ตอนที่แล้วตอนที่ 36 รอชองแซงกับชองซา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 จ้าวตึกบุปผา

ตอนที่ 37 ทศกัณฐ์แผลงฤทธิ์


“จำไว้ ด้วยพลังอัญเชิญของข้าและหลานสาวรวมกัน เจ้าจะมีเวลาแค่ 3 นาที เจ้าต้องรีบใช้พลังจัดการสัตว์อสูรตัวนี้ซะ”

ชองแซงกล่าวเตือนด้วยเสียงอ่อนล้า เมื่อเห็นว่าเหนือภพพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ เขาก็พยุงหลานสาวเดินกลับออกไปที่กลุ่มคนรอบนอก พวกเขาทำดีที่สุดแล้ว

เหนือภพไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยเพราะฤทธิ์ของใบหญ้าฝาดเฝื่อน แม้ประสาทความรู้สึกของเขาจะถูกลดทอนลง แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงเค้าลางแห่งความตายที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเอง แสดงว่าทวยเทพเทวาอำนวยพรของลุงชองแซงไม่ธรรมดาเลย ส่วนคลื่นกระแสปราณอาคมที่นุ่มนวลแต่ทรงพลังจากนางอัปสราก็พุ่งเข้าใส่ตัวเขา ร่างกายของเขาเสมือนถูกชะล้าง ผ่อนคลาย ทว่ามันก็ทำให้เขาสัมผัสถึงความตายได้ชัดเจนมากขึ้น

เหนือภพรู้ว่าร่างกายของเขาอ่อนแอเกินกว่าจะรองรับทั้งสองพลังนี้พร้อม ๆ กัน เขาจึงต้องรีบปลดปล่อยพลังออกไปให้เร็วที่สุด เขาดีดตัวกระโดดขึ้นสู่ฟ้าด้วยกำลังระดับ 6 เขาขึ้นไปบนฟ้าสูงมาก มันสูงจนเขาเห็นพญานาคที่ลำตัวยาวกว่าร้อยเมตรเหลือเพียงจุดดำเล็ก ๆ เขาเพ่งจิตไปยังยันต์อาคมที่อยู่ไหล่ขวาแล้วภาพนิมิตของพญายักษ์ผู้โฉดชั่วก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา แล้วนิมิตความสามารถของทศกัณฐ์ก็ถูกกลั่นเข้าสู่จิตของเขา

“ทศกัณฐ์ สหัสเดชะ”

เหนือภพเอ่ยมาทั้งสองชื่อ ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดหรือลืมตัว แต่กระแสอาคมที่สองตาหลานส่งมาให้เขานั้นมากพอที่จะเรียกยักษ์สองตนนั้นออกมาพร้อมกันได้ โดยไม่ได้ถูกจำกัดอีกต่อไป

แขนซ้ายของเหนือภพปรากฏอักขระภาพยันต์ยักษ์ถือตะบอง ส่วนแขนขวาปรากฏอักขระยันต์ยันต์ยักษ์ในท่วงท่าดุร้ายชี้นิ้ว

ปรากฏยักษ์อาคมสีขาวโปร่งแสงขนาดใหญ่ยืนค้ำอยู่ด้านหลังของเหนือภพ แต่ที่น่าตะลึงคือยักษ์อาคมในครั้งนี้กลับมีถึง 10 แขน และมีความสูงมากกว่าครั้งไหน ๆ สองขาล่างยืนหยัดอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง ฝ่ามือซ้ายของมันชูร่างของเหนือภพลอยขึ้นมาระดับอกของมัน นี่เป็นครั้งแรกที่เหนือภพรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเทพที่อาศัยอยู่บนวิมานกลางอากาศ มันช่างเป็นระดับความสูงที่น่าทึ่งจริง ๆ ข้างกายสหัสเดชะมียักษ์อาคมกายสีเขียวโปร่งแสงขนาดใหญ่อีกตัว มันมี 10 แขน และสูงเท่ากับสหัสเดชะ ฝ่ามือขวาของทศกัณฐ์ยื่นออกมาวางคว่ำอยู่ด้านบนของเหนือภพ มองดูคล้ายยักษ์ทั้งสองกำลังช่วยกันปั้นลูกกลมอาคมที่บรรจุเหนือภพไว้ภายใน

เหนือภพกำลังเกร็งกล้ามเนื้อรออยู่ภายในลูกกลมอาคมสีทองขนาดใหญ่ ราวกับว่าเขาสามารถควบคุมยักษ์อาคมทั้งสองได้ เมื่อเขาเกร็งกำลังไปถึงระดับ 6 ยักษ์ทั้งสองก็ช่วยกันทุ่มลูกกลมลงไปเบื้องล่างทันที

ตึง ! เปรี๊ยะ !

การเคลื่อนไหวของยักษ์ทั้งสองเกิดขึ้นในไม่กี่วินาที การขยับตัวพร้อมกันในครั้งนี้ถึงกับทำให้แผ่นดินเบื้องล่างลั่นปริแตก

ลูกกลมอาคมพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็ว ทว่าพญานาคก็ไม่ได้ช้าไปกว่ากัน ร่างกายยาวราวกับเส้นเชือกของมันขยายใหญ่ขึ้นจนแทบจะเต็มล้นพื้นที่ลานเบื้องล่าง มันคำรามก้องทั่วทิศ

จากนั้นเศียรที่ชูสูงของมันก็ระเบิดพลังออกมาเป็นเศียรใหม่ มันระเบิดพลังออกมาเช่นนี้จนมีเศียรเรียงรายกันถึงห้าเศียร รัศมีกระแสอาคมที่มันปลดปล่อยออกมานั้นมากจนน่าตื่นตะลึง พลังงานอันมหาศาลก่อรูปร่างเป็นโล่อาคมทีละชั้น จนครบเป็นโล่ห้าชั้นแผ่ปกป้องร่างกาย

เหนือภพที่กำลังพุ่งลงมาจากฟ้าด้วยแรงทุ่มของสองยักษ์ เมื่อเห็นโล่อาคมหนาแน่นขนาดนั้นเขาก็ง้างหมัดและเกร็งลำขาทั้งสองอย่างสุดกำลัง อย่างน้อยเขาก็ต้องประกาศศักดาอวดสรรพคุณสักหน่อย

“ถุงทองหมื่นเหรียญทลายพิภพ !”

สิ้นเสียงตะโกนที่ดังปานฟ้าผ่า ตามด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่นตูมดังไปไกลกว่าร้อยกิโลเมตร พื้นดินแตกออกแยกออกจากกัน เหมืองโชคไพศาลถูกแรงสั่นสะเทือนนี้เขย่าจนถล่มทลายลึกลงไปเป็นร่อง เทือกเขาที่ทอดยาวดุจพญานาคราชเลื้อยก็ถูกสั่นคลอน แรงสั่นสะเทือนนี้ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวไปถึงเมืองสินธุ ทำให้พื้นที่บ้านเรือนแถบทางเหนือเกือบทั้งหมดพังทลายล้มครืนลงมาจำนวนมาก

ท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง กระแสลมผสานกับกระแสอาคมโหมคลั่งกลายเป็นพายุหมุนรุนแรงนานถึงหนึ่งนาทีกว่าทุกอย่างจะค่อย ๆ เงียบและสลายไป ร่างของเหนือภพตกตุบลงบนพื้นก่อเกิดเป็นหลุมแอ่งกระทะที่ลึกกว่าสามร้อยเมตร

เหนือภพค่อย ๆ คลานออกมาจากหลุม และยันตัวลุกขึ้นนั่ง ร่างกายบิดเบี้ยวในทิศทางไม่ปกติคล้ายกับว่ากระดูกเขาหักทั้งตัว เขากระอักเลือดออกมาโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด จากนั้นเขาก็หอบหายใจแรงล้มลงนอนหงายอยู่บนปากหลุมเช่นนั้น

พญานาคตัวใหญ่ยักษ์แน่นิ่งไปท่ามกลางกลุ่มแสงอาคม พื้นที่รอบข้างเงียบกริบ เหมืองโชคไพศาลเหลือเพียงแค่เศษซากกองภูเขาที่ไม่มีทางเข้า ไม่มีผู้คนครึกครื้นอีกต่อไป แม้พญานาคจะนิ่งไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะผู้คนที่ถอยร่นออกไปยืนดูในระยะไกลยังไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่

เหนือภพนอนหงายอยู่อย่างนั้นเกือบสามชั่วโมงกว่าที่เหล่าฮันเตอร์รอบนอกจะวางใจในสถานการณ์และเข้ามาดูอาการของเหนือภพ พวกแรกที่เข้ามาถึงคือสองตาหลานที่บาดเจ็บจากลูกหลงไม่มากนัก และก็ชายปริศนา อีกคนก็คือไร้ชื่อที่ดูเหมือนจะมีสภาพแย่กว่าใคร เขามีเลือดโซมกายแต่ก็ยังยิ้มให้เหนือภพได้

ไร้ชื่อคงเสี่ยงชีวิตเพื่อเก็บข้าวของของเหนือภพที่ตกอยู่ในลานต่อสู้มาให้ มีทั้งอีเตอร์ ถุงหนังเก็บของ มีดหมอที่เหลือเพียงแค่ 14 เล่ม อีกสองเล่มคงหล่นหายไป และก็ยังมีสมุนไพรบางส่วน เขาค่อย ๆ ผูกมัดพวกมันไว้กับร่างกายที่หักงอของเหนือภพ จากนั้นก็พูดด้วยดวงตาเปล่งประกาย

“เผ่าพันธุ์เดียวกันย่อมไม่ทิ้งกัน”

เหนือภพลืมตาขึ้นมองไร้ชื่อด้วยความซึ้งใจ

‘ถึงดูแปลก ๆ ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม แต่ก็เป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจ’

“จบสักทีนะ ไม่คิดว่าการโจมตีของเจ้าจะทรงพลังขนาดนี้”

ชองแซงเอ่ยขึ้นอย่างโล่งใจ ตอนที่ยักษ์อาคมทั้งสองปรากฏกาย พวกเขาตกใจมากที่เห็นคนไร้พรสวรรค์คนหนึ่งทำได้ขนาดนี้

ยังไม่ทันที่เหนือภพจะได้ตอบอะไร เขาก็นิ่วหน้า ก่อนจะร้องครางออกมาอย่างอ่อนใจ

“อะไรมันจะตายยากขนาดนั้น”

เหนือภพยอมใจจริง ๆ เมื่อเขาได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่พร้อมกับเห็นพญานาคห้าเศียรเลื้อยขึ้นมาจากแอ่งกระทะ แม้ว่าร่างกายของมันจะมีบาดแผลน้อยใหญ่ แต่ทันทีที่มันเลื้อยขึ้นมาถึงพื้นด้านบนร่างกายของมันก็ฟื้นคืนกลับมาดีดังเดิมแล้ว

“วิ่ง !!!”

เหนือภพตะโกนสุดเสียงให้คนทั้งสี่วิ่ง พวกเขาก็ไม่รอช้าต่างวิ่งกระจายกันออกไปคนละทิศคนละทาง ส่วนเหนือภพเองก็ไม่อยู่รอความตาย แม้จะเคลื่อนไหวไม่สะดวกเขาก็ฝืนกัดฟันทนตะเกียกตะกายหนี ในขณะที่พญานาคกำลังอ้าปากเพื่อพ่นเพลิงพิษออกมาอีกครั้ง

ในเสี้ยววินาทีที่เหนือภพกำลังจะถูกเพลิงพิษเผาผลาญ ก็ปรากฏเงาสีดำวูบผ่านมาอย่างรวดเร็ว ความเร็วนี้ช่างเหนือความคาดหมาย มันพาเหนือภพหนีจากรัศมีการโจมตีของพญานาคห้าเศียรได้อย่างหวุดหวิด เปลวเพลิงพิษสีดำพ่นออกมากลืนกินพื้นที่อย่างน้อยสามร้อยเมตร พื้นดินต้นไม้ใบหญ้าลุกไหม้จนกลายเป็นซากธุลี

เหนือภพรู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าตัวเองกำลังนอนเกาะอยู่บนหลังแมวดำตัวใหญ่ มันคือแมวตัวเดียวกับที่อยู่ในคุกใต้ดินของคฤหาสน์พันศรีวะรา นี่นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายที่สัตว์อสูรจะเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ไกลห่างจากวงต่อสู้ เหนือภพกำลังคิดใคร่ครวญบางอย่างอยู่ในใจ ยังไม่ทันไรแมวราตรีก็เหวี่ยงเขาลงแล้วทำท่าจะจากไปทันที เหนือภพรีบออกตัวกอดรั้งมันไว้ด้วยมือที่หงิกงอ พลางจ้องเข้าไปในดวงตาของแมวราตรี

“นี่ ในเมื่อเจ้าช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยให้สุดสิ”

แม้แมวดำจะสื่อสารทางจิตเช่นพญานาคไม่ได้ แต่มันก็ดูเหมือนจะเข้าใจภาษามนุษย์ หรือไม่มันก็เก่งในเรื่องการอ่านท่าทาง

มันหันมองเหนือภพแวบหนึ่ง แล้วก็นั่งลงที่ขาหลังทั้งสอง ดวงตากลมโตจ้องมองเหนือภพนิ่ง ม่านตาสีดำสนิทของมันดูเหมือนจะเบิกกว้างขึ้นอีกนิด มันพร้อมที่จะรับฟังแล้ว

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าพันเพชรกำลังตามหาเจ้าอยู่”

แมวดำพยักหน้า แล้วก็เอียงคอก้มมองเหนือภพเล็กน้อย คล้ายกับต้องการสื่อสารว่า

‘แล้วยังไง ?’

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าได้กลับไปบ้านหรือยัง แต่อย่างน้อยก็ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้านได้หรือเปล่า”

เหนือภพพูดด้วยตาเป็นประกาย ยิ้มกว้างแสดงความเป็นมิตรอย่างเต็มที่ งานตามหาแมวดำที่เขาได้รับมอบหมายก็จะได้เสร็จสักที เงิน 100 เหรียญทองเชียวนะ

แมวดำทำท่าเหมือนครุ่นคิด แต่สุดท้ายมันก็ส่ายหน้า ทำท่าจะลุกเดินจากไป เหนือภพรีบเข้ามากอดมันทันที ก่อนเอ่ยต่ออย่างรัวเร็ว

“นี่เจ้าช่วยข้า ข้าก็ช่วยเจ้าไง”

แมวดำนั่งลงอีกครั้ง เหนือภพประหลาดใจมาก เขาก็แค่พูดส่ง ๆ ไปไม่คิดว่าจะได้ผล

“เสื้อผ้าเป็นไง เสื้อผ้าสวย ๆ”

แมวดำนิ่วหน้า ของพวกนั้นมันจะเอามาทำไม มันเป็นแมวนะ ขนที่อยู่ตามตัวยังแข็งแกร่งและอบอุ่นกว่าเสื้อผ้าของพวกมนุษย์เสียอีก แมวดำรู้สึกผิดหวัง มันส่ายหัวเล็กน้อยแล้วก็ทำท่าจะจากไป

เหนือภพเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเสนออีกครั้ง

“อาหารไง เจ้าต้องชอบปลาตัวใหญ่ใช่มะ”

แมวดำรู้สึกว่าความคิดนี้เข้าท่า มันจึงนอนหมอบลงไปกลับพื้น เป็นการสื่อสารว่าให้เหนือภพพูดต่อไป เหนือภพรู้สึกโล่งอก เสียเงินไม่กี่เหรียญเพื่อแลกกับ 100 เหรียญทอง เขารู้สึกว่ายังไงก็ได้กำไรอยู่ดี

“เจ้าคงไม่เคยกินปลาตัวใหญ่ใต้แม่น้ำถูกไหม ปลาในแม่น้ำ โตอย่างงี้เลยนะ”

เหนือภพพยายามพูดกล่อมแมวดำ ขณะกางแขนทั้งสองกว้างเพื่อให้ดูสมจริง ถ้าไม่ติดที่ข้อศอกข้างขวาของเขาตกห้อยลงมาราวกับไร้กระดูก มันคงดูยิ่งใหญ่กว่านี้

“ตัวโตกว่าตัวเจ้าอีก เป็นไง เจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า เจ้าคิดดูดี ๆ นะ”

แมวดำตาเป็นประกาย ม่านตาเบิกกว้างอย่างถึงที่สุด หางยาวเมตรครึ่งของมันโบกไปมาอย่างเชื่องช้าขณะครุ่นคิด

‘ก็แค่กลับไปบ้านนั้นอีกครั้ง แล้วค่อยหนีออกมาใหม่ก็ได้’

แมวดำพยักหน้าตกลง

เหนือภพยิ้มกว้าง

“เจ้าตกลงแล้วนะ มาตบมือสัญญากันเลย”

แมวดำยกเท้าหน้าที่มีสีขาวบริสุทธิ์ของมันออกมาแปะมือกับเหนือภพอย่างว่าง่าย เหนือภพชะงักเล็กน้อย ความจริงแล้วที่เขาชวนมันตบมือ เป็นเพราะความเคยชินในวัยเด็ก เวลาจะสัญญากับใครก็จะทำแบบนี้ แต่นั่นคือวัฒนธรรมของมนุษย์

‘สัตว์อสูรก็ทำแบบนี้ได้ด้วยหรอ ?’

สวบบบ !! ก๊าซซซ

ยังไม่ทันที่เหนือภพจะได้ทำความรู้จักกับแมวดำมากไปกว่านี้ พญานาคก็ตามหาเขาจนเจอ

“จะอะไรกับข้านักหนา ก็แค่อัญมณีก้อนเดียว จะเอากันให้ตายเลยหรือไง”

เหนือภพร้องออกมาอย่างอ่อนใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด