ตอนที่แล้วบทที่ 39 หญิงสาวผู้แข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 เธอควรจะเชื่อในตัวเย่โม่

บทที่ 40 หาเงินเหมือนจะง่ายดายนะ


เย่โม่ลากศพเข้าไปในป่า  เขาสำรวจศพทั้ง 2 แต่ก็ไม่เจอของดีๆ อะไรเลย…รวมกันแล้วได้เงินสดมาเพียงหนึ่งพันกว่าๆ เท่านั้น  พวกบัตรต่างๆ เย่โม่ไม่ต้องการตั้งแต่แรกแล้ว  ส่วนมีดเล่มนั้นดูเหมือนจะคมใช้ได้  มันจึงกลายเป็นสินสงครามของเย่โม่ทันที

ด้วยทักษะบอลเพลิงของเย่โม่ไม่กี่ลูกก็สามารถเผาร่างทั้ง 2 จนไหม้เกรียม  แต่ก็ไม่อาจเผาจนเป็นเถ้าถ่านได้  เย่โม่ถอนหายใจ...ทักษะบอลเพลิงของเขาจะเกรดต่ำเกินไปแล้ว  ถ้าปราณของเขาถึงระดับ 3 ล่ะก็  เพียงบอลเพลิงลูกเดียวก็เผาศพพวกนี้ให้สลายหายไปได้แล้ว

ด้วยการกระแทกฝ่ามือง่ายๆ ไปครั้งหนึ่งก็ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้น  เย่โม่ถีบร่างทั้ง 2 ลงไปในหลุมแล้วใช้ฝ่ามือผลักเศษดินเพื่อกลบหลุมอีกครั้ง  แต่ไหนแต่ไรมาเขาฆ่าคนไม่เคยต้องฝังเองแบบนี้มาก่อน  แต่ในเมื่อครั้งนี้ได้เงินมาหลายพันหยวนเขาจึงจำต้องกลายเป็นคนงานรับจ้างแบบนี้

เมื่อเย่โม่จัดการกับศพของโจรทั้ง 2 เสร็จแล้วเขาก็เดินจากไปทันทีโดยไม่ได้กลับไปหาหญิงสาวคนนั้น

“นาย! รอเดี๋ยว...”  หญิงสาวคนนั้นรอเย่โม่ตรงข้างทางสักพักก็ยังไม่เห็นเขาเดินออกมา  เธอรีบวิ่งเข้ามาในเขตป่าจึงได้พบว่าเย่โม่นั้นเดินเข้าไปในภูเขาแล้ว  เธอเห็นแต่แผ่นหลังของเย่โม่อยู่ไกลๆ  ถ้าเธอมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อยล่ะก็  ไม่แน่ว่าเย่โม่อาจจากไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วก็ได้

เมื่อเย่โม่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกของหญิงสาวคนนั้นเขาก็หยุดเดิน  หญิงสาวคนนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เย่โม่หยุดตามที่เธอเรียกจริงๆ  จากที่เธอคิดไว้นั้นเย่โม่คงจะกลัวเธอถึงได้รีบหนี  เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเธอก็ควรจะรีบหนีไปให้ไกลสิถึงจะถูก  คิดไม่ถึงว่าเขาจะหยุดเดินจริงๆ  ถึงใจหนึ่งอยากจะคิดว่าที่เย่โม่หยุดเพราะกลัวเธอ  แต่เธอรู้ดีว่าเรื่องจริงไม่ใช่แบบนั้น  เย่โม่ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

“นายไม่กลัวฉันหรือไง?”  หญิงสาวเดินมาหยุดตรงหน้าเย่โม่แล้วถามขึ้นอย่างมีนัยยะ

เย่โม่ดึงกระเป๋าสะพายตรงบ่า  เขายิ้มบางๆ  “เธอจะฆ่าผมหรือเปล่า?”

“ไม่  นายไม่ได้หาเรื่องฉัน  ฉันไม่ชอบฆ่าคน”  หญิงสาวส่ายหัวโดยอัตโนมัติ

“อืม...ในเมื่อเธอไม่ได้จะฆ่าผม  แล้วทำไมถึงจะต้องกลัวด้วย”  เย่โม่ถามขึ้นเหมือนกับว่าเขากำลังรู้สึกประหลาดใจ

หญิงสาวคนนั้นมองพิจารณาเย่โม่อีกครั้ง  ชายหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง  หน้าตาไม่น่าเกลียดแถมยังดูสะอาดสะอ้านอยู่บ้าง  เสื้อผ้าทั้งตัวดูเรียบร้อยดูไปแล้วคล้ายว่าเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง  คาดว่าคงเพิ่งจะอายุ 22 ปีเศษ  แถมบนร่างกายของเขายังไม่มีสัญญาณที่ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายอีกด้วย  เธอรอดพ้นจากอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วนก็เพราะสัญชาติญาณของเธอ  หากพบเจอคนที่เก่งกว่าเธอก็จะรู้สึกได้ทันที  เห็นได้ชัดว่าเย่โม่นั้นไม่ใช่

“นายกล้าหาญมาก… แต่ถ้านายไม่กลัวฉันจริงๆ แล้วนายจะหนีเข้าภูเขาไปทำไม”

“ภูเขาลูกนี้เป็นบ้านเธอหรือไงผมถึงจะเข้าไปไม่ได้?”

“…”

หญิงสาวหมดคำพูดทันที  ถึงแม้คำพูดของเย่โม่จะดูก้าวร้าวไปบ้างแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร  เธอพูดต่อ  “เอาเถอะ… ถือว่านายพูดถูกก็แล้วกัน  แนะนำตัวกันหน่อยดีกว่า  ฉันชื่อเหวินตง  เหวินที่แปลว่าความรู้  ตงที่แปลว่าฤดูหนาว”

“เย่โม่”  โย่เม่พูดแนะนำชื่อตัวเองอย่างง่ายๆ  เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้จะตามเขามาเพื่ออะไร

“นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกนายไว้แล้วยังอยากทำความรู้จักกับนายอีก?”  เหวินตงถามขึ้นมา  แต่เธอก็ไม่ได้รอคำตอบอะไร  “นั่นเพราะฉันชื่นชมนายนะ  เมื่อกี้นายก็เห็นแล้วว่าฉันไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป  ถ้านายสนใจล่ะก็ฉันแนะนำอาจารย์ให้นายได้นะ”

เย่โม่โบกมือปฏิเสธ  “ไม่จำเป็น  ในเมื่อเธอชื่นชมจนพอแล้ว...ถ้าไม่มีธุระอื่นอีกงั้นผมไปล่ะ”

หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรที่เย่โม่ปฏิเสธความหวังดีของเธอ  เธอพูดต่อช้าๆ  “ไม่ต้องรีบร้อนไป  ดูเหมือนนายจะยังไม่เข้าใจนะว่ายอดฝีมือบนโลกนี้แข็งแกร่งถึงขั้นไหน  ในเมื่อเป็นแบบนี้เรื่องรับนายเป็นศิษย์เอาไว้ว่ากันทีหลัง  ตอนนี้ฉันมีธุระที่ต้องไปทำอีก  นายสนใจจะไปกับฉันไหมล่ะ?  แน่นอนว่าค่าตอบแทนดีกว่าการฝังศพพวกนั้นเยอะ”

ค่าตอบแทน?  เย่โม่คิดในใจว่าแค่ช่วยจัดการศพพวกนั้นก็ได้มาแล้วหลายพันหยวน  ตอนนี้เขากำลังต้องการเงินพอดี  ถ้าหญิงสาวคนนี้ให้เงินเขาได้มากกว่านี้ล่ะก็  ช่วยเธออีกสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร  อีกอย่างตอนนี้เขาก็ถึงระดับ 2 แล้ว  เขาไม่กลัวว่าหญิงสาวคนนี้จะวางแผนลับหลังเขาอย่างแน่นอน

ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากเขาเริ่มฝึกฝนแล้ว  ยังไม่มีโอกาสได้ต่อสู้จริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง

“พูดมาสิว่าเรื่องอะไร  แล้วเธอยังมีเงินค่าตอบแทนเหลือเท่าไหร่กัน?”  ที่เย่โม่สนใจที่สุดก็คือเรื่องเงินค่าจ้าง  ถ้ามีเงินเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีก

เหวินตงไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรงๆ แต่กลับพูดขึ้นว่า  “เดินจากตรงนี้ไปทางทิศเหนือประมาณ 20 กิโลเมตรจะมีถนนอยู่เส้นหนึ่งที่นำไปยังเขตภูเขาเซียงชาน  แถวๆ จุดท่องเที่ยวตรงนั้นจะมีโฮสเทลเล็กๆ อยู่ที่หนึ่ง   ข้างในมีกระเป๋าของฉันอยู่ 2 ใบ  พอถึงเวลานายก็ช่วยถือกระเป๋าพวกนั้นไปทำธุรกิจแลกเปลี่ยนสินค้ากับฉันเท่านั้นก็พอแล้ว  วางใจเถอะ...มีฉันอยู่นายปลอดภัยแน่นอน  พอถึงเวลานายก็แค่รับผิดชอบส่งกระเป๋าเท่านั้น  ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก  ส่วนเรื่องค่าจ้าง...ห้าหมื่นหยวนเป็นยังไง?”

แค่แบกกระเป๋าไปก็ได้ห้าหมื่นหยวน  มันจะได้เงินง่ายเกินไปแล้ว  เย่โม่รู้สึกสนใจขึ้นมา  เขาขายยันต์ด้วยความยากลำบาก  ช่วยรักษาคนรวมกับโชคลาภที่เขาพบเจอแล้ว  ยังทำเงินได้แค่ไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้นเอง

ส่วนเรื่องที่ว่าหญิงสาวที่ชื่อเหวินตงคนนี้จะหลอกลวงหรือไม่นั้นเย่โม่ไม่กลัวอยู่แล้ว  อีกอย่าง...เขาก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนสามารถฆ่าเขาได้  ถ้าเจอคนที่เก่งกว่าก็แค่หนีเท่านั้นเอง  หากเย่โม่ต้องการจะหนีย่อมไม่มีใครหน้าไหนขวางเขาได้

“ดี!  ผมทำ  แต่ผมไปไหนไกลไม่ได้เพราะยังต้องไปที่อื่นต่ออีก”  เย่โม่พยักหน้า  เขายอมรับข้อเสนอโดยไม่พูดอะไรอีก

เหวินตงเห็นเย่โม่ตอบรับอย่างง่ายดายขนาดนี้  เธอก็พยักหน้าแล้วพูด  “ไม่เลว… นายตัดสินใจเร็วดีเหมาะจะทำการใหญ่จริงๆ  ฉันชอบคนแบบนี้  ไม่ว่านายอยากจะไปที่ไหนก็ไม่ส่งผลอะไรหรอก  ที่ๆ พวกเราจะไปกันนั้นใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมง  บางที...ถ้าทำการแลกเปลี่ยนเสร็จแล้วก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบกับแผนการเดินทางของนายเลยสักนาทีก็ได้”

เมื่อเห็นเย่โม่ไม่ได้พูดอะไรอีก  เหวินตงก็ไม่พูดให้มากความ  พวกเขาเริ่มออกเดินทางทันที  ถึงแม้จะอยู่ในเขตภูเขา  แต่เหวินตงก็ยังเดินเหินได้อย่างสบายๆ ดูแล้วไม่กินแรงแม้แต่น้อย  เธอกลัวว่าเย่โม่จะตามไม่ทันเลยจงใจเดินช้าๆ  ทว่าภายหลังเธอถึงได้พบว่าแรงกายของเย่โม่นั้นดีมาก  เขาไม่มีท่าทีว่าจะตามเธอไม่ทันแม้แต่น้อยจนเหวินตงแอบรู้สึกประหลาดใจ

ถ้าไม่ใช่มืออันผอมบางเนียนละเอียดคู่นั้นรวมถึงท่าทางที่ดูไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธของเขาล่ะก็  เหวินตงคงสงสัยว่าเย่โม่อยู่บนเส้นทางผู้ฝึกยุทธเช่นเดียวกันกับเธอไปแล้ว

เหมือนที่เหวินตงพูดเอาไว้ไม่ผิด  ทั้ง 2 คนเดินทางในเขตภูเขามาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็พบกับถนนเส้นหนึ่งพาดผ่านอยู่ตรงหน้า  ถนนเส้นนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนเยอะกว่าถนนเส้นที่พวกเขาลงจากรถตอนนั้นอยู่มาก  อย่างน้อยๆ หลังจากผ่านไปไม่นานก็มีรถคันหนึ่งผ่านมาแล้ว

เหวินตงและเย่โม่รอไม่นานนักก็ได้ขึ้นรถบัสที่ขับผ่านไปทางภูเขาเซียงชาน

ภูเขาเซียงชานถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศจีน  เทียบได้กับห้าขุนเขาของจีนเลยทีเดียว (ไท่ชาน ซงชาน หวาชาน และเหิงชานทั้ง 2) แต่เพราะที่ภูเขาเซียงชานแห่งนี้ทุกๆ ปีมักจะมีข่าวเรื่องนักท่องเที่ยวหายตัวไปอยู่เสมอๆ  อีกทั้งถนนหนทางของที่นี่ก็มีรสบัสเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง  ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวของที่นี่น้อยกว่าห้าขุนเขา  ภูเขาหวงชาน  หรือภูเขาลูกอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง

เมื่อเย่โม่มาถึงเขตภูเขาเซียงชานก็รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณฟ้าดินของที่นี่นั้นดีกว่าที่หนิงไห่มากนัก  ถ้าไม่ใช่ว่าที่เซียงชานนี้ห่างจากหนิงไห่เพียงเล็กน้อยล่ะก็  เขาก็คงเลือกจะฝึกฝนที่นี่ไปแล้ว

รถบัสจอดลงตรงจุดจอดรถแถวๆ ริมเขาเซียงชาน  เหวินตงบอกว่าเธอจะไปเอาของ  ให้เขารอตรงนี้

เย่โม่รอไม่นานเหวินตงก็ขับรถบิวอิคก์ (Buick รถระดับหรูของอเมริกา) ธรรมดาๆ เข้ามา

เหวินตงจอดรถตรงหน้าเย่โม่แล้วพูดขึ้นสบายๆ  “ได้ของมาแล้ว  ขึ้นรถไปกันเถอะ”

เย่โม่เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเบาะหลัง  เขาแผ่จิตสัมผัสเข้าไปในกระเป๋าของเหวินตง  กระเป๋าใบหนึ่งบรรจุปืนไรเฟิลอยู่ 1 กระบอก  เย่โม่ไม่เข้าใจเรื่องปืนมากนักจึงไม่รู้ว่าเป็นปืนโมเดลไหนกันแน่  ดูแล้วคล้ายกับพวกซีรี่ส์ปืนเอเค (AK)  ส่วนกระเป๋าอีกใบนั้นมีเอกสารข้อมูลและแบบแปลนรูปทรงแปลกประหลาดอยู่อันหนึ่ง

เมื่อเหวินตงเห็นว่าเย่โม่ขึ้นมานั่งเบาะหลังโดยไม่ได้พูดอะไร  เธอก็รู้สึกพอใจในท่าทีของเขามาก  แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเย่โม่คนนี้ใจกล้าคับฟ้า…หรือแค่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกกันแน่?

ถ้าไม่เคยเห็นโลกภายนอกล่ะก็  พอถึงเวลาจริงแล้วคงไม่อาจปล่อยให้ทำตัวขายหน้าได้  คิดถึงตรงนี้เหวินตงก็พูดขึ้น  “เย่โม่… ตอนที่พวกเราเข้าไป  ถ้ามีคนจ้องมองพวกเราก็ไม่ต้องกังวลไป  แค่ฟังคำสั่งฉันเท่านั้น หลังจากนั้นแค่แลกเปลี่ยนของกับอีกฝ่ายก็พอแล้ว”

“ผมรู้”  เย่โม่คาดว่าสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนคงเป็นกระเป๋าที่มีเอกสารข้อมูลและแบบแปลนแปลกๆ ใบนั้น   ในเมื่อเหวินตงใจเย็นขนาดนี้นั่นก็หมายความว่าไม่มีอันตราย  หรือต่อให้มีอันตรายจริงๆ เขาก็ไม่กลัว  ทำธุรกิจครั้งนี้เสร็จเขาจะได้ฝึกฝนอย่างสบายใจเสียที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด