ตอนที่ 9 : ตำลึงสำหรับคุณหนูสี่
Power Up Artist Yang!
ฝูงชนเปล่งเสียงดังอีกครั้งหลังจากได้ยินชายหนุ่มพูด - หรือเด็กชาย - เขาประกาศว่าเต็มใจจ่ายเงินสี่สิบตำลึงซื้อภาพนั้น
"มันเป็นเรื่องหลอกลวงเด็กชาย!"
“อย่าโง่ ; ฟังผู้เฒ่าผู้แก่ของท่าน! เราเคยผ่านงานวาดภาพมาแล้วและภาพเขียนอื่นๆ มากมายมีค่ากับเงินของเจ้า ไม่ใช่การฉ้อโกงเช่นภาพนี้”
“พ่อแม่เจ้าต้องตัดขาดเจ้าแน่ เจ้าสิ้นเปลืองขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ไม่สนใจคำพูดของผู้คนที่อยู่รอบตัวเขา ชายคนนั้นยังคงตรวจดูภาพต่อไปอย่างระมัดระวัง ชื่นชมอย่างละเอียด "ข้าไม่เคยเห็นสไตล์แบบนี้มานานแล้ว" เขายิ้มเล็กน้อยพยักหน้าชื่นชม การฉ้อโกงจะไม่สามารถเลียนแบบจังหวะและความสมดุลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ และวิธีที่หมอกและต้นไม้ถูกจัดวาง – พวกมันสร้างผลการจัดกรอบภาพที่สวยงาม นี่เป็นงานศิลปะที่แท้จริงไม่เหมือนที่คนอื่นทำ - "เขาหยุดชั่วคราวจ้องมองที่คนอื่น "- คนผู้ไม่มีประสบการณ์อย่างชัดเจนและชอบทำให้ตัวเองเยี่ยงคนโง่เขลา เอ่ยอ้าง”
ฝูงชนปะทุขึ้นอีกครั้ง แต่เขาเงยหน้าขึ้นมองฮุ่ยเอ๋อ “เจ้าบอกว่านายของเจ้าลงสีนี้เองเลยรึ? จะขายให้ราคาเท่าไหร่?”
ฮุ่ยเอ๋อพูดติดอ่างเล็กน้อยด้วยความตกใจกับความจริงที่ว่าภาพเขียนนี้กำลังจะได้ขาย ก่อนหน้านี้เธอคาดว่าฝูงชนจะฉีกงานออกเป็นชิ้นๆ “มันจะเป็น....ห้าสิบ-ห้าสิบตำลึงเจ้าค่ะนายท่าน”
“หืม....” เขาคิดเรื่องราคา แต่ชัดเจนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขา “แล้วเรื่องนี้ล่ะ?” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิดชายหนุ่มกระซิบกับฮุ่ยเอ๋อ “ข้าโกหกว่ามีสี่สิบตำลึง – ข้ามีเพียงสามสิบห้าในตัวข้า” เขาหัวเราะอย่างเคอะเขิน “ด้วยความสัตย์จริง ข้ากำลังมองหาใครสักคนที่จะวาดรูปที่ไม่ซ้ำกับใครสำหรับข้า – ข้ากำลังจะแต่งงานในอีกครึ่งปีนี้และข้าอยากจะให้ของขวัญกับเจ้าสาวของข้าเพื่อแสดงว่าข้าได้อุทิศตัวเพื่อนางขนาดไหน และข้ารู้สึกว่าภาพวาดพิเศษนี้อาจทำเช่นนั้นได้ ข้ายินดีจ่ายเป็นร้อยตำลึง ดังนั้นเจ้านายของท่านจะรู้สึกอย่างไรถ้าข้าซื้อภาพวาดสำหรับสามสิบห้าก่อน แล้วมอบอีกหกสิบห้าในภายหลังได้หรือไม่?”
ข้อเสนอนั้นน่าสนใจ – ฮุ่ยเอ๋อจะให้เขาติดหนี้ไว้ก่อน นอกจากนี้นางยังสงสัยว่าคุณหนูสี่ของนางจะขายให้คนอื่นได้หรือ หากนางปฏิเสธชายหนุ่มคนนี้ ดังนั้นอาจจะรับสามสิบห้าก่อนในตอนนี้ อีกหกสิบห้าตำลึงจะไม่ร้ายไป นอกจากนั้นคุณหนูสี่มองหนทางทำเงิน
ฮุ่ยเอ๋อก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก ชายหนุ่มดูพอใจกับสิ่งนี้และเขาก็รีบส่งมองถุงตำลึงหนักๆให้ ฮุ่ยเอ๋อม้วนภาพอย่างระมัดระวัง ผูกด้วยผ้าไหมและส่งม้วนกระดาษภาพให้กับชายหนุ่ม
ด้วยการแลกเปลี่ยนนี้ถือว่าเสร็จสมบูรณ์
..............................................
“คุณหนู ข้ากลับมาแล้ว!”
ฮุ่ยเอ๋อตื่นเต้นเข้ามาในห้องนอนของยูเจี๋ย แต่นางต้องหยุดคำพูดลงชั่วคราวเมื่อเห็นคุณหนูสี่อยู่ที่พื้นห้อง นางนอนถือไม้เรียวยาว กำลังใช้มีดเหลาเหมือนราวกับว่านางจะลับให้มันแหลมคม รูปลักษณ์ของคุณหนูสี่ตอนนี้ดูยุ่งเหยิง ผมของนางอิรุงตุงนังจากสภาพเดิมที่หวีอย่างเรียบร้อย เสื้อผ้าของเธอเปื้อนคราบสกปรกเล็กน้อย ในขณะที่มีใบไม้เกาะตามเสื้อผ้า ห้องนั้นอยู่ในสภาพไม่เป็นระเบียบเช่นเดียวกัน ลิ้นชักทั้งหมดถูกดึงเปิดออกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังสำรวจมัน
เหตุการณ์เป็นล้านๆไหลผ่านสมองของฮุ่ยเอ๋อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหนูสี่ที่นางเห็นในปัจจุบัน แต่เมื่อมองขึ้นมาเห็นฮุ่ยเอ๋อ ยูเจี๋ยดวงตาสว่างเป็นประกายลดใบมีดลงและจับมือฮุ่ยเอ๋อพร้อมยิ้ม ถามเสียงดังขึ้นว่า
“ฮุ่ยเอ๋อเจ้าได้ห้าสิบตำลึงไหม? นางปัดผมของนาง ”ข้ารอเจ้ามาตลอดเลย... ตลาดใช้เวลานานขนาดไหนเหรอ? นี่ก็เกือบจะค่ำแล้ว”
“อ๊ะ...” ฮุ่ยเอ๋อตัดสินใจไม่ถามกับการสิ่งที่คุณหนูสี่ของเธอเป็น แสดงออกอยู่ขณะนี้ “ก็มีเรื่องยาว....”
นางเริ่มเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้ยูเจี๋ยฟัง และยูเจี๋ยก็ฟังด้วยความโกรธแค้น ในตอนท้ายของเหตุการณ์ ยูเจี๋ยอุโพล่งความคิดเห็นของเธอออกมาอย่างแข็งกร้าว
“คนพวกนี้ – โง่อะไรเช่นนี้! มาเรียก หยางยูเจี๋ยว่าเป็นคนหลอกลวงได้อย่างไร? อะไรคือการฉ้อโกง? พวกเขาต่างหากคือคนหลอกลวง!”
เธอมีปริญญาศิลปะจากวิทยาลัย! เธอได้รับการศึกษาเมื่อเทียบกับพวกเขา! 3 องค์ประกอบของศิลปะ, การรับรู้, องค์ประกอบ, ทฤษฎี .... พวกเขาเรียกเธอว่าหลอกลวงได้อย่างไร?
มันน่าผิดหวังมากกว่าที่ไม่มีใครซื้อผลงานของเธอ!
ในขณะที่ยูเจี๋ยโวยวาย ฮุ่ยเอ๋อมองอย่างประหม่าที่แท่งหอกแหลมวางตรงมุมพร้อใบมีด นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณหนูสี่ของเธอลับคมไม้....? เพื่อแก้แค้นคนที่สาปแช่งงานของนาง? แต่นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น?
แม้แต่ความคิดก็ยังมีเพิ่มมากขึ้นในใจฮุ่ยเอ๋อ
หลังจากประโยคที่โกรธอีกสองสามครั้งสุดท้าย ยูเจี๋ยก็สงบลงและตบที่ไหล่ฮุ่ยเอ๋อ “เมื่อกี้นี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ มีผู้ชายจะจ่ายค่าภาพเหรอ?”
“เจ้าค่ะ!” ฮุ่ยเอ๋อรีบเบี่ยงเบนความสนใจของนายสาวออกไปอย่างรวดเร็ว ล้วงเอากระเป๋าหนักๆออกมา “คุณหนู นี่สามสิบห้าตำลึง”
“สามสิบห้าเหรอ? แค่เพียงสามสิบห้า? ข้าคิดว่าได้ห้าสิบ!”
ฮุ่ยเอ๋อขอโทษและอธิบายเพิ่มเติม “เอ่อ คุณหนู เราได้รับข้อตกลงว่า เขาขอจ่ายสามสิบห้าก่อนสำหรับภาพนั้น แล้วเขาอยากจะจ้างคุณหนูพิเศษอีกหกสิบห้าตำลึงสำหรับภาพวาดเพื่อเป็นของขวัญสำหรับเจ้าสาวในอนาคตของเขา”
ยูเจี๋ยหยิบถุงเงินจากมือของฮุ่ยเอ๋อแล้วดึงออกมา ดึงเงินสองสามอันออกมาเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ถูกหลอก “เจ้าเห็นด้วยกับมันหรือไม่?”
“แน่นอน คุณหนู!” ฮุ่ยเอ๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ข้าคิดว่าตั้งแต่ท่านพยายามขายงานของท่านและผู้ซื้อรายนี้ยินดีที่จะให้โอกาสท่านเพิ่มอีกครั้งนั่นเป็นทางเลือกที่ดี! เพิ่มจากที่เขาจ่ายเงินทั้งหมดหนึ่งร้อยตำลึง นั่นจะเท่ากับว่าเป็นห้าสิบตำลึงต่อภาพวาด.... ข้อตกลงที่ดี ไม่ใช่หรือเจ้าค่ะ?”
คำแนะนำของฮุ่ยเอ๋อผ่านใจของยูเจี๋ย ขณะที่เธอหมุนตัวเดินช้าๆข้ามห้องเพื่อวางถุงเงินในที่ปลอดภัย นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างแน่นอน แต่เดิมเธอตัดสินใจขายภาพวาดของเธอเป็นห้าสิบตำลึงไม่ใช่สามสิบห้า หากชายคนนั้นต้องการจ่ายเพียงหกสิบห้าสำหรับภาพวาดที่ได้รับมอบหมาย นั่นคงจะไม่ดีไปกว่าการขายภาพวาดสองชิ้นในราคาห้าสิบ! แน่นอนว่างานของเธอไม่คุ้มค่าแลยแม้แต่น้อย.....
หลังจากไตร่ตรองสักครู่ ยูเจี๋ยกลับไปที่ด้านหน้าของฮุ่ยเอ๋อ ให้คำตอบกับแม่บ้านของเธอ “ฮุ่ยเอ๋อเพิ่มราคาอีกยี่สิบตำลึงบอกเขาว่าค่าจ้างเป็นแปดสิบห้าตำลึง และข้าจะตกลงรักงาน”
“เพิ่มอีกยี่สิบหรือ?” ฮุ่ยเอ๋อเริ่มเป็นกังวล หนึ่งร้อยตำลึงสำหรับภาพทั้งหมดนั่นก็ถือว่ามหาศาลแล้ว นี่ยังจะถามเพิ่มอีกยี่สิบเงินมันไม่ไร้ยางอายและดูโลภมากไปหรือ?”
“เจ้าสงสัยในคำพูดของข้าหรือฮุ่ยเอ๋อ?” ยูเจี๋ยยกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่ ข้าไม่สงสัยในสิ่งที่ท่านพูด คุณหนูสี่!” ฮุ่ยเอ๋อส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วย ข้างใน เธอก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็เป็นเพราะเธอไม่สงสัยในคำพูดของคุณหนูสี่ เธอลงเอยในสถานการณ์ที่ลำบากเช่นนี้กับกลุ่มผู้ชายที่โกรธแค้นสาปแช่งเธอ ทำไมเธอถึงไม่สงสัยในคำพูดของคุณหนูสี่ในตอนนี้?
ยูเจี๋ย ยังไม่รู้ถึงความคิดของฮุ่ยเอ๋อ พอใจกับความคิดที่ว่าฮุ่ยเอ๋อเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ “เอาล่ะฮุ่ยเอ๋ไปและบอกกับชายผู้นั้นว่า ข้ามีข้อตกลงที่จะตกลงกับอย่างไร?”
“เจ้าค่ะ!” ชายหนุ่มนัดพบกันอีกครั้งในตลาดเมื่อเย็นวันนั้น หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีโดยเธอแจ้งให้นายท่านของเธอทราบเกี่ยวกับค่าขายภาพนั้น
เมื่อได้ยินการตอบรับนั้น ยูเจี๋ยพยักหน้า นั่งลงกับพื้นหยิบแท่งไม้พร้อมใบมีดขึ้นมาเหลาต่อ ฮุ่ยเอ๋อยังไม่ยอมเคลื่อนตัวไป ยังมองด้วยความงุนงง คุณหนูสี่ยังนั่งขุดปลายไม้จนแหลมขึ้นๆ
ความอยากรู้อยากเห็นบังคับให้ฮุ่ยเอ๋อถามออกไปว่า “คุณหนู ท่านกำลังทำสิ่งใด? ข้าสงสัยตั้งแต่เข้ามาแล้ว”
ยูเจี๋ยเงยหน้าขึ้งมองความประหลาดใจเมื่อคิดว่าทำไมฮุ่ยเอ๋อยังอยู่ เธอถือใบมีดในมือ ซึ่งฮุ่ยเอ๋อคิดได้ว่าเป็นชิ้นส่วนโลหะบางๆที่เธอเคยเห็นคุณหนูสี่ใช้ตัดผ้าและสายลวด ไม่ใช่...แกะสลักไม้ “นี่เหรอ?” ยูเจี๋ยยกคิ้วถาม “เจ้ายังจะรู้ เจ้ายังจะเห็นฮุ่ยเอ๋อ”
รอยยิ้มซุกซนปรากฏบนใบหน้าของคุณหนูสี่และฮุ่ยเอ๋อก็สั่นเทาข้างใน เธอไม่ทราบว่าคุณหนูสี่กำลังวางแผนจะทำอะไร แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของนาง ความสงสัยของฮุ่ยเอ๋อเกี่ยวกับหอกเพื่อแก้แค้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เป็นไปไม่ได้…ใช่ไหม
ถ้าคุณหนูสี่ทำอาวุธ ทำไมนางถึงใช้ไม้แท่งเล็กๆ แบบนี้? ถึงกระนั้นฮุ่ยเอ๋ก็ไม่ได้อยูในห้องอีกต่อไป นางออกไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ได้ยินประโยคที่ว่า “เจ้าจะได้เห็น” สำหรับฮุ่ยเอ๋อรัศมีของคุณหนูสี่ของเธอนั้นช่างน่ากลัวจนนางรู้สึกเหมือนว่าไม่ใช่งานแกะสลัก แต่เป็นคมมีดที่ไว้ใช้ในครั่วเพื่อสับเป็นชิ้นๆ! นางจึงไม่อยากอยู่นานกว่านี้ และไม่ต้องการที่จะคิดให้ออกว่าไม้แหลมนั้นมีไว้ใช้เพื่อการใด