ตอนที่ 27 เหมืองโชคไพศาล
เหนือภพเดินทางมาถึงเหมืองโชคไพศาลแล้ว เขารู้ได้โดยไม่ต้องถามใคร เพราะบริเวณลานกว้างหน้าเหมืองแห่งนี้มีป้ายหินขนาดยักษ์รูปสี่เหลี่ยมที่ถูกแกะสลักคำว่า
‘เหมืองโชคไพศาล’
เหนือภพแหงนหน้ายืนมองป้ายที่สูงเป็นสามเท่าของตัวเขาด้วยความแปลกใจ
“ใช่เหมืองแน่หรอ”
แล้วเหนือภพก็ชะโงกหน้ามองลานกว้างข้างหลังป้ายหิน ที่ลานกว้างแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มีร้านค้าตั้งอยู่อย่างแออัด ดูคล้ายตลาดของหมู่บ้านธารบรรจบในความทรงจำของเหนือภพ เพียงแต่ตลาดที่นี่ส่วนใหญ่เน้นค้าขายแร่ อัญมณี อุปกรณ์ยังชีพในถ้ำ และอาหาร รองลงมาคือร้านขายและซ่อมแซมอุปกรณ์ขุดแร่รวมถึงอาวุธต่าง ๆ
เหนือภพเดินไปซื้อตะกร้าใส่แร่ อาหารและน้ำดื่มที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตสามวัน แล้วเขาก็พบอะไรบางอย่าง มันคือร้านรับซื้อหินสี
“หินแบบนี้เอามาขายได้ด้วยหรอ”
“ได้สิพ่อหนุ่ม มีมาขายมั๊ยล่ะ ร้านของข้ารับซื้อในราคาที่ดีกว่าทุกร้านเลยนะ”
“ราคาต่อก้อนเท่าไหร่ครับ”
เหนือภพจ้องมองก้อนหินหลากสีขนาดประมาณหัวแม่มือที่กองรวมกันอยู่ในแผง มันยังไม่ผ่านการเจียระไน ดังนั้นพวกมันจึงดูหม่นหมองจนยากจะเชื่อว่ามันมีค่ามีราคา
“ก็ถ้าเป็นทับทิม มรกต ไพลิน บุษราคัม 20 เหรียญเงิน เพชร 30 เหรียญเงิน แต่ถ้าเป็นหยกสีหายากแบบนี้นะ ข้าให้ 40 เหรียญเงินเลย”
เหนือภพอ้าปากค้างตัวชาดิก เขาไม่เคยรู้เลยว่าหินสีพวกนี้มีราคาสูงมากขนาดนี้ นึกย้อนกลับไปสมัยที่เขาขุดเหมืองอยู่ที่เหมืองศิลาร้อยชั้น ที่นั่นเขาขุดได้หินสีแบบนี้มากมาย แต่กลับโยนทิ้งทั้งหมด เพราะไม่มีพ่อค้าคนใดมารับซื้อหินสีแบบนี้ เขาจึงคิดว่ามันไร้ค่า จากนี้ไปเขาจะไม่พลาดอีกแล้ว
“เอ่อ ข้ายังไม่มีมาขายหรอกครับ แต่ถ้าขุดได้เมื่อไหร่ข้าจะมาที่นี่ก่อนเลย”
“อ้อ ได้ ๆ”
จากนั้นเหนือภพก็มุ่งหน้าสู่ปากทางเข้าเหมืองโชคไพศาล
“2 เหรียญเงิน”
ฮันเตอร์ชายฉกรรจ์เรียกเก็บเงินด้วยความสุภาพ เหนือภพแปลกใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าที่เหมืองนี้ค่อนข้างมีอารยธรรม นอกจากจะมีฮันเตอร์เฝ้ายามที่มีมารยาทแล้ว ที่นี่ยังมีจำนวนฮันเตอร์เฝ้ายามมากถึงยี่สิบคน นี่เป็นสิ่งรับประกันได้ว่านักขุดเหมืองที่นี่จะได้รับความคุ้มครองอย่างดีเยี่ยม
เหนือภพรีบจ่ายเงิน แล้วก็รีบเดินเข้าไปภายในโถงหลัก โถงหลักแห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่มาก แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของถ้ำแต่ก็สว่างไสวตลอดเวลาด้วยไฟตะเกียงมากมาย ที่นี่มีกระโจมพักแรมของนักขุดเหมืองผู้มีอุดมการณ์นับร้อยหลัง บางคนก็ตั้งใจปักหลักอยู่ในนี้ราวกับว่าหากไม่ได้แร่สมใจก็จะไม่ขอออกไปอย่างเด็ดขาด
เหนือภพรู้สึกชื่นชมพวกเขาเป็นอย่างมาก เกิดมาเป็นผู้ไร้พรสวรรค์แต่หากมุ่งมั่นทุ่มเท สักวันพวกเราก็จะรวยได้
เหนือภพสังเกตพวกนักขุดอยู่พักใหญ่จนเห็นว่ามีเส้นทางไหนบ้างที่มีคนเข้าออกมากที่สุด เขาประหลาดใจเล็กน้อยที่นักขุดทุกคนต่างถืออีเตอร์ใหม่ หัวขุดเงาวับกันทุกคน
‘แปลก นี่มันจะมีอารยธรรมเกินไปมั๊ย’
จากนั้นเหนือภพก็เดินดุ่มลึกลงไปตามเส้นทางที่มีนักขุดบางตาที่สุด แสดงว่าเส้นทางนี้ต้องลึกมาก หรือไม่ก็อันตรายมากแน่
ตลอดทางเหนือภพได้ยินเสียงขุดแร่เพียงบางเบา เส้นทางนี้มีคูหาไม่ซับซ้อน ขอเพียงเดินเข้าไปจนสุดทางก็จะเห็นคูหาตามรายทางทั้งหมด มีนักขุดกล้ามโตเพียงไม่กี่คนที่ยังดันทุรังขุดที่คูหาแถวนี้
“เจ้าจะไปไหน”
นักขุดกล้ามโตคนหนึ่งที่มีรอยแผลพาดยาวบนใบหน้าเอ่ยถามเหนือภพอย่างสงสัย
“ข้าจะไปหาที่เหมาะ ๆ ขุดแร่”
เหนือภพหยุดตอบคำถาม พร้อมกับเหลือบมองตะกร้าแร่ของชายคนนี้ และก็เป็นอย่างที่คิด ในตะกร้ามีเพียงแค่แร่หนึ่งสีเพียงเท่านั้น
“อย่าไปทางนั้นเลย ไม่มีประโยชน์”
“ทำไมล่ะ”
“มันสุดทางแล้ว เมื่อสองวันก่อนมีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งดื้อรั้นจะเข้าไปให้ได้ จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่เห็นเขาออกมาเลย”
“เขาขุดแร่เพลินรึเปล่า”
“เห้อ เจ้าก็คงเป็นพวกหนุ่มดื้อรั้นอีกคนสินะ ถ้างั้นจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า”
“ขอบคุณครับ อ้อ ข้ามีอีกเรื่องจะบอก ด้านที่พี่กำลังขุดอยู่น่ะไม่มีสายแร่แล้ว ขืนขุดต่อไปจะเจอแต่แร่ไร้สีนะ ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี”
เหนือภพพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินจากไปสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของเส้นทาง จนกระทั่งเดินมาถึงป้ายไม้สีแดงที่ปักเด่นหราอยู่กลางเส้นทาง
-- อันตราย ห้ามเข้า --
“หึ”
ในอดีตเขาเคยดื้อเข้าไปขุดในเขตอันตราย จนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของสัตว์อสูรตุ่นตุ๊กแก แต่ตอนนี้เขาคิดว่าสัตว์อสูรในถ้ำธรรมดาคงทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
เหนือภพคว้าคบเพลิงตรงสุดทางเดิน แล้วก็เดินอ้อมป้ายประกาศเข้าไปในพื้นที่มืดมิดข้างหน้า
เกร๊ง เกร๊ง เกร๊ง
‘เอ๊ะ มีนักขุดอยู่ที่นี่ด้วยหรอ หรือจะเป็นหนุ่มดื้อรั้นที่พี่คนนั้นเล่าให้ฟัง’
เมื่อเหนือภพส่องคบเพลิงไปในทิศทางที่น่าจะเป็นต้นเสียง เขาก็เห็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังขุดผนังหินอยู่อย่างขะมักเขม้น เขาคนนั้นไม่สวมเสื้อ มีเพียงกางเกงขายาวเนื้อหนาเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ติดอยู่บนร่างกายเขา
“เฮ้ เจ้าควรจะออกไปจากที่นี่นะ”
เหนือภพตะโกนบอกด้วยความหวังดี เพราะที่แบบนี้อาจจะมีสัตว์อสูรใต้ดินโผล่มาตอนไหนก็ได้ แต่ในจังหวะที่ชายหนุ่มคนนั้นหันตัวกลับมา เหนือภพก็ถึงกับหรี่ตามองอย่างไม่เป็นมิตร
“เจ้านั่นแหละ ออกไปซะ”
เมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันหน้ากลับมา แผงอกกำยำชุ่มเหงื่อ กล้ามเนื้อแน่นทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาสะท้อนกับแสงคบเพลิงในมือเหนือภพ หากเป็นหญิงสาวสักคนมาเห็นเข้าก็คงอ่อนระทวยลงตรงนั้นเลย แต่สำหรับเหนือภพแล้ว เขาไม่ได้มองเช่นนั้น
แค่เพียงเห็นใบหน้าคมสันกับร่างกายบึกบึนนั้น เหนือภพก็รู้สึกได้ถึงพลังกายอันแข็งแกร่งแบบที่เขามี ชายคนนี้คือคู่แข่งขุดแร่ที่น่ากลัว…
“เจ้าคือใคร ทำไมข้าไม่เคยเห็นหน้า”
ชายคนนั้นตะโกนถามเหนือภพทั้ง ๆ ที่อีเตอร์เงาวับในมือยังไม่หยุดขุดหิน เหนือภพรู้สึกเหมือนถูกหยาม
‘คิดว่าตัวเองขุดแร่เก่งนักรึ เจอข้าหน่อยเป็นไร’
“ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า”
เหนือภพพูดจบก็วางข้าวของลง แล้วก็เริ่มขุดผนังหินในด้านตรงกันข้ามกับคนชายคนนั้นทันที
เกร๊ง
เกร๊ง เกร๊ง
เกร๊ง เกร๊ง เกร๊ง
สองหนุ่มแข่งกันขุดราวกับนัดกันไว้ หากใครคนหนึ่งขุดหนึ่งที อีกคนจะขุดรัวสองที แล้วอีกคนก็จะต้องขุดให้ได้มากกว่าเป็นสามที โดยมีคบเพลิงอันเดียวตั้งเด่นเป็นกรรมการอยู่ตรงกลาง
และเรื่องราวก็ดำเนินต่อไปเช่นนี้หนึ่งวันเต็มโดยไม่มีใครเสียเวลาหยุดพักกินอาหาร มีเพียงน้ำดื่มเท่านั้นที่พวกเขาใช้ประทังชีวิต
“เจ้าจะไม่บอกข้าจริง ๆ หรอ ว่าเจ้าเป็นใคร” ชายคนนั้นหันมาถามเหนือภพเป็นระยะ
“เอาไว้เจ้าชนะข้าได้เมื่อไหร่ ค่อยมาถามก็แล้วกัน”
“งั้นหรอ ดูนี่สิ”
เหนือภพหันหน้ากลับไปมองตามคำเรียกร้อง เขากวาดตาดูตะกร้าแร่ของตนเองและชายคนนั้นก็พบว่ามันบรรจุแร่สองสีไว้เท่า ๆ กันคือประมาณครึ่งตะกร้า ดังนั้นจึงถือว่าพวกเขายังเสมอกัน
แต่ยังไม่ทันที่เหนือภพจะได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะวางก้อนแร่สองสีก้อนสุดท้ายลงไปในตะกร้า
“เฮ้ย”
“รอบนี้เจ้าแพ้ บอกมาซะดีดี”
“ข้าชื่อเหนือภพ แล้วเจ้าล่ะ”
“ชนะข้าให้ได้ก่อนซี๊”
เหนือภพรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก เจ้านี่เป็นใคร ? ทำไมถึงได้แข็งแรงมากขนาดนี้ แต่หากวัดกันที่ความอึดแล้ว เหนือภพกลับเหนือกว่า เขาสามารถขุดด้วยความเร็วมากกว่าชายคนนั้นถึงสองเท่า
ทว่าชายคนนั้นกลับมีความแข็งแรงอย่างเยี่ยมยอด แถมยังไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนอีกด้วยเพียงแค่เขาง้างแขนขุดเพียงครั้งเดียว ผนังหินแกร่งใต้ดินก็เกิดเป็นหลุมลึกเข้าไปเกือบหนึ่งศอก
ครึ่งวันต่อมา
“นี่เจ้า หันมาดูนี่”
เหนือภพเป็นฝ่ายตะโกนเรียกบ้าง ชายคนนั้นหยุดขุดแล้วหันมาดูก็พบว่าตะกร้าของเหนือภพเต็มแล้ว แต่ของเขาก็เต็มเช่นกัน
“หึ”
แล้วเขาก็วางก้อนแร่สองสีก้อนสุดท้ายลงไปในตะกร้าทำให้มันพูนสูงขึ้นกว่าของเหนือภพ
“มุกเก่าน่า”
เหนือภพอมยิ้มจากนั้นก็โกยแร่ที่เขาซ่อนไว้หลังตะกร้าขึ้นมาใส่ทับของเดิม ตอนนี้ตะกร้าของเหนือภพพูนจนล้นตกลงมาเลยทีเดียว
“บอกมาเจ้าคือใคร มาจากไหน”
“เฮอะ ข้าชื่อใต้หล้า มาจากตระกูลใต้”
“เจ้าเป็นแค่ผู้ไร้พรสวรรค์ แต่ทำไมเจ้าถึงแข็งแรงขนาดนี้”
เหนือภพถามอย่างไม่เข้าใจ ใต้หล้าคนนี้ไม่ได้เป็นฮันเตอร์ด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงได้พอฟัดพอเหวี่ยงกับเขาได้
“แปลกตรงไหน ก็บรรพบุรุษของข้าเป็นคนขุดแร่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
“งั้นรึ แต่บรรพบุรุษของข้าเป็นคนขุดแร่ที่ไร้เทียมทาน”
เมื่อสองหนุ่มสบตากัน ก็คล้ายจะมีเสียงชริ๊งดุจประกายดาบที่เผยคมออกมา แต่ทั้งสองก็ไม่ได้โต้เถียงอะไรกันอีก ต่างคนต่างแยกย้ายแบกเอาตะกร้าแร่ออกมาขาย
ตลอดทางจากก้นเหมืองจนถึงหน้าร้านรับซื้อแร่ พวกเขาทั้งสองต่างได้รับเสียงฮือฮาระคนชื่นชมมาตลอดทาง ด้วยภาพลักษณ์ชายหนุ่มวัย 18 ปีแสนหล่อล่ำกำยำบวกกับตะกร้าแร่ที่พูนไปด้วยแร่สองสี แร่สองสีที่แม้จะพบเห็นกันได้ทั่วไปในเหมืองนี้ แต่มันก็ต้องใช้เวลานานนับเดือนกว่าจะขุดรวบรวมจนได้เต็มตะกร้าเช่นนี้ พวกเขาจึงทำให้ทุกคนหนุ่มอิจฉาและทำให้สาว ๆ ตาร้อนกันเลยทีเดียว
เหนือภพขายแร่ได้เงินหลายพันเหรียญเงิน เขายังไม่พอใจนักแต่ก็ต้องหยุดพักกินอาหาร และแบ่งเวลามาหาวัตถุดิบลับในแท็บแล็ตด้วย เขาเดินเข้าไปในชายป่าใกล้ ๆ แล้วลงมือสร้างกระโจมพักชั่วคราวด้วยตัวเอง
ส่วนใต้หล้านั้น หลังจากเขาได้เงินมาเขาก็มุ่งหน้าไปร้านซ่อมแซมเครื่องมือและอาวุธทันที ก็อีเตอร์ของเขามีรอยขูดนี่นา เขาจึงต้องพามันไปหาช่างเพื่อทำการเคลือบผิวใหม่สักหน่อย