ตอนที่แล้วตอนที่ 53 สาวดาวเด่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 55 สาวบ้านลานเงิน

ตอนที่ 54 เกราะเหมยสะคราญ


เมื่อการประมูลเสื้อคลุมผู้หญิงเริ่มขึ้น การโยนผ้าเพื่อสู้ราคาก็เริ่มดุเดือด ขณะนั้นเหนือภพพูดคุยกับบุษบาด้วยท่าทางสนิทสนมและเป็นกันเองมากขึ้น แต่ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะให้คำแนะนำพี่สะใภ้ทั้งสองแม้แต่น้อย

ราตรีเคยชินกับการอดทนรอเพื่อหาโอกาสลอบสังหารผู้คน เธอเคยรอจุดเดิมเป็นปีเพื่อสังหารคนผู้หนึ่ง ดังนั้นเธอไม่ได้รู้สึกว่าการรอแค่นี้หนักหนาสาหัสอะไร แต่ไม่ใช่สำหรับอังกาบ ยิ่งเธอมองเสื้อคลุมสวย ๆ ที่ถูกประมูลโดยผู้อื่นไปทีละชิ้น เสื้อผ้าที่เธออยากได้ถูกซื้อไปหลายต่อหลายชุด เธอก็เริ่มทนไม่ไหวจนเอ่ยถามขึ้นว่า

“นี่เหนือภพ สรุปว่าพี่ควรจะซื้อแบบไหนดี”

เหนือภพยิ้มขณะที่ดื่มเหล้าน้ำผึ้งที่บุษบารินให้จนหมดแก้ว ก่อนเอ่ยว่า

“พวกพี่ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้ออะไรเพิ่มเลย ที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้ว”

แต่พอเหนือภพพูดจบ เขาก็ต้องเหงื่อตกเมื่อเห็นสายตาพิฆาตจากสองสาว พวกเธอไม่ได้พูดอะไรแต่สื่อความได้ว่า ‘นี่แกกล้าหลอกพวกฉันหรอ’

เหนือภพเขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จากที่เขาส่งจดหมายไปหาศิษย์พี่ทั้งสอง พวกเขาก็พอใจมากแล้วที่พี่อังกาบกับพี่ราตรีเป็นเช่นนี้ ไม่ได้ต้องการให้เปลี่ยนอะไร แต่ดูเหมือนพวกพี่สะใภ้จะไม่เข้าใจ

“เอ่อ ข้าไม่ได้ความแบบนั้น ศิษย์พี่ใหญ่ชอบผู้หญิงที่มีจริตจะก้านเย้ายวน แต่งกายโป๊วับ ๆ แวม ๆ ยิ่งโป๊ยิ่งชอบ”

เมื่ออังกาบได้ยินเช่นนั้น เธอก็บีบแก้วในมือจนแหลกละเอียด เศษผงแก้วร่วงกราวตกลงพื้น ขณะที่เหนือภพสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพี่อังกาบร้องด่าออกมา

“เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงไปติดอีหนู ใช่สิ ข้ามันไม่เซ็กซี่ไม่เย้ายวนใจเจ้านี่”

อังกาบพูดจบก็หันไปทางราตรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งกายโป๊และเย้ายวนผู้ชาย อังกาบรู้แล้วว่าควรจะประมูลอะไรในวันนี้ ซึ่งราตรีที่มักเย็นชาอยู่เป็นนิจก็พยักหน้าให้อังกาบ เธอจะช่วยอังกาบเต็มที่

จากนั้นราตรีก็มองมาทางเหนือภพ ซึ่งเหนือภพก็รีบตอบไปว่า

“ศิษย์พี่รองแท้จริงเป็นคนเรียบง่าย เขาชอบผู้หญิงที่แต่งกายเรียบร้อยไม่หวือหวา ดังนั้นผู้หญิงแต่งกายโป๊เกินไปจะไม่อยู่ในสายตาศิษย์พี่รอง”

เหนือภพพูดขณะมองมาทางบุษบาเพื่อให้พี่ราตรีเล็งเห็นว่า ศิษย์พี่รองของเขาชอบผู้หญิงแต่งกายเรียบร้อย มารยาทงามเช่นนี้

ราตรีเห็นเช่นนั้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าที เธอเริ่มลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวของบุษบา ขณะภายในใจครุ่นคิดกับตัวเอง มิน่าที่ผ่านมานอกจากวัฏจักรจะใช้ร่างกายเธอเพื่อบำบัดความใคร่แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอื่นเลย แท้ที่จริงเธอทำไม่ถูกหลักต่างหาก ไม่คิดรู้ว่าเขาจะชอบผู้หญิงที่อ่อนแอไร้พิษสง แต่งกายเฉิ่ม ๆ ไร้รสนิยมแบบนั้น

เหนือภพรู้สึกโล่งอกจริง ๆ เขาพูดไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ทั้งสองเขาชอบผู้หญิงแบบไหนกันแน่ ก็ตอนที่เขาถามว่าศิษย์พี่ชอบผู้หญิงแต่งกายแบบไหน

ศิษย์พี่ทั้งสองก็ให้คำตอบแค่ว่า ‘เป็นตัวของตัวเอง’

“สิ่งของต่อไปนี้คือชุดเกราะเหมยสะคราญ เป็นชุดคลุมขาวเหมาะสำหรับเด็กสาวแรกรุ่น สร้างมาจากเส้นใยไหมหิมะชั้นดี ไม่เพียงสวยงามเท่านั้น แต่มันยังถูกลงอาคมป้องกันระดับสูงที่สามารถต้านการโจมตีของผู้มีอาคมระดับ 40 ได้สบาย ราคาเริ่มต้นคือ 2,500 เหรียญทอง ทุกท่านสามารถเสนอเงินเพิ่มได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 100 เหรียญทอง มีใครจะสู้มั๊ยขอรับ”

พิธีกรจบคำพูดอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางเสียงฮือฮา เหนือภพจ้องมองชุดคลุมตัวยาวสีขาวบริสุทธิ์ ทอแทรกด้วยดิ้นสีเงิน ปักลวดลายดอกเหมยสีชมพูอ่อนไล่สีไปถึงชมพูเข้ม ดูเหมือนจริงราวกับว่ามีดอกเหมยถูกสายลมพัดตกลงมาบนชุดคลุม ช่างเป็นชุดที่เรียบง่ายแต่งดงาม ที่สำคัญคือมันเป็นชุดเกราะที่สวยงามและหญิงสาวสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตจริง พอได้เห็นมันก็ทำให้เหนือภพนึกถึงน้องสาวของตนในทันที

‘หากเหนือฟ้าได้ใส่คงสวยมากแน่’

เหนือภพคิด ขณะเอาตั๋วเงินทั้งหมดที่เขามีออกมานับทีละใบ ราคาของชุดนี้เอาเรื่องพอควร แต่เขาก็มีเงินมากพอที่จะซื้อมัน เหนือภพรีบโยนผ้าสีน้ำเงินเข้มลงไปที่เวทีทันที เสื้อผ้าชุดนี้ต้องเป็นของเขา

“ตึกลำธารต้องการซื้อในราคา 2,600 เหรียญทอง มีใครจะสู้ไหมครับ”

ผู้ทำการประมูลเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย แต่ทุกด้านกลับเงียบกริบ คล้ายกับว่าไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งผู้ทำการประมูลเริ่มนับถอยหลัง

“นับครั้งที่ 1”

“นับครั้งที่ 2”

“หากนับถึงครั้งที่ 3 ชุดเกราะเหมยสะคราญจะตกเป็นของตึกลำธารนะขอรับ”

“นับ...”

เหนือภพยิ้มกว้างเมื่อไม่มีใครคิดสู้ แต่ทันใดนั้นผ้าสีทองอร่ามถูกโยนมาจากตระกูลสุบรรเวนไตย

“ตระกูลสุบรรณเวนไตยให้ราคา 2,700 เหรียญทอง มีใครจะสู้อีกไหมขอรับ”

“โรงเรียนเซนต์อมตะ ให้ราคา 2,800 เหรียญทอง”

“สมาคมพ่อค้าสีเงิน ให้ราคา 2,900 เหรียญทอง”

“ตระกูลนาคราช ให้ราคา 3,000 เหรียญทอง ดุเดือดขึ้นมาแล้วขอรับ มีใครจะให้ราคามากกว่านี้อีกไหมขอรับ ชุดเกราะชั้นเลิศสำหรับสตรีแบบนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้วนะขอรับ”

เหนือภพหัวคิ้วขมวดเป็นปม รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มจางหาย เขากำหมัดแน่น ขณะลุกขึ้นอย่างเดือดดาล

‘ไอ้เจ้าพวกน่าตายพวกนี้คิดจะสู้กับข้าหรือไง’

เหนือภพโยนผ้าลงไปอีกครั้ง ขณะที่ภายในใจแสนเจ็บปวด แต่เขาไม่ยอมแพ้ เสื้อผ้าชุดนี้ต้องเป็นของน้องสาวเขาเท่านั้น

ท่าทางเอาจริงเอาจังของเหนือภพสร้างความตลกขบขันให้กับพี่สะใภ้ทั้งสองและบุษบา บุษบาดูออกว่าเหนือภพน่าจะมีน้องสาว และคงรักน้องสาวมาก เธอได้รับการว่าจ้างมาจากตระกูลนาคราชแล้วเธอก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง เธอจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

“ไอ้พวกบัดซบ ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะเสื้อผ้านั้นต้องเป็นของข้า”

เหนือภพเริ่มตัวสั่นเทา เมื่อราคาทะยานไปถึง 4,000 เหรียญทองแล้ว

ตระกูลสุบรรณเวนไตย ได้ยินเหนือภพฉุนขาดเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะ พวกเขาไม่ได้โผล่หน้าออกมาเพียงแค่ส่งเสียงดังกังวานตอบเหนือภพกลับมาอย่างสุภาพ

“วางมือเถิด พวกข้าเป็นห่วง ถ้ามีเงินไม่มากพอก็อย่าเอามาเล่นสู้ราคาให้เปลืองเวลาคนอื่นเลย”

พูดจบก็มีเสียงหัวเราะคิกคักตามมาเล็กน้อย

“หน็อยแน่”

เหนือภพมือสั่น เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องรับรองทำให้ไม่มีใครเห็นสภาพน่าอนาถของเขาทันใดนั้นมือขาวนวลเนียนของบุษบาก็โยนผ้าออกไปท่ามกลางสีหน้าที่ตื่นตะลึงของเหนือภพ ไม่ทันที่เขาจะได้โวยวาย คำตอบที่หลุดออกจากปากของบุษบาก็ทำให้เหนือภพเบาใจและยิ้มกว้าง

“ให้ข้าจ่ายให้ท่านเถอะ”

“ตึกลำธารให้ราคา 4,100 เหรียญทอง มีใครจะสู้อีกไหมขอรับ ข้าน้อยเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ และหากท่านใดยังมองไม่ออก ข้าน้อยก็คงต้องขอเฉลยว่าผู้ตัดเย็บมันขึ้นมาคือช่างเสื้อผ้าอันดับหนึ่ง ปรมาจารย์ไพลินหมู่บ้านไหมแดง และเสื้อผ้าที่มีอาคมป้องกันแฝงนี้มีเพียงตัวเดียวในแคว้น ถ้าท่านใดได้ไปจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”

เมื่อชื่อของผู้ผลิตหลุดออกจากปากพิธีกร การประมูลก็ดุเดือดขึ้นอย่างมาก เหนือภพเริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม แม้บุษบาจะเอ่ยปากว่าจะจ่ายเงินให้ แต่ราคาของมันก็สูงขึ้นมากจนเหนือภพหวั่นใจว่าเธอจะกลับคำพูด

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง เจ้าจะจ่ายให้ข้าจริงหรือ ? เจ้าไม่ได้หลอกข้านะ”

บุษบายิ้มขณะโยนผ้าเพื่อสู้ราคากับตระกูลสุบรรณเวนไตย

“ตึกลำธารช่างมีใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ให้ราคา 8,100 เหรียญทอง มีใครจะสู้อีกไหมขอรับ”

บุษบารู้ว่าเหนือภพกังวลเรื่องอะไร เมื่อเธอหันกลับมามองเหนือภพ เธอก็ยื่นป้ายแลกเงินที่ทำจากโลหะพิเศษ ป้ายนี้เป็นป้ายที่สามารถนำไปแลกเงินที่ร้านรับแลกเงินหรือจ่ายค่าสินค้าทั่วทุกสารทิศทั่วแคว้นอมตะ ในวงเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง ตราสัญลักษณ์บนป้ายนั้นมีรูปของพญานาค ทำให้เหนือรู้ทันทีว่าเป็นของตระกูลนาคราช

“ท่านไม่ต้องกังวลมีคนพร้อมจะจ่ายเงินให้ท่านอยู่ เชิญท่านประมูลได้อย่างสบายใจ”

เหนือภพนิ่งไปครู่หนึ่ง เหรียญทุกบาทที่คนอื่นมอบให้เราย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยน แฝงมากับจุดประสงค์บางอย่าง เหนือภพไม่กล้าที่จะใช้เงินจำนวนนี้หากไม่รู้ที่มาที่ไป เขารีบถามบุษบาในทันที

“พวกเขาต้องการอะไรจากข้ากันแน่”

บุษบาส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม

“ขออภัยข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ข้าทำหน้าที่เพียงแค่ทำให้ท่านพอใจ”

เหนือภพแหวกม่านออก มองไปทางตระกูลนาคราชที่คล้ายกับคาดเดาได้ว่าเหนือภพจะออกไปดูพวกเขา พวกเขาโบกมือทักทายเหนือภพอย่างเป็นมิตร ผิดกับเด็กหนุ่มเลือดร้อนสองคนจากตระกูลสุบรรณเวนไตยที่มีใบหน้าเคร่งขรึมดุดัน ปล่อยจิตสังหารออกมา ทำให้ตระกูลอื่น ๆ ที่กำลังสู้ราคาตอนนี้เริ่มถอนตัว

เหนือภพยิ้มกว้าง พลางมองไปทางตระกูลสบรรณเวนไตยที่โยนผ้าลงมาพร้อมกับสายตาดูถูก เหนือภพรีบโยนผ้าเพื่อสู้ราคาต่อในทันที จากนั้นก็จงใจกล่าวเสียดสีเสียงดังว่า

“มีแค่นั้นหรอ ถ้ามีเงินไม่มากพอก็อย่าเอามาเล่นสู้ราคาให้เปลืองเวลาคนอื่นเลย”

ยิ่งคำพูดของเหนือภพยอกย้อนใส่พวกเขา ตระกูลสุบรรณเวนไตยก็เสียหน้า ทำให้พวกเขาหน้าดำคร่ำเครียดมากกว่าเดิม พวกเขาตั้งใจจะสู้ราคาต่อ แต่เสียงกระแอมจากชายวัยกลางคนในห้องรับรองทำให้เด็กหนุ่มเลือดร้อนทั้งสองได้แต่เก็บสีหน้าคับแค้นแล้วเดินกลับเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก ได้แต่งึมงำกับตัวเองอย่างจนใจ

“ข้าอยากจะรู้ว่ามันจะมีเงินอีกสักเท่าไหร่เชียว”

“ตึกลำธารช่างยิ่งใหญ่สมชื่อ พวกเขาให้ราคา 10,100 เหรียญทอง มีใครจะสู้อีกไหมขอรับ”

คำกล่าวของผู้ทำการประมูลทำให้ตระกูลสุบรรณเวนไตยแสดงท่าทีจำยอม จำนวนเงินมากขนาดนี้แม้จะมีคุณสมบัติดีเลิศ แต่มันก็เป็นเพียงชุดเด็กผู้หญิง ราคาของมันจึงมากเกินไปสำหรับเสื้อคลุมเพียงชุดเดียว

        ณ ห้องรับรองโรงเรียนเซนต์อมตะ

“อาจารย์คะ มันแพงเกินไปหนูไม่เอาแล้วค่ะ”

หญิงสาววัยแรกแย้มเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย เมื่อราคาของมันทะยานขึ้นไปถึงห้าหลัก แม้โรงเรียนเซนต์อมตะจะมีอำนาจ มีฐานะการเงินที่ไม่ธรรมดา แต่นี่มันมากเกินไปเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ราคาต้นทุน ไม่น่าจะเกิน 1,000 เหรียญทอง ถึงได้มาจะใส่มันได้สักกี่ปี

“เหนือฟ้า หนูเป็นเด็กดีมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก อาจารย์ไม่เคยให้ของขวัญดี ๆ กับหนูเลย ดังนั้นเงินแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้”

ฌายินเอ่ยอย่างอ่อนโยน แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ เธอผู้เป็นทั้งครูใหญ่และอาจารย์ของเหนือฟ้า สายตาเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เธอเตรียมจะโยนผ้าสู้ราคา แต่ว่าเหนือฟ้ารั้งไว้มือเอาไว้อีกครั้ง

“หนูไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะอาจารย์ ถ้าจะใช้เงินหมื่นเหรียญทองซื้อเสื้อผ้าแค่ตัวเดียว หนูว่ามันจะดูโง่เอามาก ๆ อาจารย์ของหนูเป็นคนฉลาด มิสู้อาจารย์ใช้เงินหมื่นเหรียญทองซื้อเสื้อผ้าเนื้อดี ให้หนูหลาย ๆ ชุดดีกว่าค่ะ”

เมื่อฌายินเห็นดวงตากลมใสของศิษย์รัก เธอก็ลูบหัวเหนือฟ้าเบา ๆ

“เอาแบบนั้นก็ได้ อาจารย์ตามใจหนูทุกอย่าง”

“นับครั้งที่ 3 ก๊อก ก๊อก”

“ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าสู้ตึกลำธารแล้วจริง ๆ ชุดเกราะเหมยสะคราญ ตึกลำธารได้ไป ในราคา 10,100 เหรียญทองขอรับ ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ”

“บอกแล้วไอ้พวกอ่อนหัดเอ๊ย คิดจะสู้กับใครไม่สู้มาสู้กับข้า”

เหนือภพร้องอย่างดีใจพร้อมกับโผล่ออกไปให้ทั่วทั้งอาคารประมูลได้เห็นเต็มตา โดยปกติผู้จัดการจะส่งสินค้าให้กับผู้ชนะการประมูลในทันที แต่ในครั้งนี้เหนือภพเลือกที่จะออกไปรับด้วยตัวเอง เขาต้องการอวดอ้างชัยชนะของเขา ทั้งที่ภายในใจรู้สึกเบาโหวงชอบกล เขาต้องอวดอ้างเช่นนี้เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเขาทำถูกแล้ว เพื่อน้องสาวของเขาจะได้มีชุดเกราะชั้นเลิศคุ้มกาย

การกระทำนี้ทำให้เหนือฟ้าถึงกับเบิกตากว้าง เธอเคยเอ่ยปากว่า ใช้เงินหมื่นเหรียญทองซื้อเสื้อผ้าแค่ตัวเดียว มันจะดูโง่เอามาก ๆ ดูเหมือนว่านั่นจะเข้าตัวพี่ชายเธอเต็ม ๆ เธออยากจะเอากระโปรงที่เธอใส่คลุมหัวตัวเองจริง ๆ แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกอับอาย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกปลาบปลื้มใจมากจนเธอไม่อาจเก็บน้ำตาไว้ได้

พี่ชายคนเดียวที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังทำเพื่อเธอเสมอ ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยหรือเสียเงินมากเท่าไหร่ ยิ่งตอนสัตว์อาคมส่งพัสดุปรากฏขึ้นต่อหน้าพร้อมกับเกราะเหมยสะคราญที่เพิ่งถูกประมูลไปด้วยเงินนับหมื่นเหรียญทองนั้น ก็ทำให้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ จนต้องร้องไห้ออกมาพร้อมกับกอดเสื้อผ้าแนบอกอย่างหวงแหน

เมื่อฌายินเห็นศิษย์รักร้องไห้ก็ตกใจ แต่เมื่อเธอมองประเมินห่อผ้าราคาสูงนั้นเธอก็เข้าใจ

“อย่าบอกนะว่านั่นคือพี่ชายของหนู”

“ค่ะ พี่ภพ พี่ชายของหนูเอง”

ฌายินเข้าใจในทันที เจ้าเด็กหนุ่มบ้านนอกที่เริ่มป่วนไปทั่วตั้งแต่เริ่มเปิดงาน ที่แท้คือพี่ชายของเหนือฟ้า เขาช่างเป็นคนที่โดดเด่นไม่แพ้น้องสาวเลย แต่น่าเสียดายที่เขามีความสัมพันธ์กับกลุ่มภารดาและหอโลหิต มันไม่ใช่เรื่องดีเลย ถ้าคนภายนอกรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ มันจะเป็นผลร้ายต่อเหนือฟ้าอย่างมาก เธอผู้เป็นอาจารย์รับไม่ได้เด็ดขาด

“ฟ้าไปกันเถอะ อาจารย์จะพาไปซื้อเสื้อผ้าอีกหลาย ๆ ชุด”

“แต่ พี่หนู เขา...”

“ไม่เป็นไรหรอกนะ เวลายังมีอีกเยอะ ไว้เจอกันวันอื่นก็ไม่สาย ไปหาเสื้อผ้าสวย ๆ เพื่อใส่ไปเจอพี่ชายไม่ดีกว่าหรอจ๊ะ เชื่ออาจารย์สิ วันนี้อาจารย์จะพาหนูไปเสริมสวย หาเสื้อผ้าดี ๆ ไว้ใส่ไปเจอพี่ชายของหนูกัน”

“ค่ะ”

แม้เหนือฟ้าอยากเจอพี่ชายมาก แต่เธอก็รู้สึกว่าอาจารย์พูดถูก เธอจึงเดินลับกายหายไปพร้อมกับอาจารย์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด