ตอนที่แล้วตอนที่ 55 สาวบ้านลานเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 57 กติกาใหม่

ตอนที่ 56 ไปประมูลภารกิจกันเถอะ


‘ไม่น่ามี’

อยู่ ๆ พญานาคห้าเศียรก็ตอบโต้ความคิดของเหนือภพ ทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ

‘จริง ๆ พวกแปลก ๆ ไม่ใช่มีแค่คน สัตว์ก็มี’

เหนือภพคิดในใจโดยลืมไปว่าพญานาคสามารถอ่านความคิดของเขาได้ พญานาคส่งเสียงกระแอมเชิงตักเตือน ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนแปลกใจเมื่อเพ่งจิตไปยังเฮงเฮง

‘เจ้าเด็กคนนั้นมีวิญญาณร้ายสิงสู่ตั้งแต่กำเนิด ไม่แปลกที่ทั้งชีวิตจะมีแต่โชคร้าย’

เหนือภพคิดไม่ถึงว่าพญานาคจะมีความสามารถดูออกได้ละเอียดถึงเพียงนั้น แม้เขาจะไม่ได้สนิทกับเฮงเฮงนัก แต่ในฐานะคนที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน เขาก็อยากให้เฮงเฮงอยู่อย่างปลอดภัย

แน่นอนว่าพญานาครู้ว่าเหนือภพต้องการอะไร

‘วิธีแก้มีก็ถือว่าไม่มี เจ้ารู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้ วิญญาณนี้กับเจ้าหนุ่มนี่มีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นที่ตัดไม่ขาด แต่เจ้าวางใจเถอะ แม้ชีวิตมันจะโชคร้ายแต่มันจะไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต สักวันก็จะผ่านพ้นไปได้’

พญานาคยังบอกอีกว่า

‘วิญญาณร้ายนี้แม้คล้ายว่าจะเอาชีวิต แต่ในความเป็นจริงวิญญาณร้ายนี้กลับปกป้อง เหมือนข้าเคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนแต่ข้าจำไม่ได้ เจ้าวางใจเถอะ ในมุมมองของข้าชีวิตของมันยังดีกว่าหลายคนในใต้หล้าด้วยซ้ำ’

เหนือภพรับฟังสิ่งที่พญานาคพูดแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ความโชคร้ายไม่มีทางเป็นเรื่องที่ดีไปได้หรอกน่า เฮงเฮงเคยช่วยมีน้ำใจช่วยเขาไว้ริมหน้าผาเมื่อหลายปีก่อน เขาไม่เคยลืม ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้เฮงเฮงต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ และเพื่อที่จะทำให้เฮงเฮงไปกับเขา เหนือภพจึงตัดสินใจช่วยเฮงเฮงขายของ ภายใต้เงื่อนไขสองข้อ

ข้อแรก กำไรที่ได้ต้องตกเป็นของเขา 7 ส่วน เฮงเฮงได้ 3 ส่วน

ข้อสอง เฮงเฮงต้องทำตามที่เขาสั่ง

เมื่อตกลงกันได้แล้ว เขาก็หลอกให้เฮงเฮงออกจากร้านไปหาของมาขายเพิ่ม หลังจากเฮงเฮงจากไปผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีเกินคาด ภายในเวลาครึ่งวันเหนือภพก็ขายของในร้านได้จนหมดเกลี้ยง ด้วยการค้าขายแบบโปรโมชั่นลดราคา

สมมุติราคาต้นทุนแต่ละชิ้นอยู่ที่ 300 เหรียญเงิน เขาก็ติดป้ายราคา 600 เหรียญเงินแล้วขีดฆ่าราคาด้วยหมึกสีแดงสด จากนั้นเขียนตัวเลข 300 ไว้ข้าง ๆ ให้เป็นที่เข้าใจกันว่าสินค้านี้ลดราคาถึง 50%

แน่นอนว่าของแต่ละชิ้นมีราคาต้นทุนไม่เท่ากัน ดังนั้นเหนือภพจึงใช้วิธีการขายหลากหลายรูปแบบไม่ใช่แค่ลดราคาเหมือนกันหมด สินค้าบางชิ้นมีคุณภาพดีทั้งยังไม่เหมือนใคร ถึงแม้ผลงานเกือบทั้งหมดภายในร้านเป็นของที่เฮงเฮงทำขึ้นมาเอง เป็นงานฝีมือที่แม้จะไม่ได้สวยงามประณีตอย่างผู้ไร้พรสวรรค์ทำ แต่มันก็ถือเป็นสินค้าที่มีความพิเศษมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่ถูกสร้างมาจากวัตถุดิบจากสัตว์อสูรระดับสูง ต้นไม้หรือแร่หินหายากนานาชนิดที่มีคุณค่าภายในตัวอยู่แล้ว

ดังนั้นสิ่งไหนที่เพิ่มราคาได้เขาจะทำ สิ่งไหนที่ควรจะขายแบบลดแลกแจกแถมเขาก็จะทำ

        สี่ชั่วโมงต่อมา

เหนือภพนั่งนับเงินกำไรอยู่ท่ามกลางร้านที่โล่งโจ้ง ขณะเดียวกับเฮงเฮงก็กลับมาด้วยใบหน้าสะบักสะบอม เป็นอย่างที่เหนือภพคาดไว้ เฮงเฮงไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย

“ข้าขอโทษ ข้าไม่เอาไหนเอง”

เฮงเฮงเอยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาชีวิตของเขาทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง แต่เหนือภพตบบ่าปลอบใจเฮงเฮง ก่อนจะยกถุงผ้าที่มีขนาดเท่าลูกบอลยื่นให้กับเฮงเฮง

“ไม่มีอะไรมาขายก็ช่างเถอะ ไปกันได้แล้ว”

เฮงเฮงรับถุงผ้าหนักอึ้งด้วยสองมืออย่างงงงวย เขาเพิ่งสังเกตร้านของตัวเอง มันเตียนโล่ง สินค้าทั้งหมดถูกขายไปหมดแล้ว เขาแทบไม่เชื่อสายตา แต่เมื่อเปิดปากถุงผ้าดูเหรียญที่มีทั้งสีทองแดงสีเงิน สีทอง รวมไปถึงตั๋วเงินมากมาย นี่มันมากกว่ากำไรที่เขาเคยคาดหวังเอาไว้ด้วยซ้ำ

‘ช่างล้ำเลิศ เขาทำได้ยังไง’

เฮงเฮงรีบเก็บถุงผ้าใส่กระเป๋าสะพายหลัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความนับถือ

“ท่านอาจารย์ รอเดี๋ยว”

เฮงเฮงรีบเข้าไปเก็บของบางส่วนโดยเฉพาะอาวุธคู่กาย ดาบทรงไทยหนึ่งเล่มที่เขาซ่อนไว้กับข้าวของอีกจำนวนหนึ่งก่อนจะวิ่งตามเหนือภพออกไป

เหนือภพกับเฮงเฮงเดินไปในตลาดเรื่อยเปื่อยเพื่อหาอะไรทำ จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าป้ายขนาดใหญ่ที่ข้อความถูกเปลี่ยนไปในแต่ละวัน

----------------------------------------------

งานเทศกาลประมูลระดับแคว้น ครั้งที่ 60

วันที่ 3 ภารกิจระดับสูง

เริ่ม 20.00 นาฬิกา

----------------------------------------------

“ภารกิจระดับสูง”

เหนือภพอ่านทวน ก่อนจะมองไปทางเฮงเฮงอย่างต้องการคำตอบ แม้เฮงเฮงจะเป็นพวกดวงซวยจนไม่น่าคบหา แต่ในด้านความรอบรู้เขากลับมีมากจนเหนือภพต้องยอมศิโรราบ

“ส่วนใหญ่ภารกิจที่นำมาประมูลจะเป็นภารกิจใหญ่ที่ได้รับการประเมินว่ายากเกินระดับ จะไม่สามารถรับภารกิจระดับนี้ได้จากสำนักงานฮันเตอร์ทั่วไป มีผลตอบแทนสูง และยากที่จะสำเร็จ”

“แล้วทำไมต้องมาประมูลให้วุ่นวาย จะแปะไว้ที่สมาคมฮันเตอร์ก็ไม่ต่างกัน”

“นั่นก็จริง แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น ในงานประมูลภารกิจระดับสูง มันมีนัยบางอย่างที่มีผลกับอำนาจ การเปลี่ยนแปลงและก็ชื่อเสียง ดังนั้นภารกิจระดับสูงไม่สามารถไว้ที่สำนักงานฮันเตอร์ได้ มันจะก่อเกิดปัญหาความขัดแย้งและการแย่งชิงกันไม่สิ้นสุด จึงจำเป็นต้องมีการประมูลเพื่อถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ ใครมีความสามารถและมีเงินก็จะได้รับภารกิจนี้ไป โดยไม่ต้องกังวลว่ากลุ่มอื่น ๆ จะมาแย่งภารกิจไปทำ มันก็ถือเป็นความปลอดภัยอย่างหนึ่ง”

เหนือภพพยักหน้าเชิงเข้าใจ ก่อนเอ่ยถามต่อไปว่า

“แล้วเงินรางวัลขั้นต่ำมันอยู่ที่เท่าไหร่”

“ไม่แน่นอนครับ แต่ถ้าจะเอาสถิติเก่า ๆ มาอ้างเมื่อสี่ปีที่แล้วบ้านฉิมพลีของตระกูลสุบรรณเวนไตย ได้ประมูลภารกิจระดับสูง ระดับ D ผลตอบแทนหลังจากที่พวกเขาทำสำเร็จก็มีมูลค่าเท่ากับค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง 10 ปี”

เหนือภพอึ้งกิมกี่ จากนั้นตาของเขาก็ค่อย ๆ ทอประกายวิบวับ

“พวกเราไปประมูลภารกิจกันเถอะ”

“เอาจริงหรือครับ”

“ข้าเหนือภพพูดจริงทำจริง”

“ด้วยเงินแค่นี้ ?”

เฮงเฮงชี้ไปที่ถุงเงินของเขาและของเหนือภพอย่างไม่แน่ใจ

“เชื่อมือข้าเถอะ”

ในมุมมองของเหนือภพ ปัญหาเรื่องเงินมันไม่ได้ยากขนาดนั้น ไม่มีเงินก็แค่ทำงานหาเงินเท่านั้น เขาถือคติที่ว่า ‘คนขยันไม่มีทางยากจน’

ตะวันเริ่มบ่ายคล้อย เหนือภพกับเฮงเฮงวิ่งวุ่นรับงานทั่วไปตามร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะช่วยค้าขาย เรียกลูกค้า ล้างจาน ขนของ หรือแม้กระทั่งช่วยขับไล่อันธพาล เหนือภพทำทุกอย่างที่ว่ามา ส่วนเฮงเฮงกลับตรงกันข้าม ชื่อนี้ไม่ได้ให้โชคอย่างที่คิด ไม่ว่าเขาจะโผล่หน้าไปร้านใดหากร้านนั้นไม่เจ๊ง ก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา ที่ทำได้คือเดินเตร่ ๆ ไปมาเพื่อไม่ให้ไปก่อเรื่องอะไร

มันเป็นภาพที่น่าขบขันเมื่อคนหนึ่งพยายามหาเงิน อีกคนพยายามอยู่ห่าง ๆ อย่างหวาดระแวงเพื่อไม่ให้ไปก่อเรื่องจนต้องเสียเงิน

“เจ้าภพคิดเงินโต๊ะ 11 แล้วเอาจานนี้ไปส่งที่โต๊ะ 10 ด้วย”

“ได้ ๆ เถ้าแก่”

เหนือภพเดินขนอาหารไปอย่างรวดเร็วคล่องแคล่ว เมื่อถึงโต๊ะ 10 เขาก็ผงะเล็กน้อย เมื่อแขกที่นั่งอยู่โต๊ะ 10 คือองค์หญิงน้ำเพชรกับองครักษ์เวนไตย

“ไม่เจอกันนานนะ”

บุษย์น้ำเพชรเริ่มบทสนทนาอย่างเป็นมิตร มันเป็นเรื่องยากมากที่เธอต้องมาขอคืนดีคนที่เธอเคยขับไล่ไสส่งไปแล้ว

“นี่คือตับไก่ผัดพริกหวานกับซุปเยื่อเห็ดหิมะ ทานให้อร่อยนะครับคุณลูกค้า”

เหนือภพไม่สนใจจะพูดคุยด้วย เขาหันหลังกลับในทันที แต่บุษย์น้ำเพชรก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ท่านไม่คิดว่าพวกเราควรจะปรับเข้าใจกันหรือ”

เหนือภพชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงตรงไปเก็บเงินโต๊ะ 11 ตามที่เจ้าของร้านสั่ง โดยที่ไม่ได้หันมองโต๊ะ 10 ที่อยู่ใกล้กันแม้แต่น้อย

“ทำไมคุณหนูต้องลดตัวเพื่อมัน หากมันหยิ่งยโสนักก็ช่างหัวมันปะไร”

เวนไตยไม่ชอบเหนือภพแม้แต่น้อย เห็นกี่ครั้งก็รู้สึกไม่สบอารมณ์

บุษย์น้ำเพชรไม่ได้ให้คำตอบอะไร เธอเพียงยิ้มด้วยแววตาลึกล้ำ แม้เวนไตยจะขอติดตามบุษย์น้ำเพชรมานาน เขาก็ไม่เคยเข้าใจสักครั้งว่าในศีรษะงดงามของเธอกำลังคิดอ่านสิ่งใดอยู่

เหนือภพทำงานอยู่ที่ร้านนี้จนกระทั่งเขาทนความรู้สึกอึดอัดนี้ไม่ได้ จนต้องไปนั่งลงบนเก้าอี้ว่างของโต๊ะ 10 โต๊ะที่มีลูกค้าพิเศษนั่งมาตั้งแต่ช่วงบ่ายจนใกล้จะมืดค่ำก็ยังไม่ลุกไปไหนสักที

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่”

“ท่านอยากพูดกับเราแล้วหรอ”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า”

เหนือภพไม่พอใจพวกราชวงศ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรู้ว่าบุษย์น้ำเพชรและบุษย์น้ำทองเป็นพี่น้องกันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเดือดดาล แต่เขาไม่อาจโวยวายออกไป จึงได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ

“เรามาขอโทษ”

“ขอโทษ ? หากเป็นเรื่องจดหมาย…”

เหนือภพพูดไม่ทันจบน้ำเพชรก็เอ่ยตัดบทว่า

“ไม่ใช่”

เหนือภพขมวดคิ้ว

“เรื่องน้องสาวเรา เรายอมรับว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของเราในฐานะผู้ว่าจ้างที่ดีนัก ทั้งในฐานะพี่สาวเราก็ทำได้ไม่ดี ทำให้เกิดเรื่องมากมายกับท่าน เรารู้ว่าท่านเกลียดเรา แค้นเรา แต่อย่างน้อยก็ขอให้เราได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามในฐานะพี่สาว เราจะขอแบกรับทุกอย่างไว้เอง”

“ฆ่านางสิ”

คำตอบของเหนือภพทำให้บุษย์น้ำเพชรชะงัก เธอประสานสายตาแน่วแน่ของชายหนุ่ม เขาไม่ได้ปิดบังความเกลียดชังภายในดวงตาเลย

“เรื่องนี้เกรงว่า...”

เหนือภพหลับตาก่อนจะตัดบทว่า

“ช่างเถอะ”

เขาเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าพี่น้องของตนเอง แม้ว่าบุษย์น้ำทองจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม เขาอคติมากเกินไป แม้จะเป็นพี่น้องกันก็ใช่ว่าจะรู้เห็นเรื่องทุกอย่างของกันและกัน ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้ว เรื่องนี้ทำให้เขาคิดถึงพันศรีวะรากับขุนศรีไชยะ สองพี่น้องที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเจ้าก็ไปเถอะ อย่ามารบกวนการทำงานของข้า”

เหนือภพพูดอย่างตัดใจ เมื่อบุษย์น้ำเพชรได้พูดอย่างที่เธอต้องการไปหมดแล้ว เธอก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับองครักษ์คู่ใจ

เหนือภพทำงานต่อไปตามปกติจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาประมูล เขากับเฮงเฮงก็พากันเดินทางไปยังอาคารประมูลที่กำลังคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา

“กติกาประมูลแบบใหม่งั้นหรอ”

เหนือภพเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นป้ายประกาศ กับคำพูดของผู้คนที่ยืนออกันหน้าอาคารประมูล ดูเหมือนจะพูดคุยเรื่องนี้กันหนาหู แต่ความสนใจของเขาก็ถูกดึงไปยังคนคนหนึ่งเสียก่อน

“นายท่านทั้งสองไม่มีบัตรเชิญ เข้าไม่ได้จริง ๆ นะขอรับ”

ฮันเตอร์ผู้มีหน้าที่เฝ้าประตูเอ่ยอย่างจนใจ แต่เขาก็เคยชินเสียแล้วที่จะต้องกีดกันคนจรจัด และคนจนให้ออกห่างจากอาคารประมูลหลักแห่งนี้

“ทำไมพวกข้าถึงเข้าไม่ได้”

ไร้ชื่อเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ ทำทีจะชักดาบเข้าฟาดฟัน แต่ก็ถูก ‘ใบข้าว’ หญิงสาวข้างกายรั้งแขนไว้ก่อน แม้เธอไม่รู้ว่าไร้ชื่อคิดจะทำอะไร แต่เธอก็กลัวเขาจะทำอะไรไม่ดี

“ไม่เป็นไรหรอก เราไปที่อาคารประมูลเล็กรอบ ๆ หมู่บ้านก็ได้”

“ไม่ได้ อสูรทะเลสาบรอข้าอยู่ที่ชั้นห้า ข้าต้องไปตามหาเขา”

ไร้ชื่อมีท่าทีขึงขังขึ้นมา เขาจะบุกเข้าไปให้ได้

“เฮ้ ๆ ใจเย็นก่อนพวก”

เหนือภพรีบปรี่เข้าไป แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ เมื่อคมดาบของไร้ชื่อฟันลงไปที่แขนของฮันเตอร์เฝ้าประตู แต่ดาบของเขากลับดีดสะท้อนออกมาด้วยพลังบางอย่าง นั่นไม่ใช่พลังระดับที่ฮันเตอร์เฝ้าประตูจะพึงมี

เหนือภพมองไปอีกทิศทางหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามเฮงเฮง

“เจ้าเห็นคนทำไหม”

เฮงเฮงไม่ตอบ เขาทำเพียงยื่นเศษใบมีดชุ่มเลือดที่แตกหักจากใบดาบของไร้ชื่อ แล้วกระเด็นมาปักที่แขนของตนให้กับเหนือภพ

เหนือภพสะดุ้ง มองเฮงเฮงที่ตอนนี้มีสีหน้าเป็นเชิงว่า ‘อีกละ’ เหนือภพพ่นลมหายใจออกมา พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้

เพราะต้องคอยระวังไม่ให้เกิดเรื่องกับตัวเองเสมอมา เฮงเฮงจึงมีสายตาเฉียบคม ทำให้เขาสามารถเก็บรายละเอียดที่เกิดขึ้นในครรลองสายตาได้ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามความสามารถในการระวังภัยขั้นสุดยอดของเขาก็ไม่เคยใช้ได้ผล มันเพียงช่วยให้เขาเจ็บน้อยลงเท่านั้นเอง

“ข้าไม่รู้จัก แต่ดูจากอายุแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา”

เฮงเฮงให้คำตอบเพียงเท่านั้น จากนั้นเขาก็กลับเข้าสู่สภาวะระแวดระวังตัวต่อไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด