ตอนที่ 48 ร้านไก่ย่างราชบุตรเขย
“เป็นอย่างไรบ้างครับกับการแสดงอันยาวนานในวันนี้ รายการต่อจากนี้ไปเป็นการประมูลเรียกน้ำย่อย กระตุ้นความตื่นเต้นก่อนที่ทุกท่านจะได้เริ่มประมูลกันอย่างจริงตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป”
สิ้นเสียงประกาศอันฮึกเหิมของพิธีกรชายรูปงามที่เพิ่งถูกสลับขึ้นมา บรรดาผู้ชมรอบทิศก็ปรบมืออย่างกระหึ่ม ทุกคนต่างรอคอยการประมูลในคืนแรกอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
“และในปีนี้ข้าก็มีข่าวดีจะประกาศให้ทุกท่านได้ทราบ ท่านทั้งหลายจะได้ประมูลสิทธิ์ได้รับคำพยากรณ์ 3 รายการ จากเทพพยากรณ์ในตำนานทั้งสามท่าน นั่นคือ ท่านอ่ำ ท่านกำพลและ ท่านทองปาน”
พิธีกรชายพูดจบก็ผายมือไปยังเทพพยากรณ์ชราทั้งสามท่านอย่างยิ่งใหญ่อลังการ
เฮ…
“ท่านแรกคือท่านอ่ำ เทพพยากรณ์จากเมืองกำธร คงไม่ต้องบรรยายความสามารถของท่านผู้นี้ เพราะชื่อเสียงของท่านนั้นเลื่องลือไปทั่วแคว้น แต่มิใช่ว่าใครจะขอพบท่านก็จะได้พบ ต่อให้เป็นองค์จ้าวแคว้นก็ยังมิอาจสั่งการท่านอ่ำได้ ทว่าในคืนนี้ ที่นี่ พวกท่านทุกคนล้วนมีสิทธิ์ได้พบปะพูดคุยและขอคำพยากรณ์ ขอเพียงแค่พวกท่านทุ่มเทอย่างสุดหัวใจเท่านั้น ราคาเริ่มต้นคือ 3,000 เหรียญทอง ทุกท่านสามารถเสนอเงินเพิ่มได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 500 เหรียญทอง มีใครจะสู้มั๊ยขอรับ”
เมื่อพิธีกรพูดจบก็มีเสียงเฮตอบรับทันที เหล่าชนชั้นสูงต่างแข่งขันกันประมูลเพื่อแย่งชิงท่านอ่ำ ขอเพียงได้พบปะเพียงแค่ครั้งเดียวก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เจ้าเมืองแต่ละเมืองล้วนไม่ยอมรามือ พวกเขาขว้างผ้าไหมสีสดใสที่ปักชื่อของตนลงไปที่เวทีอย่างต่อเนื่อง การขว้างผ้านี้คือการยืนยันว่าจะสู้ราคา ดังนั้นคนร่ำรวยทั้งหลายที่ตั้งใจมาประมูลสินค้าอย่างจริงจัง นอกจากต้องเตรียมเงินมหาศาลแล้วยังต้องเตรียมผ้าประชันราคามาเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน ผ้าที่ใช้ประชันราคานี้จะใช้ผ้าชนิดไหน สีไหน ขนาดไหนก็ได้ ไม่มีการปิดกั้นเจตจำนงที่จะแสดงอำนาจบารมี
“ตอนนี้ผู้ที่เสนอราคามาสูงที่สุดคือองค์ประมุขแห่งนิรันดร์กาลนคร ที่ราคา 15,000 เหรียญทองมีใครจะให้เพิ่มมากกว่านี้ไหมขอรับ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ห้า สี่……..”
พิธีกรชายพูดปลุกใจอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้ผู้ชมเกิดความตื่นตัวและฮึกเหิม จากนั้นก็มีผู้ท้าประชันราคากันอย่างต่อเนื่อง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ทำไมผู้คนถึงต้องการคำพยากรณ์กันนัก แพงขนาดนั้นก็ยังจะจ่าย”
เหนือภพจ้องมองชายชราที่ชื่อท่านอ่ำอย่างเหลือเชื่อ
“เหยื่ออ้วนบางคนก็อยากรู้ว่าจะมีโชคในเทศกาลครั้งนี้หรือไม่ แต่เหยื่อบางคนก็แค่อยากชนะประมูลเพื่อให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่า”
“แล้วศิษย์พี่ใหญ่ กับศิษย์พี่รองไม่ร่วมประมูลหรอ”
วัฏจักรส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร ส่วนทานธรรมกลับหัวเราะขัน
“ใครจะบ้าทุ่มเงินให้กับเหยื่อจอมหลอกลวงที่ชอบทำให้คนหลงเชื่อเช่นนั้น”
“เสียดายเงินจัง ถ้าอยากอวดกันนัก ก็มาแข่งทุ่มเงินให้ข้าจะดีกว่า”
ยังไม่ทันที่ทานธรรมกับวัฏจักรจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงประกาศสุดตื่นเต้นของพิธีกรแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ปิดรายการแล้ว ! ค่ำคืนนี้ท่านอ่ำถูกประมูลไปโดยสมาคมพ่อค้าประจำแคว้นอมตะในราคา 60,000 เหรียญทอง !! ยินดีด้วยขอรับ”
เหนือภพนัยน์ตาเบิกกว้าง ขณะยื่นหน้าออกไปนอกระเบียงเพื่อฟังให้ชัด ๆ
“ข้าฟังไม่ผิดใช่มั๊ยศิษย์พี่”
“อืม” ทานธรรมตอบรับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเคย
ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว หลาย ๆ คนเริ่มทยอยกลับไปนอนพักผ่อนเพื่อเตรียมกายเตรียมใจไว้ประมูลสิ่งของต่อในวันพรุ่งนี้เช้า แต่พวกเขายังคงนั่งสังเกตการประมูลในครั้งนี้เพื่อให้เหนือภพได้เรียนรู้วิธีการ จะได้ทำไปใช้ในการประมูลของจริงในวันถัด ๆ ไป
ไม่นานจากนั้น
“ปิดรายการแล้ว ! ค่ำคืนนี้ท่านกำพลถูกประมูลไปโดยสุภาพบุรุษนิรนามในราคา 45,000 เหรียญทอง !! ยินดีด้วยขอรับ”
“ปิดรายการแล้ว ! ค่ำคืนนี้ท่านทองปานถูกประมูลไปโดยองค์ประมุขแห่งเมืองอนันต์ในราคา 100,000 เหรียญทอง !! ยินดีด้วยขอรับ”
“และข้าน้อยก็ขอจบการประมูลในค่ำคืนนี้ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ขอรับ พบกันใหม่ในรอบการประมูลเช้าวันพรุ่งนี้ ที่จะเริ่มจัดในอีก 3 ชั่วโมง”
จากนั้นทุกคนก็เริ่มลุกแยกย้ายกันกลับโรงเตี๊ยมที่พักของตัวเอง เหนือภพที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ ค่อย ๆ หันมามองศิษย์พี่ทั้งสองด้วยดวงตาเหม่อลอย
“ศิษย์พี่ ข้าอยากเป็นคนหลอกลวงบ้างจัง โอ๊ย”
ทานธรรมเขกกะโหลกเหนือภพเต็มแรง แต่วัฏจักรกลับทำตรงกันข้าม เขาเดินเข้ามาโอบไหล่ของเหนือภพ ตบเบา ๆ แล้วก็ยิ้มมุมปากให้ เป็นนัยว่า ‘ฉลาดเลือก คิดได้ดี’
“อุ้ย”
อังกาบได้รับจดหมายอาคมจากแมลงตัวเล็กที่มาเกาะบนจมูกของเธอ หลังจากคลี่อ่านสาส์นลับเธอก็กระซิบข้างหูทานธรรมอย่างแผ่วเบา
ทานธรรมฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉย พลางพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แม้เขาจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่วัฏจักรกลับดูออกว่าศิษย์พี่ใหญ่กำลังกังวลอย่างมาก
“ให้ช่วยไหม”
วัฏจักรเสนอตัวด้วยสีหน้าที่ดูเย็นชาไร้หัวใจอยู่ตลอดเวลา ทว่าทานธรรมกลับส่ายหน้าปฏิเสธ หากมีคนช่วยเพิ่มมากขึ้นก็เป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่ใช่วัฏจักร เขาไม่อยากให้วัฏจักรเข้ามายุ่งกับกลุ่มภารดามากเกินไป อยากให้เขาเป็นกลางตามที่หอโลหิตเป็นมากกว่า
จากนั้นวัฏจักรและราตรีก็แยกตัวไป ส่วนทานธรรมและอังกาบก็พาเหนือภพเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่จองไว้ใกล้ ๆ อาคารประมูล
เช้าวันต่อมา
วันนี้เป็นวันที่สองของงานเทศกาลประมูล เหนือภพตื่นแต่เช้ามาเดินดูป้ายหน้าอาคารประมูล ในทุก ๆ เช้าจะมีเจ้าหน้าที่นำใบรายการประมูลในแต่ละวันมาติดประกาศให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน ใครสนใจก็แสดงบัตรเชิญแล้วเข้ามาด้านในได้เลย หากไม่สนใจก็สามารถใช้เวลาว่างไปเยี่ยมชมสิ่งบันเทิงอื่น ๆ ที่มีบริการอย่างครบครันในหมู่บ้านลมหวน
สินค้าที่จะถูกประมูลในวันนี้เป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้าและเครื่องประดับเลอค่าหายาก แม้จะมีสินค้าสำหรับทุกเพศทุกวัย แต่เหนือภพก็ไม่สนใจ เขาจึงปลีกตัวออกมาเดินเที่ยวชมตลาดที่ตั้งอยู่รอบนอก
ตลาดที่นี่ประกอบไปด้วยห้างร้านทั้งขนาดเล็กและใหญ่ไม่ต่ำกว่าร้อยร้าน แต่ละร้านมีความหรูหราและมีเอกลักษณ์ เส้นทางเดินถูกออกแบบมาอย่างดี ไม่ซับซ้อน สะดวกสบายสามารถมองเห็นร้านค้าได้จากระยะไกล มีระบบระเบียบและมีพลทหารขมังเวทย์ของราชสำนักนิรันดร์กาลคอยตรวจตราอยู่ตลอดเวลา
เหนือภพเดินไปตามแถบขายของที่ระลึกที่อยู่ติดกับทางออกอาคารประมูลฝั่งตะวันตก เขาสังเกตดูร้านต่าง ๆ ที่ถูกจัดวางอย่างดี ไม่มีร้านแผงลอยตั้งอยู่ริมทางเดินให้เกะกะลูกตา พนักงานขายล้วนแต่งกายดูดี พูดจาไพเราะ ดูอ่อนน้อมถ่อมตนกับลูกค้าไม่ว่าลูกค้าคนนั้นจะแต่งกายดีหรือไม่ จึงมีผู้คนมากมายมาเดินเที่ยวเล่นที่ตลาดแห่งนี้
เหนือภพเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนทะลุไปถึงส่วนร้านอาหาร กลิ่นอาหารหอมหวน อบอวลฟุ้งไปทั่วทั้งบริเวณนี้ อาหารแต่ละร้านถูกจัดแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไล่มาตั้งแต่แถบร้านของหวาน ร้านเครื่องดื่ม ร้านของคาว ร้านอาหารพื้นถิ่นจากแต่ละเมือง และอย่างอื่นอีกมากมายที่ยังปิดร้านอยู่ ร้านพวกนี้จะเปิดยามค่ำคืนเท่านั้น
โดยปกติเหนือภพไม่ชอบซื้ออาหารกินเพราะมันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ทว่าเมื่อเขามายืนอยู่หน้าร้านไก่ย่าง
‘ร้านไก่ย่างราชบุตรเขย รสชาติโอชา สะอาดปลอดภัย อร่อยไม่รู้ลืม หากไม่อร่อยจริง ยินดีคืนเงิน’
เขาก็เกิดสนใจอยากซื้ออาหารขึ้นมาทันที เพราะไก่ย่างร้านนี้ดูดีมีอารยธรรมอย่างมาก มันไม่ได้เป็นร้านอาหารที่ราชบุตรเขยมีส่วนร่วมจริง ๆ หรอก แต่ไก่ย่างตัวอ้วนราวกับลูกหมู ชุ่มซอสเข้มข้น โรยด้วยเครื่องเทศจากต่างแดน ดูหรูหราราวกับอาหารชาววัง มันช่างเย้ายวนใจเหนือภพเหลือเกิน หากเขาได้ลองกินสักครั้งคงจะสามารถนำมาประยุกต์กับอาหารที่เขาทำได้ ถือซะว่าเป็นการศึกษารสชาติของคนเมือง
‘หากข้าบอกว่าไม่อร่อยจะได้เงินคืนไหมนะ ?’
ทันทีที่เหนือภพเดินเข้าไปในร้านก็ได้ยินเสียงโวยวาย คล้ายคนจะต่อยตีกันให้ได้
“พวกเจ้าช่างโหดเหี้ยมนัก เจ้าทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณของข้า อย่างหวังจะได้อยู่ร่วมโลกกันเลย”
เสียงชายหนุ่มในชุดคลุมทั้งตัวดังขึ้นพร้อม ๆ กับการที่เขาชักดาบที่เอวฟันเข้าไปในร้านอย่างไม่ปรานี คลื่นอาคมเข้มข้น จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันก่อตัวเป็นรูปดาบเล็กหลายอันหมุนติ้วดุจกังหันขณะพุ่งเข้าโจมตีผู้คนในร้าน เป็นโชคดีหรือชายคนนั้นไม่เอาจริงก็ไม่ทราบ แต่พนักงานทุกคนก็หลบได้ทันเวลา ดังนั้นผนังร้านจึงต้องรับกรรมไปโดยปริยาย
ตึง !
ครึ่งหนึ่งของร้านไก่ย่างพังลงมาทั้งผนัง เสา หลังคา โต๊ะ เก้าอี้ จานชาม เครื่องปรุงรสต่าง ๆ ล้มระเนระนาดเกือบทั้งหมด
‘หืม ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้ข้าจะได้ลดราคาไหมนะ’
เหนือภพรีบตรงดิ่งเข้าไปประคองเจ้าของร้านโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เรื่องต่อยตีแบบนี้เขาเห็นมาจนชินแล้ว มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ไม่ทางแก้ให้หายขาดได้
“ท่านไม่เป็นไรนะ อ้อ พี่ชาย ถ้าท่านจะถล่มร้านนี้ก็ขอเวลาให้ข้าสักครู่ได้หรือเปล่า ข้าน่ะ ไม่มีอะไรตกถึงท้องมานานหลายวันแล้ว ยังไงก็ขอให้พี่ชายยั้งมือสักหน่อย ให้ข้าได้สั่งอาหารสักนิด”
เหนือภพพูดออกไปฉอด ๆ ขณะประคองชายวัยกลางคนขึ้นมา โดยไม่ได้สนใจท่าทางของผู้ก่อเรื่องที่อยู่ ๆ ก็ลดดาบลง
เมื่อเจ้าของร้านเริ่มเรียกสติกลับคืนมาได้ เหนือภพก็ชี้นิ้วไปป้ายรายการอาหารที่เสียหายไปครึ่งหนึ่ง เหนือภพจึงพอมองเห็นรายการอาหาร แต่ไม่เห็นราคา
“ข้าขอไก่ราชบุตรเขยนั่นหนึ่งที่”
“ได้ขอรับนายท่าน”
เจ้าของร้านทั้งรู้สึกหวาดกลัวและก็รู้สึกขอบคุณที่เหนือภพเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ อย่างน้อยในตอนนี้เขายังไม่ถูกฆ่าตาย เขารีบคว้าไก่อ้วนที่อยู่ในเตาอบดินออกมาสับใส่จานไม้เนื้อดี ราดด้วยซอสสีทองเข้มข้น โรยเครื่องเทศ จากนั้นก็ตกแต่งด้วยพืชผักเครื่องเคียง แล้วยื่นให้กับเหนือภพอย่างรวดเร็ว
“ทะ ทะ ทั้งหมด 400 เหรียญเงินขอรับนายท่าน”
“หา !!”
เหนือภพโพล่งขึ้นอย่างตกใจ แต่เมื่อรู้ตัวว่าเขาทำให้คนขายไก่ย่างตกใจก็เบาเสียลง
“เจ้าก็รู้ว่าข้าอดอาหารมานาน แถมข้ายังป่วยเป็นโรคเรื้อรัง อาหารชนิดเดียวที่ข้าพอจะกินได้ก็มีแต่ร้านนี้ เจ้าไม่คิดจะลดราคาให้สักหน่อยเหรอ ?”
เหนือภพทำท่าอ่อนแอเหมือนจะเซไปข้างหลัง แต่เขาก็ยังแสดงไม่แนบเนียน เพราะเขายังคงดูไม่ต่างจากอันธพาลที่กำลังขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้าน เจ้าของร้านตัวสั่นขณะพูดอย่างตะกุกตะกัก
“ข้าลดให้ท่านได้ไม่มากนัก 360 เหรียญเงินเป็นไงขอรับ”
เหนือภพพยักหน้า รู้สึกว่าก็ยังดีที่ได้ส่วนลด จากนั้นเขายื่นเหรียญเงินให้ขณะที่กำลังจะรับจานไก่มา เขาก็เอ่ยขึ้นพลางหันกลับไปมองจอมหาเรื่องที่กำลังจะพังร้าน
“พี่ชาย ข้าเสร็จธุระข้าแล้ว เชิญท่านต่อเถอะ เอ๋ ?”
แต่พอเหนือภพได้สบตากับชายคนนั้น เขาก็ชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้าง
‘ไร้ชื่อ เจ้าบ้านี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’