โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.6 - สัตว์ร้ายมนุษย์กบ
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.6 - สัตว์ร้ายมนุษย์กบ
ฉินเฟิงก้าวขึ้นไปบนรถศึกสมัยใหม่ที่ถูกดัดแปลงขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อใช้สำหรับบรรทุกคนเดินทางเข้าสู่ทุ่งล่า เสียงไพเราะของหญิงสาวดังแว่วเข้ามาในหูของเขา
“การเดินทางสู่ทุ่งล่าในครั้งนี้ ตามเส้นทางจะผ่านสถานีภูเขาซีฉาน , ห้วยจุ่ยฉู , อ่าวฉิงเฮ , ซากปรักหักพังหยวนหยาง , ชุมชนฉางหนาน …”
“นักสู้ทุกท่านโปรดทราบ ว่าหลังจากเดินทางสู่ทุ่งล่า ท่านจะสามารถล่าและสังหารสัตว์ป่าที่เกิดการวิวัฒนาการจนผิดปกติได้ จากนั้น โปรดทำเครื่องหมายบนศพของพวกมัน หรือเก็บอวัยวะบางส่วนของมันเอาไว้ เพื่อใช้แลกเหรียญเงินเป็นรางวัล เป้าหมายในการล่าสังหารจะมีดังต่อไปนี้ : หนูยักษ์กินพืช , หมาป่าตาแดง , เถาวัลย์กินมนุษย์ , มนุษย์กบแม่น้ำ …”
ภายในรถ เสียงจากระบบอัตโนมัติทำให้ฉินเฟิงย้อนนึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ห่างหายไปนาน
เพราะนี่ก็เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่เขาไม่ได้กลับมาร่วมเดินทางบนรถ มุ่งหน้าสู่ทุ่งล่า!
ทุ่งล่านับว่าเป็นสถานที่อันตรายอย่างหาที่เปรียบมิได้ เนื่องจากไม่เพียงรอยแยกมิติอาจจะปรากฏขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ยังมีการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตภายนอกจำนวนมาก ที่ได้เข้ามายึดครอง และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมที่พวกมันจะใช้อยู่อาศัย
ดังนั้น เพื่อปกป้องความปลอดภัยของชานเมือง เหล่าคนระดับสูงเลยงัดกลยุทธ์มอบรางวัลจำนวนมาก ผลักดันให้ผู้คนออกมาต่อสู้ในทุ่งล่า
บนรถศึก มีผู้โดยสารมากกว่า 20 คน แต่ไม่มีใครสนทนากับฉินเฟิงเลย อย่างแรกคือพวกเขาไม่รู้จักฉินเฟิง อีกอย่างพวกเขาคิดว่าฉินเฟิงคงมากับสมาชิกทีมอื่นๆ จึงไม่สนใจ
เมื่อรถหยุดลงตามแต่ละสถานี บางคนก็ลุกออกไป บางคนก็เดินขึ้นมา จนกระทั่งรถโดยสารได้มาถึงสถานีอ่าวฉิงเฮ ฉินเฟิงก็ลุกขึ้น ตรงไปที่ประตูเพียงลำพัง ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนจากอีกทีมหนึ่งลุกตามเช่นกัน
เดิมที ในรถไม่ได้มีใครตั้งใจสังเกตฉินเฟิง แต่เมื่อเขาลงมาคนเดียว เจ้าตัวจึงกลายเป็นเป้าสายตาทันที
“นี่นายมาล่าคนเดียวงั้นหรอ? ในทุ่งล่ามันอันตรายมากเลยนะ ฉันว่านายไปกับพวกเราจะดีกว่า!”
หนึ่งในห้าของสมาชิกทีม หญิงสาวที่ครอบครองแววตาสดใสและใบหน้าทรงเสน่ห์ เมื่อสังเกตเห็นว่าฉินเฟิงมาคนเดียว เธอก็อดไม่ได้ที่จะชักชวนเขา
“อย่าเลยเหยาเหยา!” วัยรุ่นชายอีกคนในทีมรีบเอ่ยปาก พลางมองฉินเฟิงอย่างหวาดระแวง “การที่เขามาคนเดียวแบบนี้ ฉันว่าเขาคงต้องมีความสามารถไม่เลวอยู่แล้ว และไม่น่าจะอยากไปกับพวกเราหรอก!”
วัยรุ่นสาวที่ชื่อเหยาเหยาโต้กลับทันที “เพราะฉันคิดว่าเขาน่าจะแข็งแกร่งไง ก็เลยจะชวน!”
“เหยาเหยา เธอมั่นใจได้ยังไงว่าเขาแข็งแกร่ง บางทีการลากเขามา อาจจะเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเราก็ได้นะ!” วัยรุ่นชายอีกคนกล่าวอย่างร้อนรน
“แต่ว่า …”หลี่เหยาเหยาชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างของทั้งสองคนนี้
“ลืมมันเถอะเหยาเหยา … เพราะคนๆนั้นเดินหนีไปแล้ว!” วัยรุ่นสาวอีกคนดึงข้อมือของหลี่เหยาเหยา “ช่างเป็นคนที่นิสัยเสียจริงๆ เธออุส่าห์เจตนาดีแท้ๆ แต่เขากลับไม่แยแสเลย!”
ในตอนนั้นเอง ทุกคนที่โต้เถียงกันอยู่ จึงค่อยค้นพบว่า ฉินเฟิงเดินออกห่างไปไกลกว่า 20 เมตรแล้ว และหายเข้าไปในดงต้นกกยักษ์อย่างรวดเร็ว
พอมองถึงจุดนี้ ในหัวใจของทุกคนก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
‘เจ้าหมอนั่น ทำไมถึงเป็นคนนิสัยเสียแบบนี้นะ!’
…
ฉินเฟิงไม่รู้และไม่สนใจถึงสิ่งที่อีกกลุ่มคิด อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้มีนิสัยชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว เพราะบางครั้ง การรวมกลุ่มกันในทุ่งล่า มันน่ากลัวยิ่งกว่าอยู่ลำพังซะอีก ซึ่งในเวลานี้ ฉินเฟิงรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาเลยไม่ต้องการสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น
ยิ่งไปกว่านั้น การมายังทุ่งล่าของฉินเฟิงในครั้งนี้ ก็ยังไม่อยากจะให้ใครรับรู้
เขาเร่งวิ่งฝ่าดงต้นกกยักษ์ไปอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้ต้นกกเกิดเสียงดัง และอีกอย่าง ใบของต้นกกก็ค่อนข้างคม เพียงโดนนิดเดียวก็ทำให้เกิดรอยขีดข่วน แต่ส่วนที่เหลืออ่อนนุ่ม โดยปกติแล้วหากไม่โดนคมมันมากๆ ก็สามารถเดินฝ่าไปได้
แต่โชคดีที่ฉิงเฟิงใช้ชุดต่อสู้ T3 มันมีพลังป้องกันสูงมากพอจะป้องกันสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น แม้ในพื้นที่ๆใบต้นกกคมกริบรกทึบ เขาก็ไม่หวั่น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีชุดต่อสู้คอยปกป้องร่างกาย แต่มันก็ทำได้เพียงปกป้อง มิอาจแจ้งเตือนถึงอันตรายล่วงหน้าได้
“กูววว!”
เสียงร้องเบาๆของกบดังขึ้น ดวงตาของฉินเฟิงหดแคบลง เบนมองไปยังต้นตอทิศทางของเสียง
วินาทีต่อมา ร่างสีเขียวก็ผลุบออกจากดงต้นกกยักษ์ -กระโจนเข้าหาเขาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!
แต่ฉินเฟิงถือหน้าไม้เตรียมพร้อมไว้ในมืออยู่แล้ว เขานาบลูกศรลง เบนทิศเล็งเล็กน้อย เหนี่ยวไกอย่างเฉียบขาด
“ฟุบบบ!”
เสียงหุบต่ำอันลึกล้ำแหวกฝ่าอากาศออกไป และในวินาทีต่อมา มันก็พุ่งเข้าถึงตัวร่างสีเขียวที่อยู่กลางอากาศ
“ปุ!”
ลูกศรหน้าไม้พุ่งเจาะกะโหลกศัตรูโดยตรง ทั้งเลือดและวัตถุสีเหลืองบางอย่างกระเซ็นลงตามต้นกก
ในเวลานี้ ร่างสีเขียวที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ร่วงตกลงกับพื้น เปิดเผยให้เห็นถึงร่างของมันอย่างชัดเจน ว่าคืออะไร
-มันเป็นสัตว์ร้ายสีเขียว มีขนาดตัวเท่ากับครึ่งมนุษย์ เป็นกบขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ตัวกบยังมีสองขาหลังที่แข็งแรง ทำให้มันแทบจะยืนตัวตรงได้ นี่คือนักลอบสังหารในดงต้นกกที่โด่งดังที่สุดในอ่าวฉิงเฮ - สัตว์ร้ายมนุษย์กบ!
ซึ่งก่อนหน้านี้ ในบรรดารายการเป้าหมายล่าบนรถศึก ตัวมันเองก็มีชื่ออยู่เหมือนกัน
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า ดึงมีดสั้น และคว้านเอาดวงตาของมนุษย์กบขึ้นมา
แม้ว่าเนื้อของมนุษย์กบจะมีรสชาติไม่เลว แต่ฉินเฟิงยังคงมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าต้องกระทำ เขาเลยไม่สามารถแบกเนื้อจำนวนมากได้ อีกอย่าง เลือดของมนุษย์กบเองก็อาจจะเป็นตัวดึงดูดสิ่งมีชีวิตอื่นๆมา
เขาใส่คู่ดวงตาของมนุษย์กบลงในขวดปิดผนึก และสัมผัสได้ว่าพลังงานของมนุษย์กบกำลังถูกดูดกลืนเข้ามาโดยอัตโนมัติ -พละกำลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นทันที
“แปลกจัง ทำไมมันถึงสามารถดูดกลืนได้เร็วกว่าในชีวิตก่อนหน้ากันนะ!?”
“นี่ใช่เป็นเพราะพลังพิเศษอยู่ในสภาพสมบูรณ์รึเปล่า?”
“หรือบางที อาจเป็นเพราะฉันครอบครองพลังอันยอดเยี่ยมอยู่แล้วกันแน่!?”
ฉินเฟิงรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของร่างกายค่อยๆเพิ่มขึ้น ในหัวใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ไม่เสียเวลาคิดนาน เขามุ่งหน้าต่อไป ต้นกกยักษ์เองก็เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานั้นเอง เสียงกบร้องก็ดังขึ้นรอบตัวเขาอีกครั้ง
“กูว กูว กูววว!” เสียงร้องเสียดแทงเข้ามาในรูหูดังมากขึ้น ฉินเฟิงผุดลุกทันใด และยิงลูกศรออกไป
“วิซ วิซ!”
สองศรจากหน้าไม้แหวกฝ่าช่องว่างขนาดใหญ่ของต้นกก ทิ่มปลายแหลมเข้าใส่สองมนุษย์กบที่กระโจนอยู่กลางอากาศ กรีดร้องลั่น
ในช่วงเวลานี้ อย่างที่เคยได้กล่าวไป ว่ามันเป็นช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นเวลาสืบพันธุ์ของมนุษย์กบ ดังนั้น หากไม่กวาดล้างมนุษย์กบในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่ช่วงแพร่พันธุ์ผ่านพ้นไป ปริมาณของมนุษย์กบก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มันจะออกจากรังเดิม และกระจัดกระจายออกไป ซึ่งสำหรับสถานที่ชุมชนแล้ว นี่นับว่าเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงนัก!
ซึ่งนี่เอง ที่เป็นเหตุผลให้ก่อนหน้านี้ เสียงอัตโนมัติบนรถศึกเลยประกาศให้มันเป็นเป้าหมายในการล่า
ฉินเฟิงเดินออกไป พลังงานจากพวกมันถูกดูดกลืนโดยที่ฉินเฟิงไม่รู้ตัว สำหรับเวลานี้ ฉินเฟิงเพียงรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้น
นี่ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนสบาย แถมเขายังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงไม่ได้มีประสบการณ์เช่นนี้มาหลายปีแล้ว
เพราะท้ายที่สุดนี้ ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากแกร่งขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง ฉินเฟิงก็ไม่อาจยกระดับไปยังขั้นต่อไปได้นานมากแล้ว
หลังจากฉินเฟิงถูกฉีดยากระตุ้นพลัง เขาก็ได้รับพลังพิเศษ ที่สามารถใช้ดูดกลืนพลังงานของคู่ต่อสู้มาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายตนเอง ด้วยผลลัพธ์ของมัน จึงทำให้เขาดูเหมือนกันกับผู้ใช้วรยุทธโบราณ
ซึ่งหากมีการจัดประเมินระดับในตอนนี้ ร่างกายฉินเฟิงแน่นอนว่าย่อมต้องอยู่ใน เลเวลG1 ของผู้ใช้วรยุทธโบราณ!
ฉินเฟิงยังคงเดินหน้าต่อไป ยิ่งนาน ฝีเท้าของเขาก็ยิ่งมั่นคง
ในอีกสามชั่วโมงถัดไป ฉินเฟิงก็ได้ข้ามผ่านพื้นที่ต้นกกยักษ์ และได้ยินถึงเสียงน้ำไหลที่ดังแว่วเข้ามา
ที่นี่คืออ่าวฉิงเฮของจริง!
อ่าวฉิงเฮแห่งนี้นับว่าเป็นสถานที่อันตรายยิ่ง ใต้น้ำบางส่วนมีปิรันย่าและจระเข้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้าม
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง อ่าวฉิงเฮจึงเป็นสถานที่รวมตัวกันขององค์กรร้าย และมีการทดลองผิดกฏหมายไม่ทราบชนิดมากมาย ซุกซ่อนอยู่ที่นี่
นี่แหละคือสิ่งที่เรียกกันว่า เงามืดภายใต้แสงสว่างจากดวงไฟ!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงมิได้มาสถานที่แห่งนี้เพราะต้องการแก้แค้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังคงต้องได้รับการเพิ่มพูนอีกมาก
แต่ฉินเฟิงเลือกมาที่นี่ ก็เป็นเพราะเขาเชื่อว่า มันคือที่ๆ ‘มีแนวโน้ม’ ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้เร็วที่สุด
ฉินเฟิงเปลี่ยนไปใส่ถังออกซิเจน สวมแว่นตากันน้ำ ที่ซื้อมาจากร้านขายอุปกรณ์ป้องกัน
“ฟุ่ม!”
แล้วเขาก็กระโจนลงไป