ตอนที่แล้วตอนที่ 33 ใครวิ่งเร็ว คนนั้นรอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 แมวเล่นกับหนู

ตอนที่ 34 เราจะวิ่งวนกันอยู่อย่างนี้หรอ


เหนือภพอยากจะคลั่งตาย ทำไมชีวิตของเขาถึงซวยขนาดนี้ พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาแล้วหรือ เหนือภพกัดใบกระทิงคลั่งบดเคี้ยวมันอยู่ภายในปากทั้ง ๆ ที่ยังวิ่งอยู่ รสขมฝาดอบอวลอยู่ทั่วลิ้นและกระพุ้งแก้ม

ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง เขารู้สึกอุ่นวาบคล้ายมีพลังงานระลอกหนึ่งเขามาเสริม ความเร็วที่กำลังถดถอยกลับพุ่งสูงขึ้น แม้จะไม่เร็วดุจสายลม แต่อย่างน้อยเขาก็ทิ้งห่างพญานาคได้ถึง 10 เมตร โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

เขารักษาระยะห่างนี้ได้ตลอด 1 วันเต็มก่อนแรงจะตกอีกครั้ง เหนือภพมีสีหน้าบิดเบี้ยวเนื่องจากอาการปวดตุบ ตุงที่เป้า แต่เขาก็ฝืนกินใบกระทิงคลั่งเข้าไปอีกใบ เขารู้แล้วว่าฤทธิ์ของมันอยู่ได้เพียง 1 วันเท่านั้น

เมื่อเข้าวันที่สามเขาก็กินเข้าไปอีกใบ ขณะที่หัวใจของเขาเต้นรัว ร่างกายร้อนผ่าว เลือดสูบฉีด จนร่างกายปลดปล่อยควันร้อนออกมา ผิวกายแดงแจ๋ ร่างกายของเขาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที มันไม่สามารถรับฤทธิ์ของใบกระทิงคลั่งได้อีก

โลหิตอุ่นร้อนเริ่มไหลออกมาจากตา หู จมูก ปากของเหนือภพ ความเร็วของเขาเริ่มตกอีกแล้ว ลมหายใจเริ่มหอบกระชั้นชิด เขาไม่ไหวแล้วนี่มันใกล้ถึงขีดจำกัดของเขา

“โอ๊ย เมื่อไหร่แกจะเลิกตามมาสักที กลับไปนอนพักสบาย ๆ เถอะไป๊”

เหนือภพตะโกนอย่างอ่อนแรง เขาไม่จำเป็นต้องหันไปดูข้างหลัง เขาก็รู้ได้ว่าพญานาคที่ตามอยู่ด้านหลัง ก็เริ่มอ่อนแรงเช่นกัน มันเคลื่อนที่ช้าลงมาก ในตอนนี้ทั้งคนและพญานาคต่างทิ้งระยะห่างกันเพียงแค่สามเมตรเท่านั้น ลมหายใจอุ่นร้อนของพญานาคพ่นรดหลังของเขาต่อเนื่อง จนหลังแทบจะสุกแล้ว

ทางด้านพื้นที่ขุดเหมืองทั่วไป ในคูหาต่าง ๆ ของเหมืองโชคไพศาลมีนักขุดเหมืองจำนวนมากเริ่มหยุดมือ พวกเขาเงี่ยหูฟังจนได้เสียงตึงรุนแรงและเสียงนั้นกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ แถมยังทำให้ผนังถ้ำสั่นไหว เศษหินร่วงกราว พวกเขารู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ปกติก็เริ่มพากันเดินออกมาจากคูหาประจำของตัวเอง พลางถามไถ่กันและกัน

“เกิดอะไรขึ้น”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือน”

“สัตว์อสูรหรือเปล่า”

“ไม่น่าใช่ ที่นี่ไม่มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ถึงกับทำให้เหมืองสั่นได้หรอก”

“ข้ากังวลจัง”

“แผ่นดินไหวหรือเปล่า”

“แต่ข้ารู้สึกว่าผนังหินเริ่มสั่นตั้งแต่สามวันก่อนแล้วนะ”

“เจ้าโม้รึเปล่า ข้าไม่เห็นรู้สึก”

“ไปตามฮันเตอร์มาดีกว่า”

พวกเขาถามกันไปมา จนกระทั่งฮันเตอร์แรง E ที่เฝ้าอยู่หน้าเหมืองเริ่มสังเกตเห็นความวุ่นวายนี้ ฮันเตอร์สองคนเดินเข้ามาสอบถามบรรดานักขุด แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน พวกเขายกขบวนกันเดินตามช่องทางเสียงที่สะท้อนออกมา จนกระทั่งมาถึงเส้นทางหนึ่งที่มีป้ายปักอยู่

-- อันตราย ห้ามเข้า --

เสียงที่ว่าดังมาจากเส้นทางนี้ไม่ผิด เส้นทางนี้เป็นเส้นทางต้องห้าม มีคนมากมากเข้าไปแล้วไม่เคยรอดกลับมา ทำให้ให้ถูกลงมติว่าเป็นเส้นทางอันตราย

ตึง

ตึง

ตึง

เสียงดังกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ หนึ่งในฮันเตอร์รู้สึกแปลกใจจึงโยนคบเพลิงเข้าไปในเส้นทางมืดมิดนั้น เมื่อแสงสว่างวาบขึ้นก็ปรากฏภาพชายหนุ่มตัวแดงมีควันพวยพุ่งออกจากกายราวกับเตาถ่าน ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยริ้วเส้นเลือด ผิวหน้ามีเส้นเลือดดำนูนเป่งออกมา แลดูน่ากลัว แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาน่ากลัวกว่าเป็นไหน ๆ

อสรพิษขนาดใหญ่มีหงอนลวดลายซับซ้อน ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดสีนิลเงา ดวงตาแดงก่ำเปล่งแสงจ้าดูน่ากลัว ภาพนี้ทำให้พวกเขากรีดร้อง วิ่งกันกระเจิง แต่ก็มีบางคนที่ตกใจจนก้าวขาไม่ออก เหนือภพที่วิ่งสวนออกมาก็ช่วยจับพวกเขาเหวี่ยงออกไปนอกคูหา แล้วเขาก็วิ่งออกไปถึงปากถ้ำ ทะลุออกมายังลานโล่งที่เต็มไปด้วยตลาดร้านค้ามากมายพร้อม ๆ กับคนอื่น ๆ ที่พากันกรีดร้องขณะวิ่งออกมาจากเหมืองเช่นกัน

ตูม !!

พญานาคพุ่งชนปากทางเข้าเหมืองออกมาอย่างไม่สนใจอะไร แล้วก็ชูคอสูงอ้าปากกว้างคำรามอย่างข่มขวัญ

ผู้คนตามแผงร้านค้าที่กำลังครึกครื้นถึงกับล้มลุกคลุกคลานหนีกันไปคนละทิศละทาง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและความโกลาหล

เหนือภพพ่นลมหายใจแรง เขายังคงวิ่งต่อไป โดยวิ่งลัดเลาะไปตามแผงร้านค้าต่าง ๆ ซิกแซกอ้อมไปมาเพื่อให้พญานาคตัวโตเสียแรงในการหักเลี้ยว เขาไม่อยากวิ่งหนีออกไปที่อื่น เพราะเกรงว่าพวกเขาจะไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่หมู่บ้านในเมือง หากจะวิ่งหนีเข้าไปในป่า เขาก็มั่นใจว่าเขาคงหนีไม่ทัน เพราะป่าคือถิ่นของสัตว์อสูรไม่ใช่มนุษย์ เขาจึงวิ่งวนอยู่อย่างนั้นจนรองเท้าสึก เสื้อคลุมถูกเกี่ยวขาดจนเกราะมัจฉาเจ็ดสีเด่นเด้งออกมาท่ามกลางแสงแดดจ้า

ส่วนพญานาคที่ยังคงไล่ตามเขาก็กัดกินผู้คนตามรายทางไปด้วยเพื่อเติมพลัง กลุ่มฮันเตอร์ประจำการที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็เข้ามาช่วยต่อสู้ โดยใช้ปราณอาคมกับอาวุธคู่กายเข้าสู้กับพญานาค แต่ผลลัพธ์คือล้มเหลวไม่เป็นท่า พวกเขาทำไม่ได้แม้แต่การเรียกร้องความสนใจจากพญานาค เพราะพญานาคยังคงพุ่งความสนใจไปที่เหนือภพคนเดียวเท่านั้น

นกอาคมจำนวนมากถูกส่งออกไปยังทั่วสารทิศหลังการปรากฏตัวของสัตว์อสูรขนาดใหญ่เพียงครู่เดียว ส่วนมากถูกส่งตรงไปถึงเมืองหลวงของแคว้นอย่างอมตะนคร มีไม่น้อยที่ส่งไปถึงสำนักงานฮันเตอร์เมืองสินธุที่อยู่ใกล้ที่สุด นอกนั้นก็ถูกกระจายไปยังเมืองต่าง ๆ ไกลไปถึงต่างแคว้นเลยทีเดียว

ภารกิจใหม่ถูกตั้งราคาอย่างรวดเร็ว ‘ภารกิจจัดการพญานาคที่หลุดออกมาจากเหมือง’ เป็นภารกิจเสี่ยงตายที่มีฮันเตอร์ต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยรับงานนี้ เพราะหวังจะได้ยลโฉมสัตว์อสูรโบราณตัวนี้

พญานาคไล่ล่าเหนือภพไม่หยุด จนกระทั่งเหนือภพขี้เกียจวิ่งต่อไปตอนนี้เขาสามารถใช้ร่างของสหัสเดชะได้แล้ว แต่ถ้าหากเข้าใช้อีครั้ง หลังจากที่อานุภาพของสหัสเดชะพ้นสามนาทีไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพแบบไหน แต่อย่างน้อยก็ดีกว่ายอมแพ้

เหนือภพหันกลับมาประจันหน้ากับพญานาคอีกครั้ง

พญานาคหยุดเคลื่อนไหว ชูคอสูงระแวดระวังมากกว่าเดิม มันเองก็เริ่มตระหนักในความแข็งแกร่งของเหนือภพเช่นกัน ตั้งแต่ที่มันจำความได้แล้วล่าสิ่งมีชีวิตอื่นมามากมาย แต่มันก็เพิ่งเจอสิ่งมีชีวิตตัวแรกที่หนีมันได้นานขนาดนี้

ก๊าซซซซ

พญานาคอ้าปากคำรามออกมา พร้อมกับเสียงหายใจดังฟืดฟาด

เหนือภพยกถุงน้ำขึ้นมาดื่ม เขาพยายามใจเย็น น่าแปลก..พญานาคเองก็ให้เกียรติโดยการไม่โจมตี เมื่อเห็นเหนือภพกิน มันก็กินเช่นกัน มนุษย์เคราะห์ร้ายที่อยู่ในละแวกนั้นที่อยากรู้อยากเห็นต่างถูกพญานาคจับกินจนสิ้น

เหนือภพมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสยดสยองและเศร้าสลด แต่จะทำยังไงได้ เขาก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เขาเดินไปยังร้านขายอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะหยิบเอาอาหารที่ตกเรี่ยราดขึ้นมากิน สามวันสามคืนที่วิ่งมาตลอดยังไม่อาหารตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำ เมื่ออาหารตกถึงท้องบ้างเขาก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย

เมื่อมองไปที่พญานาคอย่างแล้วเพ่งพินิจดู เขาจึงค่อยเข้าใจความรู้สึกของมัน คล้ายกับว่ามันให้เกียรติเขาและยอมรับเขา แต่มันก็ยังไม่ยินยอมที่จะให้เขาเอาแก้วจันทรกาลไป สิ่งนี้เป็นสมบัติที่มันปกป้อง มันทำท่าเหมือนท้าให้เขาสู้ หากทำให้มันยอมรับได้ มันถึงจะยอมให้เขาถือครองแก้วจันทรกาล

เหนือภพถอนหายใจ การสื่อจิตกับมันทำให้เขารู้ว่าสัตว์อสูรระดับสูงที่ไม่ใช่ตัวราชาหรือราชินีก็มีสติปัญญาเยี่ยงมนุษย์หรืออาจจะเลิศล้ำมากกว่าได้

ไม่น่าเลย เขาไม่น่าโลภเอาแก้วจันทรกาลมาเลย

แต่ในเมื่อตัดสินใจเอามาแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือก แก้วจันทรกาลถือเป็นสมบัติที่ควรค่าต่อการเสี่ยง หากได้ครอบครองอิทธิฤทธิ์ของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล็กไหล แก้วจันทรกาลมีด้วยกัน 8 สี ซึ่งมีอำนาจส่งผลให้แก่ผู้ถือครอง 8 แบบ ได้แก่

สีขาวใส จะมอบพลังจิตให้แก่ผู้ครอง สามารถมองเห็นภาพล่วงหน้า สัมผัสลางร้าย

สีแดง จะมอบพละกำลังอันมหาศาลให้ผู้ถือครอง

สีชมพู จะมอบความงดงามอันไร้ที่เปรียบ เป็นที่รักต่อสรรพสิ่งที่พบเห็น

สีม่วง มีอำนาจในการป้องกันและต่อต้านสิ่งลี้ลับ ขับไล่สัตว์อสูรและพิษร้าย

สีเหลือง เสริมสร้างปราณอาคมให้ผู้ถือครองอย่างมหาศาล

สีเขียว ส่งผลให้ชีวิตยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิด

สีน้ำเงิน ส่งเสริมความคล่องตัวของผู้ถือครอง

สีส้ม มอบเกราะกำบังกายป้องกันภัยอันตราย

ภาพชายหนุ่มในชุดเกราะที่สะท้อนแสงสีรุ้งวิบวับ ผมเกรียนผิวแดงแจ๋ ไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากทุกอณูของร่างกายที่กำลังยืนประจันหน้ากับอสรพิษยักษ์ สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนจำนวนมากเข้ามาดู แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ได้แต่มองดูอยู่ไกล ๆ ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ตะวันเริ่มบ่ายคล้อยแต่หนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์อสูรก็ยังคงอยู่ที่ลานกว้างหน้าเหมืองอยู่เช่นนั้น

ไม่นานฮันเตอร์แรงค์ D จำนวนมากของเมืองสินธุก็ปรากฏตัวขึ้น รวมถึงคนจากหอโลหิต คนจากกลุ่มภารดา เหล่าขุนนางฝ่ายบู้จากเมืองหลวง หรือแม้แต่ตระกูลชั้นนำต่าง ๆ ที่มีของขลังระดับสูงช่วยในการย่นระยะทาง พอทราบข่าวก็ทยอยเดินทางมาถึงเหมืองโชคไพศาล

‘แล้วเราจะสู้กันยังไง เราจะวิ่งวนกันอยู่อย่างนี้หรอ’

เหนือภพพูดในใจขณะจ้องเข้าไปในดวงตาของพญานาค ร่างกายของเขาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที ก่อนว่านกระทิงคลั่งจะสิ้นฤทธิ์ เขาต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าคิดจะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่อันตรายและมีระดับพลังห่างกันมากขนาดนี้ เขาคงฆ่ามันไม่ได้ แต่ถ้าต่อสู้กันภายใต้กฎกติกาบางอย่างก็น่าจะพอได้

พญานาคดูเหมือนจะเข้าในใจความคิดของมนุษย์ตรงหน้า มันจึงใช้กระแสจิตโต้ตอบอย่างยียวน ราวกับแมวยักษ์ที่ต้องการตบหนูน้อยเล่น ๆ เพื่อความพอใจ จากนั้นค่อยตะครุบชิ้นปลาที่หนูขโมยไปกลับคืนมา

‘หากเจ้าทำให้เกล็ดข้าหลุดได้ แม้เพียงเกล็ดเดียวก็ถือว่าเจ้าชนะ’

เมื่อเหนือภพได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าเขาจะใช้พละกำลังระดับ 6 ในร่างสหัสเดชะ ซึ่งเป็นพลังระดับสูงสุดที่เขาใช้ได้ เขาก็ยังทำได้แค่หยุดพญานาคไว้ชั่วคราว แทนที่มันจะบาดเจ็บสาหัส แต่มันกลับยังเคลื่อนที่ต่อไปได้หน้าตาเฉย แถมผิวหนังที่หุ้มด้วยเกล็ดสีนิลแบบนั้น แค่ดูก็รู้ว่ามันเป็นเกราะที่แกร่งมาก แล้วเขาทำให้เกล็ดแผ่นใหญ่นั้นหลุดออกมาได้อย่างไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด