าพร้อมสู้ในทันที
ส่วนเหนือภพเขาไม่ได้โทษไร้ชื่อ แต่กลับมองไปที่เฮงเฮง เขาไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่กับการทะเลาะเบาะแว้งที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้
เหนือภพนิ่งอย่างรู้สึกปลง ยิ่งคิดถึงว่าเฮงเฮงต้องอยู่ร่วมทางกับเขาอีกนาน เขาไม่อยากคิดเลยว่าเขาจะพบเจอเรื่องทะเลาะวิวาทวันละกี่ครั้ง ทางที่ดีเขาต้องตามหาซวยซวยให้เจอเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นความบรรลัยคงจะมาเยือนเขาทุกวันแน่
“เอาล่ะ ก็แค่ความเข้าใจผิดน่ะไร้ชื่อ นางไม่ได้มีอันตราย นั่นก็คงเป็นเพื่อนของนาง”
คำกล่าวของเหนือภพทำให้ไร้ชื่อหันหลังไปมองใบข้าว เธอพยักหน้า สไบเงินก็คือฮันเตอร์ที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกับเธอ แม้ไร้ชื่อจะคลายความหวาดระแวงลง แต่เขาก็ยังคงจับแขนของใบข้าวเอาไว้ด้วยกลัวว่าเธอจะหายไป
เหนือภพให้เฮงเฮงถือป้ายชื่อห้องรับรองขึ้นไปรอที่ชั้นห้าก่อน เมื่อเห็นบรรยากาศที่อาจนำพาไปสู่การสู้รบอีกครั้ง เขาใช้เวลาไกล่เกลี่ยอีกครู่เดียวก็จบปัญหากันได้ด้วยดี แต่นั่นก็แลกกับการที่ใบข้าวต้องกลับไปกับสไบเงิน ถึงใบข้าวจะเป็นเพียงคนงานไร้พรสวรรค์ที่อยู่ในบ้านลานเงิน แต่เธอก็ถือเป็นทรัพยากรคนสำคัญของบ้าน ที่สไบเงินผู้ดำรงตำแหน่งจัดการทรัพยากรของบ้านลานเงินต้องดูแล
เหนือภพมองไร้ชื่อที่นั่งอยู่ริมระเบียงชั้นห้าอย่างเหงาหงอย สายตาของเขาจ้องมองไปยังระเบียงชั้นสองที่ใบข้าวยืนอยู่กับสมาชิกภายในบ้านของเธอ
เหนือภพพูดพึมพำพลางส่ายหน้า
“เรียนอะไรไม่เรียน ดันไปเรียนเรื่องรัก”
‘เจ้าเด็กนั่นพิเศษ’
พญานาคเอยขึ้นพร้อมกับปรากฏกายด้วยเศียรเดียวพันอยู่รอบกายเหนือภพด้วยขนาดลำตัวเท่ากล้ามแขนผู้ใหญ่ พญานาคไม่คิดจะปิดบังตัวตนอีก
“เอ๊ะ ทำไมท่านถึงไม่ซ่อนตัว”
“ข้าอยากมีเรื่อง”
คำตอบนั่นทำให้เหนือภพกุมขมับ แต่ก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง
“ในใจเจ้าคงสงสัยมาตลอดสินะว่าทำไมสัตว์อสูรถึงเลี้ยงลูกมนุษย์ ความเป็นไปได้มันต่ำมาก แต่ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เจ้านั่นไม่ใช่มนุษย์เสียทีเดียวหรอก อาจจะเรียกว่าเจ้าพวกลูกผสม หรือพวกพันทางก็ได้”
เหนือภพตั้งใจฟัง แล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“เพราะมีสายเลือดเหมือนกัน ไม่แปลกที่สัตว์อสูรจะเลี้ยงมันมา มันดูเหมือนจะรักเผ่าพันธุ์เดียวกันนี่นะ”
เหนือภพเอ่ยแผาวเบาขณะทบทวนความทรงจำ แต่เสียงปิดท้ายของพญานาคทำให้เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เป็นคำพูดที่วนเวียนอยู่ในหัวเหนือภพไม่รู้จบ
“เป็นไปไม่ได้ที่จะเลี้ยงด้วยความรัก แต่เลี้ยงเพราะความกลัวเสียมากกว่า”
สิบห้านาทีผ่านไป
เฮงเฮงนั่งอยู่ติดขอบห้องรับรอง เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้เหนือภพ ไม่ใช่ว่าเขากลัวพญานาคที่พันอยู่รอบกายสหาย แต่เป็นเพราะเมื่อครู่ตอนที่เขาเขยิบไปใกล้ตามคำเรียกของพญานาคให้นั่งชิด ๆ กัน จากนั้นอยู่ ๆ พญานาคก็ดันจามขึ้นมา ทำให้พิษหลุดรอดออกมามันเฉียดขนเฮงเฮงไปนิดเดียว เขามองพื้นที่ถูกกัดกร่อนจากพิษด้วยความรู้สึกย่ำแย่ เขาไม่รู้ว่าพญานาคอันตรายกว่า หรือตัวเขาอันตรายกว่ากันแน่
ขณะนั้นเองเสียงพิธีกรสาวสวยที่อยู่บนเวทีประมูลก็เริ่มดังขึ้น
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่วันที่ 3 ของการประมูลประจำแคว้น ครั้งที่ 60 แน่นอนว่าในครั้งนี้เราย่อมมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ สมกับมิตรภาพร่วมแคว้นที่มีมาอย่างยาวนาน”
เมื่อพิธีกรหญิงสาวสวยในชุดคลุมสีเขียวใบตองอ่อนพูดจบ เธอก็ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมรอบด้านอย่างล้นหลาม
“ทุกท่านคงทราบดีว่าวันนี้เป็นวันประมูลภารกิจระดับสูงที่ไม่อาจหาได้จากสำนักงานฮันเตอร์ที่ไหน ๆ และในครั้งนี้พวกเราก็มีภารกิจระดับสูงให้ประมูลกันถึงสามภารกิจ”
เฮ….
เสียงชื่นชมยินดีดังมาจากทั่วสารทิศ ตามปกติการประมูลครั้งก่อน ๆ จะมีภารกิจระดับสูงให้ประมูลเพียงหนึ่งเดียว แต่ครั้งนี้กลับมีถึงสามภารกิจ แต่ละตระกูลแต่ละสำนักต่างตื่นตัวเร่งเตรียมทรัพย์สินกันอย่างเร็วรี่
“แต่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ในครั้งนี้เราจะไม่ใช้เงินในการประมูล”
พิธีกรหญิงหยุดเว้นช่วงอย่างมีจังหวะจะโคน หมายเพิ่มความตื่นเต้นให้แก่ผู้ชม
“ก่อนจะพูดถึงกติกาการประมูล ข้าน้อยขอแจ้งรายการภารกิจให้ทุกท่านได้ทราบ ภารกิจที่ 1 สำรวจวิหารโบราณ ภารกิจที่ 2 ปราบปรามรังสัตว์อสูร ภารกิจที่ 3 กอบกู้หมู่บ้านที่ถูกสัตว์อสูรบุกยึด”
เธอไม่ได้อธิบายรายละเอียดของแต่ละภารกิจ เพราะภารกิจระดับสูงเป็นภารกิจที่มีข้อมูลจำเพาะ คนทั่วไปไม่ควรได้รู้ คนที่จะรู้ได้คือคนที่ได้รับภารกิจเท่านั้น
“แน่นอนว่ารางวัลของแต่ละภารกิจนั้นมากมายนัก มีท่านใดสนใจประมูลภารกิจทั้งสามหรือไม่ ขอเสียงหน่อยเจ้าค่ะ”
พิธีกรหญิงกางแขนออกอย่างสง่างาม ในขณะที่ผู้คนรอบทิศส่งเสียงเฮลั่น พวกเขาล้วนต้องการภารกิจระดับสูง อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตพวกเขาก็ต้องการรู้ว่าการทำภารกิจระดับสูงมันให้รสชาติชีวิตเช่นใด
พิธีกรหญิงแย้มยิ้มอย่างคนที่เข้าใจความปรารถนานั้น
“หากทุกท่านประสงค์เช่นนั้น ข้าน้อยก็คงต้องแจ้งกติกาเป็นลำดับต่อไป”
เมื่อเธอพูดถึงตอนนี้ทั้งอาคารประมูลก็พร้อมใจกันเงียบกริบโดยไม่ได้นัดแนะกัน
“ภารกิจระดับสูงย่อมคู่ควรกับฮันเตอร์ฝีมือเยี่ยม ในครั้งนี้เราจะใช้การต่อสู้กันเพื่อคัดสรรผู้มีฝีมือ ท่านต้องรวมทีมให้ครบสามคน และจะต้องเป็นฮันเตอร์หรือผู้มีความสามารถที่มีอายุ 18-20 ปีเท่านั้น จ่ายค่าสมัครเพียง 10,000 เหรียญทองต่อทีม แล้วก็มาร่วมสนุกกันได้เลยเจ้าค่ะ”
ความเงียบยังคงครอบงำบรรยากาศ แต่ละฝ่ายกำลังประเมินกติกาและประเมินกำลังคนของตนเองอย่างเคร่งเครียด คนมีฝีมือนั้นมีมาก แต่คนที่มีอายุอยู่ในเกณฑ์กติกากลับมีไม่มากนัก พวกเขาไม่ได้เตรียมการมาแบบนี้
“เราจะแจกสร้อยคอให้แต่ละทีม ทีมละหนึ่งเส้น แต่จะมีสร้อยคอเพียงสามเส้นเท่านั้นที่มีข้อมูลภารกิจฝังอยู่ภายใน เราจะให้ผู้ร่วมประมูลเข้าไปแข่งขันกันในครอบแก้วป่าวสันต์ ใจกลางป่าจะมีมหาวิหารที่มีแท่นคบเพลิงอยู่ เมื่อนำสร้อยไปเผาที่คบเพลิงนั้น ท่านก็จะรู้ว่าสร้อยเส้นนั้นมีภารกิจอยู่หรือไม่ เราจะจับเวลาสี่ชั่วโมงสร้อยภารกิจอยู่ที่ใครก็ถือว่าทีมนั้นได้รับภารกิจนั้น ๆ ไปโดยไม่มีข้อโต้แย้ง”
“ทำไมเงียบเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ อย่าเพิ่งกังวลใจไปเจ้าค่ะ ทางเราจะให้เวลารวมทีม และวางแผนการแข่งขัน อีกครึ่งชั่วโมงให้หลังขอให้ผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมการประมูลจ่ายเงินค่าสมัครที่ด้านล่างเวที ตอนนี้ขอเชิญทุกท่านรับชมการแสดงละครสัตว์อสูรสุดน่ารัก หวังว่าทุกท่านจะรื่นรมย์นะเจ้าคะ”
สิ้นคำพูดของเธอก็มีกลุ่มสัตว์อสูรน้อยใหญ่ที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลายตัวออกมาแสดงบนเวทีอย่างสนุกสนาน ผิดกับผู้ชมรอบข้างที่ยังคงเคร่งเครียด พวกเขามีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น