เล่ม1 : บทที่ 52 – ร่วงหล่น
กำเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 52 – ร่วงหล่น
โนอาห์ร่วงลงไปสู่ก้มบึ้งของหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกด้วยความเร็วสูง แรงดันที่รู้สึกได้บนใบหน้ากลายเป็นเรื่องที่ร่างกายอันดับสองเกินจะต้านทานไหว ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่เขาตกลงสู่พื้นด้วยความเร็วเท่านี้
โนอาห์บ่นสาปในใจและพยายามแทงดาบใส่กำแพงหินผาของหุบเขาแต่หินนั้นแข็งเกินไปและมีเพียงแค่ปลายดาบเท่านั้นที่จะสามารถเจาะเข้าไปในผิวของหินเหล่านั้นได้
เกิดร่องรอยเป็นเส้นตรงยาวสองเส้นหลงเหลือไว้บนกำแพงหินขณะโนอาห์ยังคงร่วงหล่นไปตามแรงโน้มถ่วงพร้อมกับดาบทั้งสองเล่มที่ถืออยู่ในมือ ความเร็วของเขาลดลงเรื่อยๆ แต่จากนั้นหินตามแนวกำแพงก็เริ่มแข็งขึ้นกว่าเดิมและดาบของเขาก็ถูกชักออกมาจากร่องหิน
ความเร็วในการตกลงไปของโนอาห์เพิ่มขึ้นอีกครั้งและไม่ว่าเขาจะพยายามอีกกี่ครั้ง ดาบของเขาก็ไม่สามารถเจาะทะลุหินได้อีกเลย
เขามองลงไปข้างล่างและเห็นโพรงเล็กๆ ต่ำลงไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรทางด้านซ้ายมือ เขาใช้ความตั้งใจและชักดาบออกมา จากนั้นก็ใช้ทั้งมือและเท้ากดกำแพง ก้อนหินจำนวนหนึ่งกับความเร็วของเขาทำให้ผิวหนังของเขาถูกทำลายอย่างรวดเร็วแต่โนอาห์อดทนรอจนกว่าจะได้จังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการทำสิ่งต่อไป
เมื่อโพรงอยู่ในระยะที่เหมาะสม เขาก็ออกแรงผลักกำแพงออกไปยังฝั่งทางซ้ายมือ โนอาห์ตกลงไปในแนวทแยงมุมและหมอบกลางอากาศเพื่อลมผิวสัมผัสโดยให้ศีรษะอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง
ร่างกายของเขากระแทกเข้าไปในผนังด้านในของโพรงและเกิดเสียงแตกดังขึ้นมาแต่เมื่อเขาสัมผัสกับพื้นก็ลื่นไถลตรงไปหุบเขาอีกครั้งหนึ่ง
เขาไม่รู้สึกถึงขาทั้งสองข้างและแขนซ้ายดังนั้นเขาจึงเอื้อมแขนขวาที่พอขยับได้ไปแตะขอบของโพรง โนอาห์รู้สึกถึงแรงดันอันมหาศาลที่ไหล่ข้างขวาแต่เขาไม่ยอมปล่อยมือ เขาอดทนต่อความเจ็บปวดที่รู้สึกจนกระทั่งแรงดันนั้นหายไป
เขาลืมตาและพบว่าตัวเองก้อยอยู่ที่ขอบของโพรงพร้อมกับแขนขาที่ห้อยไปมาอย่างไร้เรี่ยวแรงใต้ก้นบึ้งของหุบเขา โนอาห์ออกแรงที่แขนขวาเพื่อดึงตัวเองขึ้นจากหลุมเพื่อตะกายขึ้นสู่พื้นและเคลื่อนมือลึดลงไปในโพรงพร้อมลากร่างให้ขึ้นตามมาด้วย
ฟันของเขาเจาะหินไม่ได้แต่ก็อดทนจนวินาทีสุดท้ายได้ที่มือจะคลำหาที่ยึดเกาะในโพรง หลังจากทำเช่นเดิมซ้ำๆ ร่างของโนอาห์ก็ลงไปนอนบนพื้นในโพรงอย่างเต็มตัว
‘ฉันยังไม่ตาย’
นั่นคือความคิดแรกหลังจากที่โนอาห์สามารถหยุดยั้งการตกลงมาสู่พื้นนี้ได้ เขาใช้กำลังที่เหลือตรวจสอบใต้ร่มผ้าบริเวณเอวและยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเราสามารถหยิบแหวนเงินแหวนหนึ่งออกมา เขาผ่อนคลายลงเมื่อได้เห็นแหวนเงินและหมดสติไปหลังจากจบความคิดสุดท้าย
‘ฉันรอดมาได้’
* * * * *
โนอาห์ตื่นขึ้นมาในอีกเช้าวันต่อมาเพราะคลื่นความเจ็บปวดที่คืบคลานเข้ามาทั่วร่างกาย เขามองไปรอบๆ และนึกถึงเหตุการณ์การต่อสู้
‘ไม่รู้ว่าถ้ายังอยู่ที่นั่นมันจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือเปล่า เบซิลอาจตาย ฉะนั้นชะตากรรมของฉันก็น่าจะไม่ต่างกับเขาหากยังดื้อดึงที่จะสู้ต่อ’
เขาค่อยๆ เคบื่อนมือไปหยิบแหวนเงินที่อยู่ข้างกายและสวมไว้ที่นิ้วชี้ เกิดความรู้สึกเย็นเยือกปะทะเข้าที่ผิวหนังบนฝ่ามือของเขา ปรากฏมีเนื้อแห้งชิ้นหนึ่งตรงหน้าและโนอาห์ก็รีบกินอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่เขาได้รับแหวนปริภูมิเขาก็เริ่มสะสมเสบียงและสิ่งของที่มีประโยชน์ไว้ในนั้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังสำนัก
ขณะที่เขากำลังกินก็มองไปรอบๆ โพรงและตรวจสอบสภาพร่างกาย ขนาดโพรงกว้างสองตารางเมตรและลึกหนึ่งเมตร โนอาห์นอนอยู่ในนั้นเป็นพื้นที่โล่งแทบจะทั้งหมด
‘โชคดีที่โพรงไม่เล็กไปกว่านี้ ไม่รู้เลยว่าจะไปถึงกลางโพรงได้ไหมด้วยความเร็วเท่านี้’
จากนั้นเขาก็เพ่งสมาธิมาที่ร่างกาย ‘ขาหักสองข้าง แขนซ้ายก็ด้วย ผิวหนังทั้งมือและเท้าถลอก ไหล่ขวาเกือบหลุด และมั่นใจว่าซี่โครงบางซี่น่าจะหักด้วย’
เขามองออกไปนอกโพรงและเห็นหมอกจางๆ ที่ลอยอยู่ท่ามกลางหุบเขา ‘การที่ฉันติดอยู่ในนี้ที่ซึ่งตระกูลขุนนางขนาดกลางไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไร ก็คงพูดได้อย่างเต็มปากว่าฉันก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว’
เขาคิดถึงสายฟ้าที่ทำลายรถม้าของเบซิลอีกครั้งและยิ้มออกมาเล็กน้อย ‘ ‘อาจจะ’ ตายก็ยังดีว่าเห็นว่าตาย ‘แน่ๆ’ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์ถึงส่งฉันมาทำภารกิจฆ่าตัวตายเช่นนี้’
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหน้า ‘ไม่สิ ถ้าเขารู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดเขาก็ไม่ส่งฉันมาหรอก แต่ใครกันล่ะที่จะมีอำนาจพอที่จะสั่งให้เขาตั้งใจส่งฉันมาทำภารกิจนี้?’
ใบหน้าของพ่อเขาลอยเข้ามาในความคิดแต่แล้วก็โยนความคิดดังกล่าวทิ้งไป
‘ไว้ค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังแล้วกัน อย่างไรเสีย ถึงจะเป็นเขาจริงๆ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีไม่งั้นแม่ก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้’
โนอาห์ค่อยๆ ยืดตัวและพยุงตัวเองพิงกำแพงเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บ
‘ต้องพักฟื้นก่อนค่อยคิดหาทางออกจากที่นี่ ความเข้มข้นของ “ลมหายใจ” ข้างล่างนี่ดูจะสูงกว่าข้างบน ฉะนั้นก็น่าจะรักษาได้เร็วขึ้นแต่ฉันก็ควรทำอะไรเพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น’
ข้างกายเขามีอาวุธสามชนิดวางอยู่ขณะฉีกเสื้อผ้าออกจากกันเพื่อทำเป็นเชือก เขาเสริมกำลังไปยังแขนขาที่หักและใช้อาวุธจากแหวนปริภูมิให้เป็นเฝือกและมัดให้แน่น
จากนั้นเนื้อจากแห้งอีกชิ้นก็ปรากฏและเขาก็ค่อยๆ กินช้าๆ จากนั้นก็หลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ “ลมหายใจ” ในตัวเพื่อจัดลำดับความสำคัญในกระบวนการรักษา ไม่ได้ใช้กระบวนการบำรุงรักษาร่างกาย
หลายวันผ่านไปพร้อมกับร่างของโนอาห์ที่แทบจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ได้แต่นอนอยู่บนพื้นรอให้อาการบาดเจ็บบรรเทาลง บางครั้งเขาก็ลืมตาเพื่อกินและดื่มหรือเปลี่ยนตำแหน่งที่เข้าเฝือกแต่เวลาส่วนใหญ่เขาใช้กับการนำ “ลมหายใจ” มารักษาบาดแผล
หลังจากนั้นสองสัปดาห์เขาก็กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้งหนึ่ง