ตอนที่แล้วตอนที่ 34 เราจะวิ่งวนกันอยู่อย่างนี้หรอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 36 รอชองแซงกับชองซา

ตอนที่ 35 แมวเล่นกับหนู


“เจ้าหนุ่มนั่นคิดจะสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับนั้นรึ มันโง่หรือเปล่า”

“ก็แค่พวกทระนงตัว คิดว่าตัวเองแน่”

“คงงั้น”

ห่างไปออกไปในแถบชายป่าที่อยู่ติดกับเหมืองโชคไพศาลมีฮันเตอร์แรงค์ D ช่วงปลายจำนวนมากเกาะกลุ่มกันอยู่ พวกเขาถูกเรียกตัวมาโดยสำนักงานฮันเตอร์ให้คอยเฝ้าดูสถานการณ์ จนกว่าจะตรวจวัดระดับที่แท้จริงของสัตว์อสูรตัวนั้น และประเมินผลประโยชน์ที่จะได้รับจากสัตว์อสูรตัวนั้นว่าคุ้มค่าต่อการลงมือหรือไม่

นี่เป็นระบบการทำงานของฮันเตอร์แรงค์ D เมืองสินธุ พวกเขาเล็งเห็นผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรก แม้พญานาคจะเข็นฆ่าผู้ไร้พรสวรรค์ไปก็ดี หรือฆ่าผู้มีพรสวรรค์ก็ช่าง พวกเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

เจ้าหน้าที่สำนักงานฮันเตอร์อาวุโสเดินเข้ามาในกลุ่มคนพร้อมกับกระดาษอาคมใบหนึ่ง

“นี่ตาแก่ รีบ ๆ บอกมาสักทีว่ามันเป็นตัวอะไร ระดับไหน เสียเวลาพวกข้า”

มงคลกฤต หนึ่งในฮันเตอร์แรงค์ D ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในเมืองสินธุ เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้แข็งแกร่งทั้งยังมีแววว่าจะสามารถเลื่อนแรงค์ไปถึงระดับ C ได้มากที่สุด แต่กระนั้นเขาก็ถือว่าเป็นคนที่มีนิสัยแย่ที่สุดในเมืองเช่นกัน เขาถือว่าตัวเองมีท่านเจ้าเมืองให้ท้ายจึงไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา

“ใจเย็น ๆ ท่านมงคลกฤต ข้ากำลังจะบอกเดี๋ยวนี้แหละ”

ผู้อาวุโสเป็นฮันเตอร์ชายวัยกลางคนที่มีระดับแรงค์ D เช่นกัน แต่กระนั้นเขาก็ยอมอ่อนข้อให้มงคลกฤตแต่โดยดี เพราะไม่อยากมีปัญหาจุกจิก

“สัตว์อสูรตัวนี้มีชื่อว่า พญานาค หรือ นาคราช เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณที่แตกต่างจากสัตว์อสูรทั่ว ๆ ไป ระดับความแข็งแกร่งของกระแสอาคมพื้นฐานที่ข้าวัดได้จากตัวมันนั้นเกินระดับ 60”

“ท่านว่าไงนะ !”

เหล่าฮันเตอร์แรงค์ D คนอื่น ๆ พากันอ้าปากค้าง ตาแทบจะถลนออกจากเบ้า พวกเขาอยากจะคัดค้านว่าตาแก่นี่วัดระดับผิดพลาดหรือเปล่า แต่กระดาษอาคมที่ผู้อาวุโสกางออกให้กับพวกเขาดูนั้นชัดเจนและน่าเชื่อถือ

เมื่อมงคลกฤตได้ยินนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง

“แย่หน่อยนะวันนี้ข้ามีภารกิจของท่านเจ้าเมืองที่ต้องไปสะสาง น่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกเจ้าไม่ได้ เฮ้อ น่าเสียดายจริง”

มงคลกฤตพูดราวกับเสียดายที่ไม่ได้จัดการพญานาคด้วยตัวเอง ใบหน้าหดหู่ที่แสดงออกมาดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกเช่นนั้นจริง พอพูดจบเขาก็พาฮันเตอร์แรงค์ D กลุ่มของตัวเองจากไป แม้จะมีเสียงต่อว่าไล่หลัง เขาก็ทำเอาหูทวนลมเสีย เรื่องอะไรเขาจะมาเสี่ยงชีวิตกับศัตรูที่เอาชนะไม่ได้

ผู้อาวุโสหันมาเอ่ยกับเหล่าฮันเตอร์ที่เหลือด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์

“พวกเจ้าไม่ไปหรือไง นี่ไม่ใช่ศัตรูที่พวกเจ้าจะเอาชนะได้”

“ไม่ครับ”

“ไม่ค่ะ”

“ขอท่านช่วยบอกข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์แก่พวกเราที”

ฮันเตอร์แรงค์ D ที่เหลืออยู่ยืนกรานปฏิเสธความหวังดีของผู้อาวุโส พวกเขาแตกต่างจากมงคลกฤต แม้จะมีปราณอาคมน้อยนิด แต่อย่างน้อยก็ขอได้ใช้พลังอันน้อยนิดนี้ปกป้องบ้างเมืองของตน ถ้าหากพวกเขาไม่ทำแล้วใครจะทำ

“ตามตำนานมีสิ่งมีชีวิตเพียงสองตนที่มีอำนาจสะกดข่มพญานาคได้ คือครุฑ กับ มกร”

“ครุฑงั้นหรือ งั้นทำไมท่านไม่ตามให้ตระกูลสุบรรณเวนไตยมาช่วยล่ะครับ พวกเขาเป็นตระกูลที่ใช้ปราณอาคมของเหล่าครุฑไม่ใช่หรอ”

ผู้อาวุโสของสำนักงานฮันเตอร์เมืองสินธุส่ายหน้า

“ข้าเชิญพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีพญานาคอยู่จริง และไม่คิดจะเดินทางไกลมาถึงที่นี่ด้วย ดังนั้นก็มีแต่พวกเราที่จะต้องจัดการกันเอง”

ผู้อาวุโสได้แต่ภาวนาว่าเด็กหนุ่มนั่นอาจจะมีดีมากพอที่จะจัดการกับนาคาได้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้มีพรสวรรค์ต้องมาคาดหวังให้ผู้ไร้พรสวรรค์ช่วยปกป้อง หรือการบิดเบี้ยวของดินแดนนี้จะเริ่มลุกลามบานปลาย จนผู้มีพรสวรรค์ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาให้คนอื่นได้อีกต่อไป

เหนือภพชักมีดอาคมออกมาพร้อมกับปลดเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ขาดรุ่งริ่งทิ้ง เพื่อให้ตัวเองสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ในขณะที่เขากำลังจะตั้งท่ามวยพหุยุทธ์ เหล่าฮันเตอร์แรงค์ D คนอื่นก็เริ่มทยอยปรากฏตัวออกมาทีละสองสามคน จนกระทั่งมีฮันเตอร์ระดับสูงอยู่ที่นี่เป็นจำนวนนับสิบคน

เหนือภพรู้สึกใจชื้นขึ้นมา พลางจ้องตาพญานาคและคิดในใจ

‘เจ้าคงไม่รังเกียจที่จะมีคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นหรอกมั้ง’

พญานาคตนนั้นมันไม่ได้ตอบอะไร แต่เหนือภพสังเกตเห็นท่าทางไม่ยี่หระของมัน และสายตาที่มันมองเหล่าฮันเตอร์ราวกับมดปลวก

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเคลื่อนไหว หางของพญานาคก็ตวัดมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มีเพียงเหนือภพกับฮันเตอร์อีกแค่ 3 คนเท่านั้นที่หลบได้ทัน ส่วนฮันเตอร์ที่เหลือกว่าสิบคนต่างถูกฟาดจนร่างกายแหลกกระจาย เลือดสีแดงพุ่งกระจายเต็มบริเวณลาน

ในจังหวะที่เหนือภพกระโดดหลบนั้น เขาไม่ได้ทำมันอย่างเสียเปล่า เขาทำการเกร็งกล้ามเนื้อในช่วงที่ร่างกายลอยอยู่บนฟ้าสูง ความเร็วในการตกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยระยะความสูงขนาดนี้เขาสามารถใช้พละกำลังระดับ 6 ได้

ท่าถุงเงินร่วงหล่น

ในขณะที่เหนือภพใกล้จะตกถึงพื้น เขาก็พุ่งเข้าไปถีบขาคู่ใส่หน้าของพญานาคสุดแรงเกิด แรงปะทะนั้นก่อให้เกิดของแสงสีส้มทองของกระแสอาคมจากเหล็กไหลรุนแรง แต่เศียรพญานาคกลับเอียงข้างเล็กน้อยเท่านั้น

เหนือภพยังไม่หยุดการโจมตีเพียงเท่านั้น เขาใช้มือสองข้างประสานกันราวกับค้อน ทุบซ้ำลงไปที่กึ่งกลางระหว่างดวงตาทั้งคู่ของพญานาค ดังตึงรุนแรง เศียรพญานาคที่หวังจะดันตัวขึ้นกลับทรุดต่ำลงไป เหนือภพรีบถีบยันเท้าไปที่หน้าพญานาคส่งตัวเองให้ลอยขึ้น มือขวาเกาะหงอนใหญ่ของมัน แล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปด้านบน แล้วใช้มือสองข้างยึดเกาะเศียรพญานาคไว้แน่น เพราะหากเขาตกลงไปลอยอยู่กลางอากาศ เขาอาจถูกพญานาคโจมตีโดยที่เขาไม่สามารถป้องกันตัวได้

พญานาคสะบัดหัวไปมารุนแรง และต่อเนื่องเพื่อสลัดเหนือภพให้หลุด มันเริ่มโกรธแล้ว เพราะแรงทุบของเหนือภพก่อนหน้านั้นรุนแรงมากพอที่จะสั่นสะเทือนอวัยวะภายในของมัน แม้ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดเอาการ

เมื่อเหนือภพถูกสะบัดมากเข้า เขาก็ไม่อาจทรงตัวได้อยู่อีกต่อไป เขาใช้ขาดีดตัวตีลังกาม้วนหน้ากลับมาด้านหน้าของพญานาค ขณะที่ยังคอยลอยอยู่ในอากาศมีดหมอทั้ง 16 เล่มก็ถูกซัดออกไปที่ตำแหน่งดวงตาของพญานาคติด ๆ กันหลายเล่มอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เสียจังหวะการม้วนตัว หมายบีบบังคับให้พญานาคหลับตา เพื่อป้องกันการโจมตีกลับ

โชคดีที่ยังมีฮันเตอร์แรงค์ D มากประสบการณ์อีก 2 คน ช่วยโรมรันพันตูดึงความสนใจพญานาคไว้ได้พอตัว พวกเขารู้ว่าควรจะทำอะไรในจังหวะไหน เฉกเช่นตอนนี้ที่พวกเขาช่วยดึงความสนใจเพื่อถ่วงเวลาให้เหนือภพได้ล่าถอยออกมา

สิ่งที่เหนือภพทำในทันทีเมื่อเขาลงมาถึงพื้นคือ ยืนปักหลักมั่น ทำมุมเอียงตัวเข้าหาพญานาค เทน้ำหนักลงเท้าซ้ายที่วางอยู่ด้านหน้าเท้าขวา แรงกดของเท้าซ้ายนั้นมากจนพื้นดินเริ่มทรุดตัวและแตกร้าวเป็นใยแมงมุม แล้วเกร็งขาขวาจนเส้นเลือดดำปูดโปน พละกำลังพุ่งไปถึงระดับ 6

“สหัสเดชะ”

เมื่อร่างอาคมสหัสเดชะปรากฏขึ้น แม้แต่เหนือภพยังตกใจ เพราะยักษ์อาคมสีขาวโปร่งแสงขนาดใหญ่ที่ตัวสูงราว ๆ ยี่สิบเมตรที่ยืนค้ำอยู่ด้านหลังของเขา กลับมี 4 แขน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ร่างอาคมสหัสเดชะจะมีแค่ 2 แขนเท่านั้น อาจเป็นผลต่อเนื่องมาจากการที่เขากินว่านกระทิงคลั่งเพิ่มพลัง

ร่างกายของเหนือภพคล้ายมีกระแสพลังมากกว่าเดิมถึง 10 เท่าไหลเวียนอยู่ในตัว ขาขวาที่เขาเกร็งเอาไว้มีปราณอาคมสีส้มห่อหุ้มอยู่หนาแน่น

เหนือภพเหวี่ยงลำตัวและขาขวาเตะอัดไปข้างหน้าอย่างแรงจนร่างกายก็หมุนกลับมาจุดเดิม เขาเตะไม่โดนอะไรเลย ราวกับการเตะลมเล่นที่ไร้ประโยชน์

ทว่าอยู่ ๆ พื้นที่เบื้องหน้าก็แตกร้าวราว มีเสียงเปรี๊ยะตามด้วยความเงียบงันคล้ายเป็นพื้นที่สุญญากาศ สรรพสิ่งหยุดชะงักปราศจากเสียง คงเป็นเพราะเสียงนั้นแทบจะทำลายโสตประสาทหูของทุกคนไป แม้แต่เหนือภพก็ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง

วินาทีต่อมาก็เกิดการระเบิดของกระแสปราณอาคมแสงสีส้มทอง มันเป็นกระแสหมุนวนที่เกรี้ยวกราด แล้วก็ระเบิดออกเป็นทรงกว้าง จนพญานาคถึงกับถูกผลักไสถอยหลังออกไปเพียงแค่ไม่เมตร แล้วมันก็ยืนหยัดต้านรับพลังของเหนือภพไว้ได้ พื้นที่รอบด้านของพญานาคมีสภาพเละเทะราวกับเกิดสงครามล้างโลก ยกเว้นเพียงจุดที่พญานาคใช้ร่างกายบังเอาไว้เท่านั้น

เหนือภพจ้องมองจนตาแทบถลนออกจากเบ้าพลางหอบหายใจแรง สหัสเดชะสี่กร ที่มีพละกำลังมากกว่าสหัสเดชะสองกรถึง 10 เท่า แต่กลับทำได้เพียงผลักร่างของพญานาคให้ถอยหลังเล็กน้อยเท่านั้น นี่มันยากเกินไปแล้ว

การโจมตีของเหนือภพทำให้ฮันเตอร์ทั้งสองตกใจมาก พวกเขาคาดว่าเจ้าหนุ่มนี่ต้องมีไม้ตาย แต่ไม่คิดว่าจะโหดขนาดนี้ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ส่งผลอะไรแก่พญานาคเลย

‘ดูเหมือนเจ้าจะพัฒนาขึ้น’

เสียงของพญานาคดังทะลุเข้ามาในจิตของเหนือภพอีกครั้ง ความรู้สึกของมันที่ส่งผ่านเข้ามาในจิต คือความสนุก

เหนือภพหนังหัวตึง หนังตากระตุก เขาเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่สิ้นหวัง ไม่ว่าเขาจะโจมตีเช่นไร รุนแรงแค่ไหน พญานาคก็คงยืดตัวชูคอรับโดยไม่ไหวติง

จนกระทั่ง

“เจ้าหนู เจ้าสามารถโจมตีแรง ๆ แบบนั้นได้อีกหรือเปล่า”

ฮันเตอร์ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม ขณะหลบหางขนาดใหญ่ที่กำลังจู่โจมเข้ามา เขาหลบพร้อม ๆ กับเหนือภพ

เหนือภพพยักหน้าตอบ ขณะกระโดดตีลังกาหลบหางสีนิล

“งั้นก็ดีเลย ครั้งนี้ข้ากับหลานสาวจะช่วยเสริมพลังให้เจ้าเอง เจ้าทุ่มเทกำลังทั้งหมดอย่างเต็มที่เพื่อยื้อเวลาให้ข้า ไม่ต้องกังวล แต่อาจใช้เวลาสักหน่อย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด