บทที่ 44 กับดักมรณะ
“ฮ่า! ฮ่า! ไม่ต้องรีบร้อน…คุณเหวิน ดูของก่อนแล้วค่อยมาตกลงกันดีหรือเปล่า เรื่องนี้คุณคงจะไม่มีปัญหาอะไรนะ” ชายคนนั้นพูดอย่างช้าๆ อีกครั้ง
“ก็ได้...” หลังเหวินตงพูดจบสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอพูดกับเย่โม่ “นายเปิดกระเป๋าให้คุณกงดูสิ”
เย่โม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเหวินตง เขาก็รู้ทันทีว่าเธอสังเกตเห็นคนที่หลบซ่อนตัวแล้ว ถึงเย่โม่จะไม่รู้ว่าเหวินตงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง...แต่ในเมื่อเธอรู้แล้ว คงพูดได้ว่าเธอมีวิธีของตัวเอง เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนที่เธอสังเกตเห็นจะเป็นพวกที่อยู่หลังประตูหรือด้านหลังฉากบังตากันแน่
ทว่าชายแซ่กงคนนั้นกลับนั่งลงแล้วมองเหวินตงด้วยสายตาเยาะเย้ย “คุณผู้หญิง! ผมรู้ว่าคุณมีฝีมือ แต่ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนก็ตาม การที่จะเปิดกระเป๋าแล้วเอาปืนข้างในมาประกอบ...คิดว่าคงใช้เวลาสัก 10 วินาทีใช่ไหม ภายในเวลานี้ผมก็ฆ่าคุณได้หลายครั้งแล้ว เพราะอย่างนั้นผมถึงหวังว่าคุณจะไม่ใจร้อนหุนหันหรอกนะ”
เย่โม่ประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเหวินตงเอาความกล้ามาจากไหนในการติดต่อค้าขายกับชายแซ่กงคนนี้ นี่ไม่ใช่ว่าเหมือนกับเนื้อวิ่งเข้าปากเสือหรือไง?
“นี่มันหมายความว่ายังไง? แล้วการที่คุณกงให้ลูกน้องถือปืนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูนี่ล่ะหมายความว่ายังไง? หรือว่าไม่อยากจะตกลงกันแบบยุติธรรมแล้ว?” เหวินตงถามอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย
แปะ! แปะ!... ชายแซ่กงตบมือแล้วพูดว่า “คุณเหวินตงก็ยังเก่งเหมือนแต่ก่อนไม่เปลี่ยน แต่ตอนนี้ความยุติธรรมมันไร้ค่าไปแล้ว เข้ามา!”
เมื่อได้ยินเสียงของคนแซ่กงแล้ว ชาย 2 คนหน้าประตูก็เข้ามาพร้อมกับปืนในมือแล้วจ่อเล็งไปที่เย่โม่และเหวินตง สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเย่โม่ก็คือ ถึงแม้ชาย 4 คนที่ยืนประกบคนแซ่กงจะมีปืนอยู่ในมือ แต่ก็ไม่ได้ยกขึ้นมาเล็งแต่อย่างใด
เย่โม่เข้าใจแล้วว่าเหวินตงสังเกตเห็นชาย 2 คนหน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว แต่เธอไม่รับรู้ถึงคนที่อยู่หลังฉากบังตาทั้งซ้ายและขวา จิตสัมผัสของเย่โม่ล็อคไปที่ชาย 2 คนที่เล็งปืนมายังพวกเขา ขอแค่นิ้วของพวกมันขยับเย่โม่ก็จะรีบหลบทันที เพียงแต่เย่โม่เองก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเขาตอนนี้จะหลบกระสุนได้หรือไม่ การที่พลังของเขายังไม่ถึงระดับ 3 นั้นถือว่าอันตรายมากจริงๆ
เหวินตงทำเหมือนกับว่าไม่เห็นปืนที่เล็งมาที่ตัวเอง เธอดึงนาฬิกาจับเวลาจากกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วพูดอย่างช้าๆ “ถ้าคุณกงคิดจะละเมิดข้อตกลงจริงๆ ล่ะก็ ฉันเหวินตงก็ไม่ว่าอะไรถ้าพวกเราจะตายไปด้วยกัน ไม่ได้เข้าใจผิดหรอกที่ว่ากระเป๋าใบนี้มีปืนอยู่ แต่ข้างในก็มีระเบิดเวลาอยู่ด้วยเหมือนกัน ถึงพลังทำลายจะไม่เยอะอะไรแต่ก็พอจะเป่าคฤหาสน์หลังนี้ของคุณกงให้ราบได้ ฉันเชื่อว่าคุณกงคงจะไม่สงสัยพลังทำลายของระเบิดลูกนี้หรอกนะ”
“ฮ่า! ฮ่า! คุณเหวินตงเข้าใจล้อกันเล่นเสียจริง...เจียนเหยียน! เอาของมาให้คุณเหวินตงดูสิ ส่วนพวกนายก็ลดปืนลงซะ ไม่รู้หรือไงว่าเธอเป็นแขกน่ะ?” ชายแซ่กงพูดจบก็สั่งให้ชาย 2 คนหน้าประตูลดปืนลง แน่นอนเขารู้ว่าเหวินตงกำลังทำอะไรอยู่ สำหรับเหวินตงแล้วการเล่นกับระเบิดก็เหมือนกับเล่นประทัดนั่นแหละ
เหวินตงทำเหมือนกับว่าไม่ใส่ใจเรื่องนี้ เธอเปิดกระเป๋าออก ช่วงเวลาที่คนอื่นๆ ต่างจ้องมองของในกระเป๋านั้นเอง พริบตานั้นเธอก็เซ็ตปืนขึ้นมาด้วยความรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน
ถึงจะไม่ได้นับเวลากันจริงๆ จังๆ แต่เย่โม่ก็แน่ใจว่าเธอใช้เวลาประกอบปืนขึ้นมาไม่เกิน 10 วินาทีแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะระเบิดที่เหวินตงพกมาหรือไม่ก็ของในกระเป๋านั้นที่ยังไม่ทันได้เห็น แต่นั่นก็ทำให้ใบหน้าของชายแซ่กงก็เปลี่ยนสีไปหลายรอบ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องยิง
มีเพียงเย่โม่ที่รู้ว่าในกระเป๋าที่เหวินตงนำมาไม่มีระเบิดอยู่ในนั้น นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้เข้าลองใช้จิตสัมผัสตรวจดูแล้วนั่นเอง
เหวินตงยกปืนไรเฟิลที่ประกอบแล้วขึ้นมาเล็ง เธอลากเย่โม่มาข้างๆ เย่โม่ยิ้มขื่นๆ ในใจ ถึงแม้เธอทำแบบนี้จะเพื่อเลี่ยงไม่ให้เปิดช่องว่างตรงด้านหลังให้กับชาย 2 คนหน้าประตูก็ตาม แต่นั่นก็เป็นการหันหลังให้กับคนที่อยู่ตรงฉากบังตาไม่ใช่หรือไง?
ชายแซ่กงเห็นแบบนั้นจึงยกยิ้มมุมปากบางๆ ชายที่ถือกระเป๋าอยู่ข้างกายเขาพยักหน้า
ชายคนนั้นเปิดกระเป๋าออกแล้วเดินมาหาเหวินตง เย่โม่เห็นได้ชัดเจนแล้ว ข้างในกระเป๋าคือเงินดอลลาร์สหรัฐ ดูแล้วคงประมาณ 1 ล้านกว่าๆ
เย่โม่ด่าความงกของเหวินตงในใจ เธอทำได้หลายล้านดอลลาร์แต่ให้ค่าจ้างเขาแค่ไม่กี่หมื่นหยวน แถมยังเอาเขามาถูกปืนจ่อแบบนี้อีก ถึงจะคิดแบบนี้แต่เย่โม่ก็ยังเปิดกระเป๋าหันไปทางชายแซ่กง ขณะเดียวกันมือของเย่โม่ที่อยู่ข้างตัวก็หักด้านหลังเก้าอี้ออกมาเป็นเศษไม้ชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ทำให้เศษไม้ 1 ชิ้นนั้นกลายเป็นชิ้นเล็กๆ 8 ชิ้น เย่โม่ดีดเศษไม้ชิ้นหนึ่งไปด้านหลังของตัวเอง มันพุ่งตรงไปยังรูเล็กตรงฉากบังตาอย่างแม่นยำ เศษไม้ชิ้นนั้นพุ่งทะลุชายที่ซ่อนตัวอยู่ตรงฉากบังตา ชายนั้นยังไม่ทันจะได้เปลี่ยนท่าก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ว
ไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเย่โม่ เศษไม้ในมือของเขานั้นอัดแน่นด้วยลมปราณ พุ่งทะลุหว่างคิ้วของชายที่อยู่ด้านหลังเย่โม่ตรงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงร้อง กับคนที่จ้องจะเอาชีวิตเขาแล้วเย่โม่จะไม่ปราณีแม้แต่น้อย
หลังจากดีดเศษไม้ฆ่าชายด้านหลังแล้ว เย่โม่ก็จงใจเดินไปตรงกลางห้อง สาเหตุก็เพราะระยะห่างยังมากเกินกว่าที่จิตสัมผัสของเขาจะตรวจสอบอีกฝ่ายได้อย่างละเอียด เมื่อเหวินตงเห็นเย่โม่เดินไปตรงกลางแบบนั้น ถึงแม้จะไม่อยากแต่เธอก็จำใจเดินตามหลังเย่โม่ไป
ชายที่ถือกระเป๋าเงินเดินมาตรงหน้าแล้วมองกระเป๋าในมือของเย่โม่ มือข้างหนึ่งของเหวินตงเองก็ยกปืนขึ้น ส่วนอีกข้างก็หยิบเงินเหล่านั้นขึ้นมาตรวจสอบดู
ส่วนชายที่ถือกระเป๋าเงินอยู่นั้น เมื่อเห็นของในกระเป๋าของเย่โม่เขาก็พยักหน้า
ชายแซ่กงหัวเราะออกมา “ดี! แบบนี้ก็แล้วกัน...” พูดจบเขาก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
ทันใดนั้นจิตสัมผัสของเย่โม่ก็แผ่กระจายออกไปทางชายที่นั่งอยู่ใต้ฉากบังตา ขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะเหนี่ยวไกนั่นเอง เศษไม้ในมือของเย่โม่ทั้ง 7 ชิ้นก็พุ่งทะยานออกไปแล้ว จากนั้นเขาก็ดึงเหวินตงไปทางด้านข้างหลายเมตร เย่โม่ไม่เข้าใจว่าทำไมชายคนนั้นถึงได้ไม่กลัวระเบิดแบบนี้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าตอนที่เหวินตงเปิดกระเป๋าอีกฝ่ายอาจจะใช้อุปกรณ์บางอย่างตรวจสอบดูแล้วก็ได้ เหวินตงคนนี้ประมาทจริงๆ
ตอนที่ชายแซ่กงพูดว่า ‘ดี!’ เหวินตงก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรีบยกปืนในมือขึ้นมาเล็ง แต่ทันใดนั้นเองเธอก็ถูงเย่โม่ดึงไปเสียแล้ว
ขณะที่เธอกำลังสงสัยอยู่นั่นเองว่าทำไมช่วงเวลาอันตรายแบบนี้เย่โม่ถึงได้ดึงตัวเธอออกมาอย่างนั้น เสียงปืนก็ดังขึ้นมาหลายนัดอย่างชัดเจน เธอได้สติขึ้นมาทันที ‘ข้างหน้ามีคนซ่อนตัวอยู่’ เหวินตงจึงเตรียมจะยิงตอบโต้โดยทันที แต่เธอก็พบว่านอกจากชายแซ่กงที่ยืนอยู่แล้ว คนอื่นๆ ล้วนลงไปนอนกองกับพื้นทั้งสิ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอมองเห็นว่านอกจากชาย 2 คนที่อยู่ตรงประตูแล้วยังมีอีก 4 คนที่อยู่ข้างกายชายแซ่กง ทว่าหว่างคิ้วของพวกมันล้วนมีเลือดไหลออกมา เหวินตงเข้าใจขึ้นมาแล้ว คนพวกนี้ถูกเย่โม่ฆ่าตายทั้งสิ้น
หลังจากละสายตาจากภาพนี้ ความคิดแรกของเหวินตงก็คือ...เย่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา ในเวลาสั้นๆ แค่นี้เขากลับฆ่าคนไปไม่น้อยกว่า 7 คน ทั้งยังช่วยดึงเธอหลบกระสุนปืนด้วย ถ้าเย่โม่ไม่ช่วยเธอไว้ล่ะก็...เธอยังมั่นใจว่าจะฆ่าฝั่งตรงข้ามได้ก่อนสัก 6 คน แต่ก็ไม่สามารถหลบกระสุนของชายที่อยู่ตรงฉากบังตาได้แน่
พระเจ้าช่วย! ที่แท้เขาเป็นใครกันแน่เนี่ย? ทำไมถึงได้เก่งขนาดนี้? หลังจากที่เหวินตงรู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้องอยู่นั้นเอง เธอก็พบว่าฉากบังตาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นมีรอยเลือดไหลเป็นทางบริเวณใต้ฉาก เสียงปืนเมื่อครู่ก็ดังมาจากฝั่งตรงข้ามของเธอเช่นกัน นั่นทำให้เหวินตงเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าที่แท้ตรงฉากบังตานั้นมีคนอยู่ อีกทั้งคนๆ นี้ยังถูกเย่โม่ฆ่าเสียด้วย
คิดถึงตรงนี้เหวินตงก็รีบหันไปมอง ด้านหลังของฉากบังตายังมีรอยเลือดอยู่ ทันใดนั้นแผ่นหลังของเหวินตงก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่โม่ล่ะก็ หลังตายไปเธอก็คงจะยังไม่รู้ว่าตายยังไง มี 2 คนหลบซ่อนตัวอยู่ขณะที่เล็งปืนมาตัวเธอยังไม่รู้เลย ถึงว่าหลังจากเธอเดินเข้ามาข้างในถึงได้รู้สึกตื่นกลัวอยู่บ้าง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ถ้าอย่างนั้นต่อให้เธอลากคนพวกนี้ลงนรกไปด้วยกันแล้วจะถือว่าน่าภูมิใจตรงไหนกัน?
มีเสียงฝีเท้าดังมาอีกครั้งซึ่งเย่โม่ได้ยินแล้ว ขณะที่เขากำลังจะลงมือฆ่าต่อด้วยเศษไม้อยู่นั่นเอง เหวินตงก็ยกปืนขึ้นมาแล้ว เสียงปืนดังขึ้น 2 ครั้งเพื่อจบการต่อสู้ครั้งนี้
เย่โม่ลอบพยักหน้า เหวินตงไม่สามารถได้ยินเสียงฝีเท้านั้นเหมือนเขาแน่ แต่เธอก็ยังรู้ได้ว่ามีคนใกล้เข้ามา พูดได้ว่าเธอเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเลย
ชายแซ่กงจ้องมองเหวินตงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด เพราะเขารู้ว่าเหวินตงหยิ่งทะนงจึงได้จัดเตรียมกับดักที่กะเอาถึงตายแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่ากองกำลังของเขาจะถูกกำจัดลงแบบนี้ ถ้าก่อนหน้านี้รู้ว่าระเบิดเป็นเพียงการขู่กันล่ะก็เขาคงรีบฆ่าเธอไปแล้ว
“กงฮุ่ยซาน! นายคงไม่ได้คิดจะฆ่าฉันเพราะเงินแค่ 1 ล้านหรอกนะ หรือว่านายคิดจะฆ่าปิดปากฉันอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของเหวินตงเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู เธอจ่อปืนไรเฟิลในมือไปทางชายแซ่กงคนนั้น