Chapter 103 - 104: ปัญหา, ไม่มีเหตุผล (ฟรี)
Chapter 103: ปัญหา
“เธอ…” กู้ฉินเซียงพูดไม่ออกอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพูดออกมาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกขึ้นมาก่อน
“เฉียนเฉียน ทำอะไรอยู่?”
เสียงผู้ชายทรงเสน่ห์ดังขึ้น จากนั้นชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาก็เดินเข้ามาหา เขาอายุราวๆสามสิบปี สวมชุดสูท กลิ่นอายชนชั้นสูงแต่ไม่ได้หยิ่งผยองออกมาจากตัวเขา
“ทำอะไรอยู่งั้นเหรอ เพื่อนของฉันกำลังถูกรุมด่า ฉันก็เลยเข้ามาช่วยเธอ!” อันเฉียนจงใจพูดกระทบกู้ฉินเซียง
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่เป็นใคร จู่ๆกู้ฉินเซียงก็ปรับเปลี่ยนท่าทีและใบหน้าก็ประดับรอยยิ้มกว้าง “โอ้ ยินที่ได้พบครับ ผู้บริหารลี! คุณมารับประทานอาหารค่ำที่นี่เหรอครับ? บัญเอิญจริง! ได้โปรดให้เกียรติผมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อค่ำคุณด้วยครับ!”
ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนมีอำนาจมากถึงกับทำให้กู้ฉินเซียงประจบสอพลอเขาออกนอกหน้าขนาดนี้
“ขอปฏิเสธ” ชายหนุ่มยังไม่ทันได้พูดอะไร อันเฉียนก็ชิงตอบก่อน เธอไม่ชอบกู้ฉินเซียงเอาซะเลย
“เธอ…” กู้ฉินเซียงอยากจะต่อว่าอันเฉียน แต่พวกเขาอาจจะมาด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงหุบปากเงียบ
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคน พวกเขาอาจจะเป็นแค่เพื่อนหรือเป็นแฟนกันก็ได้ กู้ฉินเซียงไม่อยากแสดงความหงุดหงิดต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้
กู้ฉินเซียงหันไปทางลีเจิงหยู รอคอยคำตอบของเขา
“ต้องขอโทษด้วยประธานกู้ วันนี้ผมมากับเพื่อน ไม่สะดวกเท่าไหร่” ลีเจิงหยูปฏิเสธตรงๆ
“อ่า น่าเสียดาย” กู้ฉินเซียงไม่กล้าเซ้าซี้
ลีเจิงหยูมีโครงการก่อสร้างโรงแรมในมือและกู้ฉินเซียงพยายามอยากคว้ามันไว้ เขารอให้ตัวเองมีรายชื่ออยู่ในโครงการ ลีเจิงหยูจะเลือกหนึ่งในห้าบริษัท คู่แข่งของเขามีแต่พวกเขี้ยวลากดินทั้งนั้น กู้ฉินเซียงไม่กล้าวางท่าบาตรใหญ่ต่อหน้าเขา
ทันใดนั้นอันเฉียนก็เชิญกู้หนิงกับครอบครัวของเธอ “กู้หนิงมากินมื้อค่ำกับพวกเราสิ! เธอสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวฉันไง ฉันรอมาหลายวันแล้วแต่เธอก็ไม่เคยโทรมาเลย!” อันเฉียนเกือบต่อว่ากู้หนิง
กู้หนิงจึงอธิบายด้วยความรู้สึกละอายในใจ “เอ่อ ช่วงนี้เรียนหนักค่ะ ก็กะว่าจะโทรตอนที่ว่าง”
“ไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเลี้ยงหรือไม่เลี้ยงข้าวฉัน แต่พวกเราเป็นเพื่อนกัน พวกเราก็ควรหาเวลาว่างมาเจอกันสิ เอาเป็นว่าอย่ารอให้ถึงครั้งหน้าเลย ตอนนี้พวกเรามากินมื้อค่ำด้วยกันดีกว่า! โอ้ คุณแม่กู้หนิง คุณป้าและคุณลุงด้วยนะคะ” อันเฉียนเชิญพวกเขาด้วย
“แต่…” กู้หนิงไม่อยากรบกวนอันเฉียนและลีเจิงหยู
อันเฉียนรู้ว่ากู้หนิงกำลังคิดอะไร เธอจึงพูดว่า “เธอไม่ต้องห่วง เขาไม่ว่าอะไรหรอก”
แน่นอนเธอหมายถึงลีเจิงหยู อันเฉียนหันไปส่งสายตาให้ลีเจิงหยูเป็นอันรู้กัน
ลีเจิงหยูได้รับสารจากเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ “คุณกู้ ได้โปรดให้เกียรติมาทานข้าวกับเราด้วยครับ”
เขาจงใจเชิญแต่กู้หนิงและครอบครัวของเธอ ไม่ใช่ครอบครัวกู้ฉินเซียง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาพอจะเดาได้ว่าพวกเขาสองคนน่าจะอยู่คนละฝั่งกัน อันเฉียนอยู่ฝั่งกู้หนิง ดังนั้นเขาจึงต้องทำตามเธอ
“ได้ค่ะ ในเมื่อพวกเราอยู่ที่นี่แล้วก็ไปกินมื้อค่ำกันก่อนกลับบ้านละกัน” เมื่อเห็นว่าลีเจิงหยูโอเคกับคำเชิญอันเฉียน กู้หนิงก็ตอบตกลงในที่สุด
“แม่ ป้า ลุง ซินหยู ไปกินข้าวกับคุณหมออันกันเถอะค่ะ” กู้หนิงหันมาพูดกับครอบครัวเธอ
แม้ว่ากู้ม่านและคนที่เหลือจะไม่อยากรบกวนคนอื่น แต่ในเมื่อกู้หนิงตอบรับคำเชิญไปแล้ว พวกเขาจึงได้แต่เลยตามเลย กู้ฉินเซียงตอนนี้หงุดหงิดที่ลีเจิงหยูยินดีไปกินข้าวกับกู้หนิงและครอบครัวของเธอ แต่ปฏิเสธคำเชิญของเขา คนที่เขาไม่ชอบใจมากที่สุดคืออันเฉียน
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
หลินหลี่หยวนและกู้เซียวเซียวก็ไม่พอใจเช่นกัน แต่พวกเธอรู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นคนสำคัญ ดังนั้นพวกเธอจึงทำได้เพียงหุบปากสนิท
อย่างไรก็ตามเพราะว่าพวกเธอรู้ว่าชายตรงหน้าเป็นคนสำคัญแค่ไหน หลินหลี่หยวนและกู้เซียวเซียวก็ยิ่งไม่พอใจ กู้หนิงเป็นแค่เด็กจนๆคนหนึ่ง เธอไปรู้จักคนแบบผู้บริหารลีได้ยังไง!”
ในขณะเดียวกันหญิงชราก็พูดขัดขึ้นมา “นี่ คุณทำแบบนี้ได้ยังไง? ลูกชายฉันชวนคุณกินข้าวด้วยแต่คุณปฏิเสธ กลับมากินข้าวกับนังเด็กไม่มีพ่อแบบนี้? คุณนี่มัน….”
ในสายตาของหญิงชรา ลูกชายคนโตของเธอเป็นใหญ่ที่สุด ในขณะที่กู้หนิงเป็นแค่เด็กยากจนกระจอกๆ อีกทั้งเป็นเด็กไม่มีพ่อ
“แม่ หยุดพูดเดี๋ยวนี้!” กู้ฉินเซียงตกใจ เขาต่อว่าแม่ของเขาทันที
“แม่พูดกับผู้บริหารลีแบบนี้ไม่ได้!”
กู้ฉินเซียงไม่อยากจะต่อว่าแม่ของเขาถ้าหากมันไม่สำคัญจริงๆ ฉับพลันหญิงชราก็ตระหนักได้ว่าเธอเพิ่งทำสิ่งผิดพลาดลงไป เธอหุบปากเงียบทันที แต่ยังรู้สึกเครียดเพราะสายตาของกู้หนิง
กู้ฉินเซียงหันมาขอโทษลีเจิงหยู “ผู้บริหารลี ผมต้องขอโทษด้วย แม่ของผมมักสร้างปัญหาในครอบครัว ได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วยครับ”
“ไม่เป็นไร แต่แม่คุณสบถด่าเด็กคนนี้แบบนี้บ่อยๆเหรอ? หยาบคาบและใจร้ายไปหน่อยนะ”
“แม่ผมแก่มากจนไม่ระวังกิริยาของตัวเอง ผมจะพูดกับแม่ทีหลังเองครับ” กู้ฉินเซียงน้อมรับคำของเขาอย่างไม่ลังเล
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหนูได้ยินคุณเรียกหนูว่าเด็กไม่มีพ่ออีกครั้งล่ะก็ คุณได้ชดใช้คืนแน่” กู้หนิงเตือนหญิงชราอีกครั้ง จากนั้นก็ไม่สนใจเธออีกและเดินเข้าไปข้างในร้านอาหารพร้อมคนอื่น
หญิงชราเกือบจะเป็นลมเพราะความโกรธจัด หลังจากที่พวกกู้หนิงเดินจากไป เธอก็เปิดปากพูดขึ้นทันที
“ได้ไง ได้ไง นังเด็กนั่นกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!!”
กู้ฉินเซียงตวาดเสียงดังลั่น “พอได้แล้ว! ผมกำลังรอโอกาสเซ็นสัญญาโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้บริหารลี แม่กล้าไปว่าเขาแบบนั้นได้ยังไง? ถ้าเขาเกิดไม่พอใจขึ้นมาและเอาชื่อผมออก ผมจะสูญเสียเงินก้อนใหญ่!”
ได้ยินดังนั้น หญิงชราก็ตกตะลึง เธอถามลูกชายด้วยความร้อนใจ “แล้ว แล้วที่นี้พวกเราจะทำยังไง? ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนังเด็กสารเลวกู้หนิง ถ้าไม่มีมัน….”
Chapter 104: ไม่มีเหตุผล
แม้แต่ตอนนี้หญิงชราก็ยังไม่ตระหนักว่ามันเป็นความผิดของเธอ เธอไม่วันเชื่อว่าตัวเธอเองเป็นคนผิด ดังนั้นมันต้องเป็นความผิดกู้หนิง หญิงชราคนนี้ช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ!
“แม่ เลิกโทษคนอื่นกับเรื่องที่แม่ทำสักทีเถอะ! แม่ไม่เคยทำผิดเลยหรือยังไง?” กู้ฉินเซียงใกล้หมดความอดทน เสียงของเขาสูงขึ้น ถึงแม้เขาจะเกลียดกู้หนิงแต่เขาพอจะแยกแยะได้ว่าแม่ของเขาเป็นคนทำเรื่องนี้ให้มันยุ่ง
“จะกลายเป็นความผิดแม่ได้ยังไง? กู้หนิงเป็นคนทำ! ถ้ามันไม่ได้อยู่ที่นี่ เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น!” หญิงชราเถียงกลับด้วยความเดือดดาล
“แม่..” กู้ฉินเซียงพูดไม่ออก หญิงชราคนนี้ช่างเป็นคนหัวแข็งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
“เอางี้ ในเมื่อนังเด็กกู้หนิงรู้จักพวกเขา ลูกก็ให้มันช่วยลูกเรื่องโครงการต่อหน้าผู้บริหารลีสิ” หญิงชราเสนอความคิดเห็น
ผู้คนแถวนั้นยังไม่ได้เดินจากไปไหน หญิงชราคนนี้ช่างเป็นคนน่าไม่อาย เธอเพิ่งด่าเด็กสาวและไม่เต็มใจยอมรับว่าเป็นหลานตัวเอง แต่มาตอนนี้กลับอยากให้หลานตัวเองช่วย
ทุกคนมองดูหญิงชราด้วยสายตาดูถูกและไม่ชอบใจ แต่หญิงชราหน้าด้านเกินกว่าจะรู้สึกรู้สา อย่างไรก็ตามครอบครัวกู้ฉินเซียงก็ชอบความคิดนี้ พวกเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวและไม่คิดว่าเรื่องนี้ผิดอะไรที่ตรงไหน
ถ้าหากกู้หนิงรู้ถึงความคิดพวกเขา เธอคงหัวเราะด้วยความโกรธ เธอไม่เคยพบเคยเจอคนหน้าด้านหน้าทนแบบนี้มาก่อน!
อันที่จริงกู้หนิงไม่รู้จักลีเจิงหยูเป็นการส่วนตัว ถึงต่อให้พวกเขารู้จักกันจริงๆ เธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะช่วยกู้ฉินเซียง เธอใจดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ขอให้ลีเจิงหยูลบชื่อกู้ฉินเซียงออกจากรายชื่อ
“คุณหมออัน พวกเรารีบร้อนออกจากโรงพยาบาลครั้งก่อน ยังไม่ทันได้ขอบคุณคุณหมอสำหรับความช่วยเหลือ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ” กู้ม่านพูดกับอันเฉียน
“อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ กู้หนิงกับหนูเป็นเพื่อนกัน” อันเฉียนตอบ
ถึงอย่างนั้นกู้ม่านก็ยังรู้สึกผิด “คุณหมออัน ให้พวกเราเลี้ยงมื้อค่ำวันนี้นะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ให้เพื่อนหนูเลี้ยงเถอะค่ะ” อันเฉียนปฏิเสธ เธอพยายามแสดงถึงความมีน้ำใจของเธอ
“ไม่ได้นะจ๊ะ” กู้ม่านไม่ยอม เธอจึงหันมาหากู้หนิง
“หนิงหนิง พูดอะไรหน่อยสิ!”
“เอ่อ ให้พวกเราเป็นคนเลี้ยงอาหารมื้อนี้เถอะค่ะ” กู้หนิงกล่าว
ถึงกู้ม่านจะไม่ได้พูด กู้หนิงก็จะให้เจียงซู่แอบไปจ่ายเงินก่อนทีหลัง อันเฉียนรู้ว่าเธอไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเธอจึงยอมตกลง
เพราะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นด้านนอกเมื่อสักครู่ ครอบครัวกู้ฉินหยางจึงหมดความอดทนรอ
ครอบครัวกู้ฉินเซียงมักมาสายตลอดและพวกเขาก็เคยชินกับมันซะแล้ว แต่กู้ม่านและครอบครัวกู้ชิงไม่เคยมาสาย พวกเขามักมาเป็นคนแรกและมารอก่อนเสมอ แต่ตอนนี้ผ่านไปสิบนาทีแล้ว พวกเขาก็ยังไม่โผล่มา ครอบครัวกู้ฉินหยางรู้สึกไม่พอใจ
ครอบครัวกู้ฉินหยางมีสมาชิกทั้งหมดสี่คน ภรรยาของเขา ‘เว่ยยู่หลาน’ และลูกฝาแฝด พี่สาวคนโต ‘กู้หยินหยิน’ และน้องชาย ‘กู้ฉิงชือ’ พวกเขาอายุสิบสี่อยู่เกรดแปด
ทั้งกู้หยินหยินและกู้ฉิงชือเป็นเด็กหน้าตาดีแต่นิสัยแย่ พวกเขาจะระวังตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้า แต่ต่อหน้าครอบครัวกู้ พวกเขาจะเป็นตัวของตัวเอง
พวกเขาก็เหมือนกับกู้เซียวเซียวที่ชอบรังแกกู้หนิงกับเจียงซินหยู ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้เซียวเซียว
“เกิดอะไรขึ้นกับป้ารองและป้าสี่? พวกเราชวนพวกเขามากินข้าวกับพวกเราไม่ใช่เหรอครับ แต่พวกเขายังมาสาย! พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นใครกัน?” กู้ฉิงชือหัวเสีย เขาไม่โทษครอบครัวกู้ฉินเซียงเพราะกู้ฉินเซียงเปรียบเสมือนหัวหน้าของตระกูลกู้ และไม่มีใครกล้าวิจารณ์เขา อีกทั้งกู้ฉินเซียงเป็นคนที่รวยที่สุดท่ามกลางญาติพี่น้องอีกด้วย
“ใช่ค่ะ หนูคิดว่าพวกเราไม่น่าชวนพวกเขาตั้งแต่แรก หนูรู้สึกอายที่มีญาติจนๆ!” กู้หยินหยินพูดด้วยความดูถูก
กู้ฉินหยางและเว่ยยู่หลานไม่ได้ดุที่ลูกๆของพวกเขาพูดจาไม่ดี พวกเขาเองก็คิดแบบเดียวกัน ลูกๆพากันเลียนแบบนิสัยของพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่แสดงออกว่าไม่เคารพผู้อื่น เด็กก็จะทำแบบเดียวกัน
เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเด็กกู้ฉินเซียง กู้ชิง กู้ฉินหยางและกู้ม่าน เป็นพี่น้องที่สนิทสนมกัน แต่ภายใต้การเลี้ยงดูของแม่พวกเขา เด็กชายก็เริ่มรังแกและดูถูกเด็กหญิง
เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว พ่อของพวกเขาไม่คิดว่าเด็กผู้ชายจะดีกว่าเด็กผู้หญิง และคอยบอกลูกชายให้ปฏิบัติตัวกับผู้หญิงอย่างให้เกียรติ แต่พ่อของพวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เขาจึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทิ้งให้ลูกๆอยู่กับแม่ ไม่อย่างนั้นกู้ม่านและกู้ชิงคงไม่ถูกรังแกเป็นเวลายาวนาน
กู้ฉินหยางโทรหากู้ชิง เขาต่อว่าเธอทันทีที่เธอรับสาย “เกิดอะไรขึ้นกับพี่? ดูนาฬิกาสิ! พี่รู้ไหมว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว? พี่ต้องให้เราโทรหาพี่สองรอบเพื่อให้มากินข้าวด้วยเหรอ? ถ้าไม่อยากมาก็แค่บอกพวกเรา พวกเราจะได้ไม่ต้องรอ!”
ทัศนคติของกู้ฉินหยางนั้นแย่มาแต่ไหนแต่ไร ในอดีตที่ผ่านมากู้ชิงเป็นฝ่ายยอมเสมอ แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นบ้างแล้ว เธอนึกถึงสิ่งที่เธอเคยผ่านมาเมื่อครั้งอดีตและครั้งนี้เธอจะไม่ทนอีกต่อไป เธอพูดเสียงดังและตะโกนใส่เขาผ่านโทรศัพท์
“พูดดีๆกับพวกเรามั่งไม่ได้รีไง? ทุกทีพวกเราก็มาก่อนตลอด กู้ฉินเซียงต่างหากที่มาสายทุกครั้ง แต่นายไม่เคยพูดถึง ฉันรู้ว่าฉันมันคนจนและนายไม่ชอบพวกเรา ฉันพอเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป แม่ไม่อนุญาตให้หนิงหนิงมาด้วย แม่ทะเลาะกับพวกเราข้างนอกร้าน ถ้ากู้หนิงมาไม่ได้พวกเราก็ไม่ไปเหมือนกัน!”
พูดจบ กู้ชิงก็วางสายทันที
กู้ฉินหยางนิ่งอึ้ง เขาคิดไม่ถึงว่ากู้ชิงจะโกรธมากขนาดนี้ เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เสียงของกู้ชิงดังจนลอดออกมาจากโทรศัพท์ เว่ยยู่หลานที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินอย่างชัดเจน หญิงชราไม่อุญาตให้กู้หนิงมาด้วย? พวกเขายังปะทะกันดุเดือดอีกด้วย? เกิดอะไรขึ้น?
พวกเขารู้ว่าหญิงชราไม่ชอบกู้หนิงและมักจะทำให้กู้หนิงขายหน้าทุกครั้งที่พบกัน แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกันจนใหญ่โต หรือว่ากู้หนิงได้ทำสิ่งที่หญิงชราไม่ชอบเอามากๆ?
พวกเขาสับสนมึนงง ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเข้ามา และครอบครัวกู้ฉินเซียงก็เดินเข้ามาข้างใน ใบหน้าของพวกเขาดูไม่พอใจ