บทที่ 53 : แฟรี่ตัวเล็กทั้งสอง
ในฐานะโทรล ชีวิตของบลัดดี้ครัชเชอร์ถือว่าดีมากแล้ว
แม้ว่าเขาจะถูกภรรยานอกใจ แต่เขาก็ได้ฆ่าคนพวกนั้นและขับไล่คนอื่นๆออกไปแล้ว
เขาคือผู้ที่ทรงพลัง ณ ทะเลสาบสายรุ้งแห่งนี้
และยังได้รับการสืบทอดมรดกมนต์ดำวูดูอีกด้วย
ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูแบบใด เขาก็มีความกล้าที่จะต่อสู้ นอกจากนี้บริเวณทะเลสาบสายรุ้งยังไม่มีอสูรเวทย์ที่แข็งแกร่งมากเท่าใดนักและเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวอีกด้วย
ดังนั้น เขาก็เปรียบได้กับผู้กุมอำนาจในทะเลสาบสายรุ้งแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ความหวาดกลัวที่ไม่มีจุดจบได้คลืบคลานเข้ามาในวันที่เขาถูกนอกใจ
เหล่าเอลฟ์ที่ชั่วร้ายและมนุษย์ต่างกระหน่ำทุบตีเขาอย่างไร้ความปราณีจนเขาเกือบตาย…
ทันใดนั้น เอลฟ์ตนที่น่ากลัวที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น
“โอ้ ไม่นะ คนที่ออกมาน่าจะเป็นมาสเตอร์ของพวกเขา” บรัดดี้ครัชเชอร์ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนอยู่ในถ้ำ เขาอยากคราฟความทรงจำลงไปในจิตวิญญาณ เพื่อที่จะส่งต่อไปยังลูกชายของเขาให้เข้าใจถึงความน่ากลัวของมาสเตอร์อย่างถ่องแท้
…………………………
“หนังของโทรลถูกลอกออกไปหมดแล้ว แต่กระดูกก็ไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่ มนุษย์ไม่ใช้ของพวกนี้เป็นอาวุธหรอก!” น็อกซ์เดินไปเดินมา มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขากับนอร์ตันโยนเนื้อหนังที่แข็งเหมือนหินไปตามพื้นดิน
“เยอะมากมั้ย? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้โทรลเก็บพวกมันไว้!” วิลเลียมมองไปยังกองผิวหนังโทรลขนาดใหญ่บนพื้นที่มีนำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม และอาจจะสามารถนำไปทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้
ขนของอสูรเวทย์หรือมอนสเตอร์บางประเภทนั้นเป็นวัตถุดิบที่ดีในการทำชุดเกราะ, เกราะชั้นใน, และแม้กระทั่งเกราะหนัง!
พื้นผิวของเกราะธรรมดานั้นแข็งเหมือนกับเหล็ก
แต่ชั้นด้านในของเกราะจะต้องมีขนสัตว์เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวทหารถูกครูด แต่ไม่ใช่ช่างตีเหล็กทุกคนจะมีทักษะระดับแกรนด์มาสเตอร์
แต่ด้านในของชุดเกราะนั้นสามารถใช้ได้แค่ขนสัตว์ แต่ไม่ถึงต้องกับใช้ขนอันมีค่าของอสูรเวทย์
ถัดไปคือเกราะชั้นในและเกราะหนัง!
วัสดุที่ใช้สำหรับสร้างเกราะชั้นในไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยการป้องกัน แต่ยังต้องเบาและบางมากเหมือนกับชุดชั้นใน ชัดเจนว่าผิวหนังของโทรลไม่สามารถสร้างเป็นเกราะชั้นในได้ แต่เป็นวัสดุที่ดีสำหรับการทำเกราะหนัง!
ผิวหนังที่สมบูรณ์ของโทรลสามารถนำมาแนบกับโล่ และเพิ่มการป้องกันได้!
กล่าวสั้นๆคือ โทรลนั้นดี โทรลนั้นยอดเยี่ยม และผิวหนังของโทรลมีประโยชน์อย่างมาก…
“ท่านลอร์ดครับ เราจะส่งโทรลพวกนี้ไปที่ไหนดีครับ?” น็อกซ์ไม่เข้าใจ ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะเอาโทรลไปใช้ชีวิตในเมือง
“แน่นอนว่าต้องเป็นเหมืองมิทริล!”
“ให้พวกเขาขุดเหมืองเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ ให้พวกเขาคุมเหล่าออร์คต่างหากล่ะ ถ้าเราปล่อยพวกเขาเข้าไปในเหมือง เรากลัวว่าเหมืองในถ้ำจะถล่มเอาได้ ความแข็งแกร่งของโทรลและโทรลเพศหญิงนั้นทรงพลังกว่าเหล่าทหาร และเราก็จะมีทหารที่ไม่มีความรับผิดชอบเยอะขึ้น!” วิลเลียมยกริมฝีปาก บรัดดี้ครัชเชอร์นั้นมีประโยชน์ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้
นอกเหนือจากความสามารถในการต่อสู้ ด้วยสติปัญญาของเขาทำให้เขาเหมาะที่จะเป็นผู้คุมเหมือง…
ทันใดนั้นลอทเนอร์ก็ถามว่า “แล้วจะไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นใช่หรือไม่”
ทุกคนรู้ว่าเขาได้เรียนรู้เวทย์วิญญาณที่อ่อนหัดมาบางส่วน และพวกเขาก็กังวลว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น
“ไม่” วิลเลียมขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายถึงปัญหาของการประทับวิญญาณที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นในจิตใจ
“แล้วตอนนี้เราจะไปที่ไหน?”
“จัดการกับอสูรเวทย์ตนที่เหลืออยู่ต่อไป!” วิลเลียมตะโกนก้องถ้ำ “ครัชเชอร์ เก็บหนังเหล่านี้แล้วติดตามเราไปกวาดล้างอสูรเวทย์ตนอื่นๆซะ!”
“ครับมาสเตอร์!” บลัดดี้ครัชเชอร์เรียกภรรยาทั้งสามของเขามาอย่างรวดเร็วเพื่อจะจัดเก็บหนังทั้งหลาย ก่อนจะถือกระบองประจำตัวของเขา เขาพร้อมที่จะตายอย่างกล้าหาญ
……………………………...
ณ ทะเลสาบสายรุ้ง
ในฐานะที่เป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ที่สุดสำหรับไว้ดื่มกินของเหล่าอสูรเวทย์ มันได้นำไปสู่วันโลกาวินาศของพวกมันทั้งหลายในไม่กี่วันที่ผ่านมา
อสูรเวทย์ 26 ตัวได้ตายลง…
อสูรผู้ไม่รู้เรื่องราวทั้ง 103 ตัว ได้โหยหวนในตอนกลางดึก…
และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ปรากฏชื่อมากมายได้ถูกกวาดล้างอย่างป่าเถื่อน
นี่เป็นการสูญเสียศีลธรรม หรือว่าอะไรกัน…
วิลเลียมใช้เวลาเพียงแค่สามวันในการแก้ปัญหาความปลอดภัยของทะเลสาบสายรุ้ง
แม้ว่าจะเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาชั่วคราว ในเวลาไม่กี่วันอสูรเวทย์ต่างถูกฆ่า และนอกเหนือจากกลิ่นคาวเลือดแล้วก็ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้อีก บรรยากาศที่น่ากลัวเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าสัตว์ทั้งหลายหวาดกลัวเกินกว่าจะออกมาดื่มน้ำที่นี่
สำหรับร่างของพวกมันนั้นได้ถูกทหารในกองทัพนำกลับไปเป็นอาหาร
วิลเลียมไม่ได้สร้างท่าเรือที่นี่ทันที
เขายังต้องการสังหารกลุ่มอสูรเวทย์และเหล่าสรรพสัตว์ที่เข้ามากินน้ำอีกสองสามกลุ่ม
เมื่อไม่มีการฆ่าอีก นั่นก็จะหมายความว่าพื้นที่นี้ปลอดภัยไป 80% แล้ว
เมื่อถึงเวลา เขาจะเปิดทางและส่งกองกำลังมาประจำที่นี่ จากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มตกปลา
ไม่มีทางเลือกอื่น
หากเขาต้องการที่จะขยายอาณาเขต เขาต้องเริ่มสงครามและเข่นฆ่า โดยเฉพาะกับเหล่าอสูรเวทย์ทั้งหลาย มันเป็นเรื่องยากที่จะนำพวกมันไปอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่
กลับมายังอาณาเขต
“ทีโม ทีโม ทีโม ~” แฟรี่เห็ดตัวน้อยบินวนรอบๆวิลเลียมด้วยวิธีที่น่ารัก นอกจากดูดซับมิทริลแล้ว เธอยังใช้เวทย์ติดตัว แม้ว่าจะมันจะเหนื่อย แต่มันก็ออกดอกออกผล
นั่นคือสิ่งที่วิลเลียมรู้สึกได้
โดยเฉพาะหญิงสาวเอลฟ์ที่ดูจะชื่นชอบเพื่อนตัวน้อยนี้มาก พวกเธอมักจะไปคลุกคลีกับทีโมเป็นประจำ
“หยุดหมุนได้แล้ว เราจะเวียนหัว” ทุกๆครั้งที่วิลเลียมกลับมาเจอกับทีโมตัวน้อย เธอมักจะบินไปรอบๆตัววิลเลียมซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้สนิทกันแล้ว
“ท่านได้นำของขวัญมาให้เราหรือไม่?” แฟรี่เห็ดบินมาหาพร้อมมองเขาด้วยรอยยิ้ม
วิลเลียมยกยิ้มขึ้น “แน่นอน ลองเดาดูสิ!”
“ลูกอมหรอ?”
“ไม่ใช่!”
“ทีโมไม่ชอบกินลูกอม หรือว่าเป็นมิทริลชิ้นใหญ่ๆกัน?” ทีโมตัวน้อยทำท่าทางที่ดูเกินจริงก่อนจะส่ายศีรษะ ทันใดนั้นเธอก็หยุดก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เป็นอัญมณีหรือไม่ก็ทองคำใช่มั้ยล่ะ?”
วิลเลียมขบคิดประมาณสองวิ เขาไม่ได้ให้เธอเดาอีกต่อไป ก่อนจะค่อยๆถอดหมวกบนศีรษะออก และแฟรี่ที่นอนหลับอยู่ก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ!
แฟรี่ทั้งสองจ้องหน้ากันและกัน
“อ้า!!”
ทันใดนั้น!
แฟรี่ที่มีแขนและขาเล็กๆก็ได้เข้าต่อสู้กัน!
วิลเลียมปากกระตุก ก่อนจะใช้นิ้วทั้งสี่ในการดึงเพื่อนตัวน้อยที่กำลังโกรธเกรี้ยวทั้งสองออกจากกัน แฟรี่ตนใหม่ที่เขานำกลับมานั้นถูกพบบริเวณรอบๆทะเลสาบสายรุ้งและเธอก็เป็นโพชั่นแฟรี่
บนศีรษะเล็กๆของเธอมีสตรอเบอร์รี่สีแดงอยู่
ถูกแล้ว
นี่คือแฟรี่สตรอเบอร์รี่ ซึ่งแตกต่างจากสตรอเบอร์รี่ทั่วไป สตรอเบอร์รี่สุดพิเศษนี้เกิดมาจากแฟรี่ที่มีส่วนประกอบของเวทมนตร์และเป็นสมุนไพรเวทย์
“ทำไมทั้งคู่ถึงสู้กันล่ะ?” วิลเลียมมองพวกเขาอย่างเคร่งขรึม
ทีโมแค่นเสียง ก่อนจะหันหน้าหนีอย่างวางท่า จ้องมองวิลเลียมเป็นครั้งคราว ราวกับเธอกำลังถามว่าเขาจะมีแฟรี่ตนอื่นได้อย่างไร
แฟรี่สตรอเบอร์รี่ได้รับการตั้งชื่อโดยวิลเลียม เธอถูกเรียกว่าลูลู่
ลูลู่บุ้ยปาก เธอไม่คิดว่าจะมีแฟรี่ตนอื่นในครอบครัวของเขา
แต่วิลเลียมก็รู้ว่าเหล่าแฟรี่ไม่ได้อาฆาตพยาบาทมากนัก ตราบใดที่พวกเขาคุ้นเคยกัน ทั้งสองก็จะสามารถเล่นด้วยกันได้อย่างมีความสุข