ตอนที่แล้วตอนที่ 54 เกราะเหมยสะคราญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 56 ไปประมูลภารกิจกันเถอะ

ตอนที่ 55 สาวบ้านลานเงิน


จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ เสียงนกร้องยามเช้าตรู่ แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนค่อย ๆ เรืองรองขึ้นในทิศตะวันออก

เหนือภพออกจากอาคารประมูลด้วยใบหน้าที่ห่อเหี่ยวสุด ๆ แม้เงินนั้นจะไม่ใช่ของเขา แต่เขาก็รู้สึกเสียดาย เพราะถือว่าตระกูลนาคราชให้เขาแล้ว เขาทำใจแล้วว่าซื้อให้น้องสาวแต่ตราบใดที่ของขวัญยังส่งไปไม่ถึงเขาก็ไม่สบายใจ น้องสาวของเขายังไม่เขียนจดหมายตอบกลับมาเสียที เขากังวลมากจนถึงขั้นจิตตกพึมพำอยู่คนเดียว

บุษบาเป็นห่วงจึงเดินมาส่งเขาถึงเรือนธารใสที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารประมูลนัก ตลอดเส้นทางผู้คนทั้งหมดมองเหนือภพด้วยสายตาอิจฉา หรือ

ต่อให้เคียดแค้นมากแค่ไหน เหนือภพก็ไม่รับรู้สักนิด หลังจากบุษบาจากไปเขาก็นอนแผ่อยู่เหมือนคนอดอะไรตายอยาก ทว่าจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้

“เห้ย เจ้านั่นล่ะ หายไปไหน”

เหนือภพเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานัดไร้ชื่อไปเจอที่อาคารประมูล แต่เขาไม่มาตามนัด ไม่รู้ว่าโดนจับตัวไปแล้วหรือยัง

“คงไม่หรอกมั้ง เจ้านั่นมีฝีมือเอาการคงเอาตัวรอดได้”

คิดได้ดังนั้นเหนือภพก็สบายใจ ก็นอนหลับตาอยู่ที่ห้องโถงกลางอย่างง่ายดายเช่นนั้นเอง

สี่ชั่วโมงผ่านไป

พี่สะใภ้ทั้งสองก็กลับมาด้วยใบหน้าเบิกบาน เมื่อสิ่งที่เหนือภพแนะนำพวกเธอดันถูกใจศิษย์พี่ทั้งสองซะแบบนั้น

“นี่น้องเขยเจ้าทำดีมาก อ่ะนี่รางวัล”

อังกาบและราตรีวางเงินพร้อมกันบนโต๊ะตรงข้าง ๆ เก้าอี้ยาวที่เหนือภพนอนอยู่

กริ๊ง

เสียงเหรียญกระทบกันราวกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้เหนือภพฟื้นจากความตาย เขาเด้งตัวขึ้นนั่งมองตั๋วเงินและเหรียญมากมายที่อยู่ในถุง รวมแล้วมูลค่าน่าจะมากกว่ากว่าสามพันเหรียญทอง เหนือภพเก็บพวกมันเข้าอกเสื้อโดยเร็ว

“ขอบคุณครับ หากพวกพี่ต้องการให้ช่วยเรื่องอะไร ข้ายินดีช่วยเสมอ”

เหนือภพยิ้มกว้างพลางพูดจาฉอเลาะ จากนั้นเขาก็รอจนพี่สะใภ้ทั้งสองจากไป แล้วเขาก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมาอย่างลืมตัว เพื่อตรวจดูระบบ แต่แล้วกลับพบว่าเขาต้องรออีก 2 วันถึงจะใช้กงล้อหรรษาได้อีกครั้ง

เหนือภพถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็ง ขณะนั้นเองจดหมายจากเหนือฟ้าก็ส่งมาถึงเขา ความรู้สึกยินดีและความปลื้มปริ่มเอ่อท่วมหัวใจของเขา ความรู้สึกเสียดายกับเม็ดเงินที่สูญเสียนั้นหายไปจนหมดสิ้น เมื่อน้องสาวเขาแนบภาพวาดของตัวเองที่ใส่ชุดใหม่ที่เขาซื้อให้มาด้วย เหนือภพมองมันด้วยรอยยิ้มมีความสุข ขณะค่อย ๆ พับมันอย่างเบามือแล้วเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม

  อีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน

เสียงการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มร่างเพรียวบางดังเป็นจังหวะขณะไต่ตามผนัง ท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่มาก เขาเคลื่อนไหวราวกับสัตว์ป่าสี่เท้าที่กระโดดไต่ไปตามผนังของอาคารสูง ปีนป่ายขึ้นไปที่คิ้วหน้าต่าง เกาะขึ้นไปตามระเบียง จนกระทั่งพุ่งทะลุเข้าหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้บนชั้นห้า

ตุบ

การกระทำของไร้ชื่อสร้างความตกใจให้แก่สาวน้อยที่อยู่ในห้องเป็นอันมาก ยังไม่ทันที่เธอจะได้กรีดร้อง คมดาบของไร้ชื่อก็พาดอยู่บนคอเธอเรียบร้อยแล้ว นั่นทำให้เธอต้องเก็บเสียง หุบปากแน่น

“อึก”

“ที่นี่ใช่อาคารประมูลชั้น 5 หรือเปล่า ?”

ไร้ชื่อถามขณะมองสำรวจรอบห้อง เขาก็พบว่าในห้องมีนกน้อยหลายตัวที่เกาะอยู่บนขอบหน้าต่างอีกด้าน ส่วนที่พื้นที่ก็มีหนูนาขนาดใหญ่ แมวน้อยและลูกอีกหนึ่งครอก ข้าง ๆ กันก็มีลูกหมาอีกสองตัว พวกมันทุกตัวดูมีความสุขดีและดูคุ้นเคยกับหญิงสาวมาก

จากนั้นเขาก็หยุดมองเครื่องครัว กระทะ หม้อบนเตาที่เต็มไปด้วยอาหาร กลิ่นหอมนั้นทำให้ไร้ชื่อกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาเป็นประกายแวววาว

เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“เจ้าคงหิวมากสินะ มาเถอะ ข้าจะตักให้”

ดาบที่พาดอยู่บนลำคอขาวเนียนคลายออกอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวแอบพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก เธอคิดไม่ผิดเลยชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร

เมื่อไร้ชื่อได้ยินเสียงไพเราะอ่อนหวาน ท่าทีแข็งกร้าวดุร้ายก็คลายลงอย่างน่าประหลาด เขาพยักหน้าหงึก ๆ อย่างอาย ๆ ขณะที่เก็บดาบเข้าฝักก่อนจ้องมองหญิงสาวที่กำลังตักอาหารใส่ชามไม้ให้เขาจำนวนมากด้วยท่าทางไม่ต่างจากสุนัขหิวโซ เขากินมันอย่างมูมมามคล้ายสัตว์ป่า โดยไม่สนช้อนไม้ที่หญิงสาวยื่นให้แม้แต่น้อย

“กินช้า ๆ หน่อยก็ได้ ไม่ต้องรีบ ข้ายังมีอีก”

ใบหน้ายิ้มแย้มและแววตาของเธอเต็มไปด้วยความเมตตาอ่อนโยน จิตใจงดงามไม่ต่างจากรูปลักษณ์หน้าตา เธอไม่ได้สวยหยาดเยิ้มแต่สวยแบบยิ่งมองก็ยิ่งสบายตา ดังดอกไม้ริมทางที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่ามันงดงาม ไม่รู้เบื่อ และเธอก็มอบความเมตตาดุจมารดานี้ให้แก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสรรพสัตว์ หรือมนุษย์ผู้คิดร้าย เมื่อได้เจอกับเธอล้วนไม่มีผู้ใดทำร้ายเธอได้ลงคอ

หลังจากที่ไร้ชื่อกินอาหารไปนับยี่สิบชาม เขาก็อิ่ม แล้วเขาก็จ้องมองหญิงสาวนิ่งค้างอยู่แบบนั้น ใบหน้าเริ่มแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว ขณะเอ่ยคำน่าอายออกไปโดยที่ไม่รู้ความหมายลึกซึ้ง

“ข้าชอบเจ้า”

หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เธอยิ้มพลางลูบหัวไร้ชื่อ ดูจากรูปร่างและอายุเขาน่าจะอ่อนกว่าเธอหลายปี

“เด็กน้อย คิดจะจีบพี่สาวหรือยังไง ฮึ”

ไร้ชื่อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘จีบ’ หมายความว่าอย่างไร แต่สิ่งที่เขาสนใจคือความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนเวลาที่หญิงสาวผู้นี้ลูบหัวของเขา เมื่อหญิงสาวกำลังจะถอนมือออก ไร้ชื่อก็รีบเอ่ยขึ้นมาทันที

“เจ้าทำแบบนั้นอีก ข้าชอบ”

“ทำ ? ทำอะไร” หญิงสาวงุนงงก่อนจะร้องอ๋อ

“เจ้ายังไม่อิ่มหรอ ได้สิ พี่สาวจะทำเพิ่มให้”

“ไม่ใช่”

หญิงสาวนิ่งก่อนจะนึกย้อนความทรงจำ

“ลูบหัวแบบนี้หรอ”

เธอใช้มือขาวแตกและด้านจากการโหมงานหนักแตะที่หัวของตัวเอง ไร้ชื่อพยักหน้าทันทีพร้อมขยับเข้าไปใกล้แล้วยื่นหัวให้ หญิงสาวยิ้มแม้จะแปลกใจที่ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนกับสัตว์อสูรที่เธอเคยเลี้ยง แต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร เธอรู้สึกว่าเขาน่ารักดีเลยทำให้โดยไม่บ่น

แต่เมื่อไร้ชื่อกำลังจะผล็อยหลับไปด้วยความสุข เขาก็ถูกหญิงสาวปลุกเสียก่อน

“เจ้าเป็นคนใหม่ที่จะเข้ามา บ้านลานเงิน วันนี้หรอ”

บ้านลานเงินคือบ้านที่เหล่าฮันเตอร์มารวมตัวกันเพื่อรับงาน พวกเขาตั้งชื่อบ้านของตัวเองว่า ‘ลานเงิน’ อาจมีผู้ไร้พรสวรรค์มาร่วมบ้านเพื่อช่วยทำงานใช้แรงงานทั่วไปเช่นเธอเป็นต้น ทว่าไร้ชื่อกลับส่ายหน้า

“อสูรทะเลสาบบอกข้าว่าให้ข้าไปเจอเขาที่ลานประมูลชั้น 5”

ไร้ชื่อเหมือนจะร้องไห้ขณะรีบลุกขึ้น ก่อนจะมองไปรอบ ๆ พยายามมองหาเหนือภพ แต่มองหาอย่างไรก็ไม่เห็น นั่นทำให้ไร้ชื่อแปลกใจ

หญิงสาวยิ้มก่อนจะส่ายหน้า ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักตรงหน้านี้ช่างไม่จากเด็กไร้เดียงสาผู้หนึ่ง ซึ่งเธอก็พอมีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กพิเศษเหล่านี้มาก่อนจึงมีความเข้าใจ และรู้ว่าควรจะทำเช่นไร

“ที่นี่ไม่ใช่ลานประมูลหรอกนะ แม้จะมีห้าชั้นเหมือนกัน แต่ก็อยู่คนละทางกันนะ มาเถอะให้พี่สาวพาเจ้าไปส่ง ยังไงพี่สาวก็มีธุระต้องไปที่นั่นพอดี”

หญิงสาวยื่นมือให้ไร้ชื่อจับ แล้วเธอก็จูงมือเขาเดิน ส่วนไร้ชื่อก็เดินตามอย่างว่าง่ายทั้ง ๆ ที่จริงแล้วไร้ชื่อสามารถไปถึงที่นั่นได้ภายในชั่วอึดใจ ขอเพียงเขารู้ทิศทางแน่ชัดเท่านั้น

เหนือภพเดินไปเที่ยวฆ่าเวลาที่ตลาดเช้า ความจริงตลาดแห่งนี้เป็นตลาดโต้รุ่งที่เปิดกันทั้งวันทั้งคืนโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากพนักงานขายที่ดูเปลี่ยนหน้าตาไปตามเวลางาน

เหนือภพเดินมองสองข้างทางอย่างละเอียด โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าข้างขวาของเขามีร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่กับพนักงานขายที่กำลังร้องประกาศขายของอย่างขยันขันแข็ง เสียงของเขาดังกังวาน แต่น่าแปลกกลับไม่มีลูกค้าคนใดสังเกต หรือเฉียดเข้าไปใกล้เลยสักคน

จึงเกิดเป็นภาพแปลกประหลาดคือมีสองร้านที่ขายดิบขายดีมีคนต่อแถวยาวเป็นพืด โดยมีร้านขายของที่ระลึกที่แสนเงียบเหงาแทรกอยู่ระหว่างร้านทั้งสอง ไม่มีลูกค้าเลยสักคน ไม่มีแม้กระทั่งรอยเท้าติดอยู่หน้าลานทางเข้าแม้สักรอยเดียว

แม้แต่เหนือภพมองทุกสิ่งรอบกายอย่างถี่ถ้วนเพื่อศึกษา เขาเองก็ยังไม่เห็นร้านนั้นเช่นกัน ขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านร้านดังกล่าวก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายก็ดังมาถึงเขา เสียงนั้นชัดเจนมาก

“เหนือภพ เหนือภพ”

เหนือภพหันมองหาเสียงตะโกน แต่ก็ยังแยกไม่ออกว่ามันมาจากทางไหน

“ทางนี้ หันหลังมาสิ ข้างขวา ๆ”

ชายปริศนาตะโกนออกมาต่อเนื่อง เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คล้ายกับว่าผู้เรียกกำลังเคลื่อนตัวเข้าหา เหนือภพหันกลับไปในทันที เขาถึงกับผงะเมื่อพบว่าเสียงเรียกนั้นเป็นของเฮงเฮง หน้าตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อหกปีก่อนมากนัก แตกต่างตรงที่ตามร่างกายมีบาดแผลใหม่เพิ่มมาหลายแห่ง และร่างกายที่ดูสูงกว่าเดิม

“เฮงซวย ?”

“ใช่เจ้าจริง ๆ ด้วยเหนือภพ ข้าจำอีเตอร์ของเจ้าได้ เจ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยหากไม่ใช่ อีเตอร์ข้าคงจำเจ้าไม่ได้ โอ๊ย !”

เฮงเฮงร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ ๆ ก็มีกิ่งไม้ตกใส่หัวเขา ทั้ง ๆ ที่รอบทิศนี้ไม่มีต้นไม้สักต้น แต่เหนือภพไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ช่างเถอะ ๆ ก็แค่กิ่งไม้ มาเถอะเราไม่ได้เจอกันตั้งนานเจ้าเป็นยังไงบ้าง”

เฮงเฮงเองก็เคยชินเสียแล้ว เขาลูบหัวตัวเองเบา ๆ ก่อนพาเหนือภพเข้าไปนั่งที่ร้านของตน

เหนือภพมองร้านขายของที่ระลึกของเฮงเฮงแล้วก็อยากจะทิ่มตาตัวเองจริง ๆ ร้านใหญ่ขนาดนี้ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นได้นะ แถมยังใหญ่กว่าทุกร้านในละแวกนี้ด้วยซ้ำ เมื่อเห็นเช่นนี้เหนือภพก็แยกออกอย่างง่ายดายว่าคนตรงหน้าเขาคือเฮงเฮง ไม่ใช่ซวยซวย

“พี่ชายเจ้าล่ะ”

ปกติแล้วฝาแฝดคู่นี้มักไปไหนด้วยกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือภพไม่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อหลายเดือนก่อนพี่ส่งจดหมายมาบอกว่า จะไปตามหาความฝันในสนามประลอง ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ไม่รู้เป็นยังบ้าง แต่ก็ช่างเถอะ คนอย่างพี่คงไม่เป็นไรหรอก โอ๊ย !!”

เหนือภพพยักหน้าโดยพยายามมองข้ามแก้วไม้จากร้านน้ำร้านไหนสักแห่ง ที่ลอยละลิ่วมาโดนหัวของเฮงเฮง

เฮงเฮงกับเหนือภพอยู่คุยกันอยู่พักใหญ่ แน่นอนว่าเหนือภพอยากจะไปที่นี่แทบแย่ แต่ก็ตัดใจจากไปไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งของต่าง ๆ หรืออะไรบางอย่างทำให้เฮงเฮงเจ็บตัวได้ทุก ๆ สิบนาที ด้วยความเป็นห่วง เหนือภพจึงออกปากชวนให้ไปอยู่ด้วยกัน แต่เฮงเฮงกลับปฏิเสธ

“ยังไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้ข้าขายของให้หมดก่อนแล้วข้าค่อยตัดสินใจว่าจะไปกับเจ้าหรือเปล่า”

เหนือภพนิ่ง ทำไมคนรอบตัวเขาถึงได้มีนิสัยประหลาดกันนักนะ จะมีคนดี ๆ คนปกติอยู่บ้างหรือเปล่า ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด