ตอนที่แล้วบทที่ 55 : ภารกิจการเปลี่ยนอาชีพ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57: การตัดหญ้า (3)

บทที่ 56 : พลังของสามภาคี (2)


เมื่อวิลเลียมและน็อกซ์เข้ามายังโถงประชุมก็พบเข้ากับสถาณการณ์ที่กำลังจะเกิดการต่อสู้ขึ้นแบบที่ว่าไม่สนสิ่งอื่นใดๆ รอบข้าง…

ไม่ใช่สิ

มันควรจะเป็นผู้ส่งสารจากฝ่ายมืดที่โจมตีผู้ส่งสารฝ่ายสว่างอย่างโหดร้าย และผู้ส่งสารจากสมาคมทหารรับจ้างพยายามแยกพวกเขาออกจากกัน…

“หยุด หยุดต่อสู้กันได้แล้ว! ถ้ายังสู้กันต่อไปพวกท่านคงได้ฆ่าใครตายเข้า!”

ผู้ส่งสารจากสมาคมทหารรับจ้างเป็นนักรบที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เขากอดแขนผู้ส่งสารจากวิหารแห่งแสงอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าผู้ส่งสารจากวิหารแห่งแสงจะดิ้นรนสักเท่าใด แขนที่เปรียบดั่งแท่งเหล็กก็หยุดยั้งเขาไว้ ขัดขวางไม่ให้ขยับเขยื้อนได้แม้เพียงนิด

ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือเขายังคงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ให้ผู้คนหยุดต่อสู้กันอย่างไม่ตั้งใจนัก…

ในขณะเดียวกัน ผู้ส่งสารจากจากราชวังแห่งความมืดก็ได้โจมตีไปทั้งสองฝ่าย…

ด้วยการใช้กำปั้นทุบตีลงไปอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ได้ใช้พลังการต่อสู้ใดๆทั้งสิ้น ใช้เพียงหมัดเพียวๆโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของผู้ส่งสารจากวิหารแห่งแสงก็บวมเป่ง

ไม่มีใครรู้ว่าการกระทำที่รุนแรงและทรมานนี้เกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว

แต่เมื่อพวกเขาเห็นวิลเลียมและคนของเขาเข้ามา พวกเขาก็หยุดลง

ชายผู้มีกล้ามเนื้อจากสมาคมทหารรับจ้างปล่อยมือออกทันทีโดยไม่สนใจผู้โชคร้ายที่ตกลงบนพื้นเสียงดังตุ้บ ก่อนจะทำเป็นเดินไปยังด้านข้างเพื่อชื่นชมภาพเขียนบนฝาผนังในห้องประชุม

ส่วนผู้ส่งสารจากราชวังแห่งความมืด เขานั่งลงในมุมๆหนึ่ง หรี่ตาขึ้นมองขณะที่จิบเหล้าผลไม้ สีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาราวกับกำลังนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่…

“ลอทเนอร์ไปไหน?” มุมปากวิลเลียมกระตุกยิกๆ

“อ้ะ เกิดอะไรขึ้น...ท่านลอร์ดเรียกหาข้าหรือ?” ลอทเนอร์เพียงไปห้องน้ำมาเท่านั้น ใครจะไปรู้กันว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากมายขนาดนี้?

“เราควรเรียกผู้วิเศษธาตุน้ำมารักษาเขาหน่อยไหมครับ?” น็อกซ์กระซิบ

แต่แล้ว…

ผู้ส่งสารจากวิหารแห่งแสงที่หูไวก็ยกมือห้ามและส่ายศีรษะช้าๆขณะที่ค่อยๆลุกขึ้น “ไม่ต้องๆ!”

พื้นของห้องประชุมเต็มไปด้วยหยดเลือด วิลเลียมเลิกคิ้ว…

แต่ผู้ส่งสารจากวิหารแห่งแสงกลับไม่ได้เห็นสายตาของวิลเลียม เพราะเขาจ้องไปยังอีกสองคนอย่างโหดเหี้ยมแทน เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่จำเป็นต้องรักษาข้าหรอก มันเป็นเพียงบาดแผลภายนอก ข้ายังสู้ได้อีกทั้งวัน”

“ท่านได้สู้ด้วยหรือ? ไม่ใช่ว่าท่านโดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวหรอกรึ?” มุมปากของทุกคนกระตุก

ลอทเนอร์กระแอมเบาๆ “เอาล่ะ เนื่องจากทุกคนพร้อมแล้ว ข้าจะขอแนะนำพวกท่านทุกคนอย่างเป็นทางการ” เขาหันเยื้องเล็กน้อยเพื่อแนะนำ “นี่คือลอร์ดแห่งเมืองรุ่งอรุณ วิลเลียม แบล็คลีฟ”

“ยินดีที่ได้พบ ท่านลอร์ด!”

“ยินดีที่ได้พบ ท่านลอร์ด!”

“ยินดีที่ได้พบ ท่านลอร์ด!”

ไม่ว่าพวกเขาจะมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งแค่ไหน ผู้ส่งสารทั้งสามก็ยังต้องคำนับเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้นำเพียงนำเพียงคนเดียวของอาณาเขต

วิลเลียมคือผู้ปกครองเมืองแห่งนี้!

นอกเสียจากว่าพวกเขาจะมีความสามารถที่จะกวาดล้างเมืองทั้งเมืองได้ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะหยิ่งยโสได้มากเกินไปนัก

เบื้องหลังของพวกเขานั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่ยิ่งใหญ่พอที่จะเอาชนะกษัตริย์หรือจักรพรรดิสักองค์ได้

นี่คือสิ่งที่ผู้ส่งสารทุกคนต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจ!

นอกจากนี้พวกเขายังตระหนักว่าความสามารถของพวกเขานั้นใกล้เคียงกับลอทเนอร์ ดังนั้น พวกเขาจะกล้าข้ามเส้นได้อย่างไร?

นอกจากนั้น นามสกุลของวิลเลียมเองก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง ทำให้พวกเขาเลือกที่จะปฏิบัติต่อวิลเลียมด้วยใจจริง

“ยินดีต้อนรับผู้ส่งสารทั้งสาม โปรดนั่งลงเถิด” โถงประชุมของเมืองแห่งรุ่งอรุณเพิ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ นอกจากนั้นยังมีขนาดที่ใหญ่และกว้างขวาง

เขานั่งลงบนแท่น ยกยิ้มให้กับทั้งสามคน “เมืองแห่งรุ่งอรุณเป็นเมืองของค่ายกลาง และจะไม่เอียงเอนไปทางฝ่ายสว่างหรือฝ่ายมืด”

“ดินแดนของเราจะคงความเป็นกลางเอาไว้ เราจะเลือกเข้าร่วมสงครามหากมีคนบุกรุกหรือคุกคามอาณาเขตของเราเท่านั้น เราหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ”

“แน่นอน ข้ามีนามว่าอาคาม่า เป็นผู้ส่งสารจากราชวังแห่งความมืดทางตะวันออกเฉียงใต้ นี่เป็นครั้งแรกของข้าที่มายังเมืองแห่งรุ่งอรุณแห่งนี้ แต่ข้าประหลาดใจเป็นอย่างมากที่พบว่าเมืองนี้มีผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์มากนัก ข้านับถือชีวิตเช่นนี้ ขอถามท่านได้หรือไม่ว่าท่านลอร์ดมีความคิดเห็นต่อราชวังแห่งความมืดอย่างไร?” นักรบแห่งความมืดระดับกลางถามขึ้น

วิลเลียมอมยิ้มเล็กน้อยอย่างเงียบๆ

“ท่านลอร์ดมีแผนว่าจะสร้างวิหารของทั้งสามแห่งในเวลาเดียวกันหรือ? ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็คิดว่าสมาคมทหารรับจ้างจะช่วยเหลืออาณาเขตของท่านอย่างแน่นอน”

“วิหารแห่งแสงเองก็เช่นเดียวกัน ท่านลอร์ดควรทราบว่าในหมู่สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามากมาย มีผู้คนอีกมากที่ชอบแสงสว่างท่ามกลางความมืด” ผู้ส่งสารของวิหารแห่งแสงผู้ที่กล่าวว่าเขาสามารถต่อสู้ได้ทั้งวันก็กล่าวขึ้นเช่นกัน

เมื่อทั้งสามได้รับคำเชิญในครั้งแรก พวกเขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีมากนักต่อเมืองแห่งรุ่งอรุณเพราะที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองชายแดนมาก่อน

แต่หลังจากที่ตรวจสอบแล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเมืองที่พัฒนาอย่างรวดเร็วนี้มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม มันน่าจะสามารถนำความศรัทธาและผลประโยชน์มาให้พวกเขาได้

วิหารแห่งแสงและราชวังแห่งความมืดต่างก็ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว

นั่นคือเทพแห่งแสงสว่างและเทพแห่งความมืด

การดำรงอยู่ของพวกเขาคือการช่วยให้พระเจ้ารวบรวมความศรัทธาจากเผ่าพันธุ์ที่ชาญฉลาด

สมาคมทหารรับจ้างนั้นเรียบง่ายกว่ามาก เป้าหมายของพวกเขาคือการรับสมัครทหารรับจ้าง เมื่อมีคนติดประกาศภารกิจในสมาคมทหารรับจ้าง พวกเขาก็จะสามารถได้รับค่าธรรมเนียมอย่างแน่นอน ในขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างหรือทหารรับจ้างบรรลุภารกิจ พวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่งของรางวัลด้วยเช่นกัน

สมาคมทหารรับจ้างเป็นเหมือนสมาคมคนกลาง แต่เนื่องจากพวกเขาได้รับตำแหน่งในทวีปรีเจนดารี พวกเขาจึงแข็งแกร่งอย่างแน่นอน เพราะนักรบที่แท้จริงมักศรัทธาในเทพเจ้าสงคราม

อย่างไรก็ตาม ทหารรับจ้างไม่ได้ภักดีต่อสมาคมทหารรับจ้างนัก เพราะพวกเขามักจะจัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขาเอง

หากต้องเปรียบเทียบกันจริงๆแล้ว ในสามวิหารนี้วิหารใดจะแข็งแกร่งมากกว่า?

“เพราะที่แห่งนี้ทั้งห่างไกลและอยู่ในชนบท เราจะใช้สิ่งใดแยกแยะว่าใครอ่อนแอใครแข็งแกร่งกัน?”

“ตอนนี้ไม่มีร่องรอยการปรากฏของเหล่าทวยเทพและความศรัทธานั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ชื่อเรียกของเหล่าทวยเทพก็ถูกสร้างขึ้นมามากมายเช่นกัน”

“เหล่าผู้ศรัทธาเพียงต้องการจิตใจที่สงบเพียงเท่านั้น ผู้ส่งสารแห่งแสงและผู้ส่งสารแห่งความมืดดูเหมือนจะเป็นอาชีพที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง แต่พวกเขาอาจจะไม่ภักดีต่อพระเจ้าที่พวกเขาศรัทธากันทุกคน!”

วิลเลียมกล่าวอย่างช้าๆ “อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะสถานการณ์เช่นนี้ถึงทำให้เราอนุญาตให้พวกท่านเข้ามายังเมืองแห่งรุ่งอรุณได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ท่านทั้งหลายจะได้ผลประโยชน์ไปหรือ?”

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาอธิบายไปอย่างชัดเจนว่า “เราจะสร้างสถานที่ทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นวิหารแห่งแสง, ราชวังแห่งความมืด หรือสมาคมทหารรับจ้าง การที่พวกท่านจะรับผู้ศรัทธาหรือทหารรับจ้างหรือไม่นั้น เราไม่ได้สนใจ”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านต้องจดจำไว้ว่า ข้าต้องได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดที่สมควรได้รับ”

“หากพวกท่านเลือกที่จะตระหนี่แม้แต่เหรียญเดียวล่ะก็ เราก็จะทำเช่นเดียวกัน!”

“ท่านลอร์ดโปรดมั่นใจ ข้าเข้าใจอย่างถี่ถ้วนแล้ว” ผู้ส่งสารของวิหารแห่งแสงยิ้ม ในขณะที่ผู้ส่งสารอีกสองคนพยักหน้า

คุณต้องรู้เอาไว้ว่าทวีปรีเจนดารีนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก ดังนั้นการสื่อสารจึงไม่สะดวกเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการสนับสนุนยิ่งยากขึ้นไปใหญ่นัก

ยกตัวอย่างเช่น นอกเหนือจากผู้ศรัทธาหลักๆที่จะแสดงความภักดีต่อวิหารแห่งแสงไปชั่วชีวิตแล้ว คนอื่นๆอาจจะสร้างวิหารแห่งใหม่ในจักรวรรดิ, อาณาจักร และชนชาติต่างๆ บางความเชื่อและอาชีพอื่นๆนั้นไม่ได้ต้องการความศรัทธาอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงมีชีวิตที่อิสระ

หลังจากที่พวกเขาเลือกที่จะเป็นบาทหลวงหรืออัศวินนักบุญและได้รับการฝึกอบรมแล้ว พวกเขาสามารถเลือกที่จะอยู่ในวิหารหรือออกไปเพลิดเพลินกับชีวิตและเข้าร่วมสงครามได้

ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ละเมิดกฏของวิหารมากเกินไปนัก และไม่ได้ถูกรายงานเป็นพิเศษ ชื่อของพวกเขาก็จะไม่ถูกลบออกจากวิหาร

แม้แต่ราชวังแห่งความมืดก็เป็นเช่นเดียวกัน

“ไม่มีทางเลือกให้เดินอีกแล้วนี่ ทั้งหมดก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้น...” ทั้งผู้ส่งสารของวิหารแห่งแสงและผู้ส่งสารของราชวังแห่งความมืดก็อดไม่ได้ที่จะใจสลาย พวกเขาไม่ได้ศรัทธาในพระเจ้าของพวกเขาจริงๆ พวกเขาต้องการเพียงที่จะแข็งแกร่งขึ้นและร่ำรวยเงินทองเท่านั้น

ผู้ส่งสารของวิหารแห่งแสงและผู้ส่งสารของราชวังแห่งความมืดนั้นรู้จักกัน พวกเขามักจะพบปะและแม้แต่ดื่มด้วยกันบ่อยๆ

พวกเขาเพิ่งจะต่อสู้กันก่อนหน้านั้นเพื่อแสดงต่อหน้าวิลเลียมเฉยๆ ให้ลอร์ดหนุ่มคนนี้คิดว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถจัดการได้โดยง่าย เพราะผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามักจะแสดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นว่าเขาสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งสารของวิหารแห่งแสงไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนเก่าคนนี้จะมีเพื่อนใหม่ และต่อยตีเขาอย่างรุนแรง

“จิตใจข้า...เจ็บช้ำยิ่งนัก” การแสดงออกของผู้ส่งสารของวิหารแห่งแสงเต็มไปด้วยความผิดหวังและความไม่เต็มใจ

วิลเลียมยิ้มอย่างเมตตา “หากไม่มีอะไรขัดข้อง เราสามารถเริ่มงานได้เลยในวันพรุ่งนี้”

ขณะที่ผู้ส่งสารทั้งสามกำลังยิ้ม วิลเลียมก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เราลืมกล่าวบางอย่าง บอกคนของท่านว่าให้เตรียมเงินมาให้พร้อม ท่านสามารถใช้คนของข้าได้ ค่าแรงคือ 5 เหรียญทองแดงต่อวัน แต่ความเร็วในการสร้างของพวกเขานั้นเร็วมากๆ”

“...” ทั้งสามพูดไม่ออก

วิลเลียมเลิกคิ้ว “เราจำได้ว่าพวกท่านไม่ได้ใช้เงินของท่านเองเพื่อสร้างวิหารของตนเพราะสามารถเบิกจากวิหารหลักได้ พวกท่านต้องการรังแกเรา นึกว่าเราขาดความรู้เพราะเพิ่งออกมาจากเมืองดาร์กไนท์รึ?”

ผู้ส่งสารทั้งสามมองกันและกันไปมาก่อนจะส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วและปฏิเสธข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องการได้รับเงินทั้งหมดและใช้จ่ายมัน พวกเขาเป็นผู้ส่งสารของพื้นที่ ไม่ใช่ผู้ส่งสารประจำเมือง ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องเจอหน้าวิลเลียมทุกวันในอนาคต

สำหรับเมืองหลายๆเมือง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ต่างก็มีผลประโยชน์กันทั้งนั้น

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมลอร์ดหรือขุนนางหลายท่ายจึงใช้เงินของตนสร้างวิหารขึ้น

พวกเขาไม่คิดว่าวิลเลียมจะขี้เหนียวขนาดนี้

“แต่ท่านก็เด็กเกินไป” ทั้งสามคิดในสิ่งเดียวกัน เอลฟ์ที่มาจากเมืองดาร์กไนท์และมีนามสกุลแบล็คลีฟ หรือว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด